นักฆ่าฮองเฮาของข้า / สุดยอดนักฆ่า มเหสียอดรัก - ตอนที่ 468
บทที่ 468 ความลับที่ไม่มีใครรู้1
“พี่ต้นหญ้าช่างประเมินข้าน้อยสูงเกินไปแล้ว ข้าน้อยเป็นเพียงหญิงสาวชนบทคนหนึ่งก็เท่านั้น จะมีความสามารถเช่นต้นหญ้าขนาดนั้นได้อย่างไรกัน เสี่ยวเหยาไม่เป็นวรยุทธ์จริงๆ พี่ต้นหญ้าจะต้องเข้าใจผิดเป็นแน่” ซินเหยาไม่รู้เลยจริงๆ ว่าตนไปแสดงออกตอนไหนว่าตัวเองเป็นวรยุทธ์ ควรบอกว่าแม้แต่ตัวนางเองยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองเป็นวรยุทธ์ นางเข้าใจว่าตนเองเป็นคนธรรมดาๆ คนหนึ่งมาโดยตลอด เช่นนั้นจะเป็นไปได้อย่างไร นอกเสียจาก…
“เช่นนั้นมันเกิดอะไรขึ้นกับเจ้าตอนที่อยู่โถงใหญ่ ข้าไม่รู้เลยว่าคนธรรมดาๆ คนหนึ่งจะมีความว่องไวขนาดนั้น แม้ว่าจะแค่เดินผ่านไปยังคว้าแจกันดอกไม้นั่นได้ทัน” ต้นหญ้าคิดถึงทุกอย่างในห้องโถงใหญ่ ยังคงไม่ค่อยแน่ใจ สายตาที่มองซินเหยานั้นแฝงแววหยั่งเชิงอย่างลุ่มลึก
จริงๆ ด้วย ซินเหยาไม่ได้เดาผิด การกระทำเมื่อครู่ของนางแม้แต่ตัวนางเองยังค่อนข้างสงสัยอยู่ไม่น้อย เพียงแต่สี่ปีมานี้ตัวนางเองไม่ได้รับรู้ถึงมัน เรื่องวิทยายุทธ์ยิ่งเป็นไปไม่ได้เข้าไปใหญ่
“ข้อนี้น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ในตอนนั้น ตอนนั้นสถานการณ์ฉุกละหุก ข้าน้อยไม่ได้คิดอะไรมากแล้วจึงพุ่งเข้าไป บางทีนี่อาจจะเป็นเหมือนกับเด็กข้างห้องป้าจางที่กำลังจะตกต้นไม้ก็ได้ ตอนนั้นความเร็วของนางก็ไวยิ่งนัก เหมือน เหมือนกับสายฟ้า” ซินเหยาแสร้งทำท่าทีไร้เดียงสาตอบคำถามของต้นหญ้า ท่าทีจริงจังแบบนั้นดูเหมือนสิ่งที่พูดเป็นความจริง
ต้นหญ้าฟังคำอธิบายนี้ พลางคิดว่ามันก็มีเหตุผล เมื่อก่อนมีผู้เฒ่าผู้แก่บอกว่าพวกเขาปฏิบัติต่อเด็กๆ ของตนด้วยความรักของแม่ที่ยิ่งใหญ่ก็นับว่ามีหลักการอยู่จริงๆ นางยังจำได้แม่นว่าตอนแรกมีบิดาคนหนึ่งช่วยชีวิตลูกของตนเอาไว้ ก็เป็นเช่นนี้แหละ
“อืม นั่น…อะไรนะ เสี่ยวเหยาใช่ไหม สถานที่ตรงนี้ถ้าเจ้ามีเวลาก็มาทำความสะอาดสักหน่อย แต่ยามปกติถ้าไม่มีธุระก็ไม่ต้องเข้ามา จำไว้ว่าเจ้าไม่ได้ยินและไม่ได้เห็นอะไรทั้งนั้น” ต้นหญ้านึกถึงความเรียบนิ่งและท่าทีการทำงานของนาง ก็คิดว่าบางทีก็สามารถทดสอบดูสักหน่อย อย่างไรเสียเวลาของตนก็มีไม่มาก ซ้ำยังสามารถหยั่งเชิงได้สักหน่อย
มองส่งเงาหลังนั้นจนลับตา ซินเหยากวาดสายตามองไปรอบๆ อย่างสงสัย สถานที่แห่งนี้เงียบสงบ สงบเสียจนค่อนข้างน่ากลัว
แต่ซินเหยากลับชื่นชอบความสงบเช่นนี้ นี่ก็คืออุปนิสัยของนาง
ความสงบมักจะทำให้ผู้คนขบคิดได้เสมอ นางมองสำรวจไปทางทิศเหนืออย่างไม่มีจุดประสงค์ใดๆ สายตาทอดมองไปทิศทางนั้น นางก็ไม่รู้ว่าสรุปแล้วตนเองมองอะไรอยู่กันแน่ ทิศเหนือมีอะไรเชื่อมโยงกับตนเองกันแน่ ทางเหนือนี้ไกลมากไหมนะ นางและสถานที่ไกลโพ้นนี้จะมีอะไรเกี่ยวข้องกันนะ
ฟากฟ้ายามราตรีกำลังจะคล้อยลงมา ทางเหนือแปรเป็นจุดสีดำเล็กๆ นางละสายตากลับมา หมุนกายเดินจากไป
วินาทีที่นางจากไป คนผู้หนึ่งปรากฏตัวออกมาท่ามกลางภูเขา รูปร่างของภูเขาแห่งนี้ดูค่อนข้างประหลาด เล็ก ราบเรียบ ไม่มีความพิสดาร ทว่าด้วยความเป็นภูเขาไร้ความพิสดารเช่นนี้ กลับสามารถซ่อนความลับที่ไม่มีใครรู้เอาไว้ได้
กลับมาถึงการดูแลที่พ่อบ้านเตรียมไว้ให้แก่นาง คราวนี้ซินเหยาจึงรู้สึกว่าเริ่มเหนื่อยขึ้นมา คิดไม่ถึงว่าตนเองทำงานแค่นี้แต่กลับเหนื่อยขนาดนี้เชียว
“เจ้า?” นาทีที่กำลังก้าวเข้าห้อง จึงค้นพบว่าด้านในมีคนอยู่หนึ่งคน ข้อนี้ไม่ถือว่าแปลก นับแต่ตอนที่นางเข้ามาในห้องนี้ตอนกลางวันก็รู้แล้วว่าที่เป็นห้องสำหรับสองคน
แต่ว่าสิ่งเดียวที่ทำให้นางค่อนข้างประหลาดใจก็คือเจ้าของห้องนี้
“คิดไม่ถึงว่าพวกเราจะได้พบกันอีกนะ” เมื่อเด็กสาวคนนั้นเห็นว่าเป็นนาง ก็กอดนางสู่อ้อมออกอย่างกระตือรือร้นทันที
“เอ๋? สวัสดี คิดไม่ถึงว่าพวกเราจะได้อยู่ห้องด้วยกัน”
เมื่อก่อนนางไม่เชื่อเรื่องพรหมลิขิต แต่ตอนนี้นางจำต้องเชื่อว่าความบังเอิญเหล่านี้เชื่อมโยงกับพรหมลิขิต เด็กสาวคนนี้ไม่ใช่คนอื่นไกล เป็นคนที่ได้เจออยู่หน้าห้องคุณหนูรองเมื่อตอนกลางวันนั่นเอง
“ใช่แล้ว วันนี้ข้ามองเห็นรูปโฉมของเจ้าอยู่ลางๆ ก็คิดว่าตัวเองตาฝาด ตอนนี้เพิ่งรู้ว่าที่แท้ก็มีสาวงามสะคราญโฉมขนาดนี้จริงๆ สินะ” ความตื่นเต้นของตนปกปิดไม่มิด นอกจากคุณหนูใหญ่และคุณหนูรองแล้วนางเป็นคนที่สวยที่สุดเท่าที่ตนเคยเห็นมาทีเดียว อันที่จริงนางสามารถจัดอยู่อันดับหนึ่งได้เลย เพียงแต่เพราะฐานะของนาง ตนลดคะแนนลงในใจ เด็กสาวงึมงำคำพวกนี้อยู่ในใจ
“เจ้าชมข้าเกินไป รูปโฉมเป็นสิ่งที่พ่อแม่ให้มา ถ้าหากทำได้ ข้าก็อยากจะมีใบหน้าธรรมดาอย่างกับพวกเจ้านั่นแหละ” ไม่รู้ว่าทำไม นางรู้สึกว่ารูปลักษณ์นี้มักจะนำพาความเดือดร้อนไม่จำเป็นมาให้แก่ตน ถ้าหากนางเป็นเพียงคนธรรมดาคนหนึ่ง บางทีก็อาจจะสามารถใช้ชีวิตอย่างสงบสุขตลอดกาลก็ได้ แต่ว่ารูปโฉมนี้ ตัวนางเองก็ไม่รู้ว่าจะรับประกันว่าจะใช้ชีวิตอย่างสงบสุขหรือไม่
“เฮ้ เจ้าชื่ออะไร ข้าชื่อชุ่ยฮัว เจ้าเรียกข้าว่าเสี่ยวชุ่ยก็ได้นะ”
ทำไมเมื่อได้ยินคำว่าชุ่ยฮัว ซินเหยามักจะมีความรู้สึกอยากหัวเราะอยู่เรื่อย เหตุใดชื่อนี้ถึงได้คุ้นหูขนาดนี้กันนะ “ข้าชื่อซินเหยา” ในส่วนความจริงใจของเสี่ยวชุ่ย นางคู่ควรที่จะบอกชื่อของตนให้แก่เสี่ยวชุ่ย
ยามราตรีคล้อยคลุมด้วยสมบูรณ์ หลังจากพูดคุยเจื้อยแจ้วกับเสี่ยวชุ่ยไม่ยอมหยุดแล้วในที่สุดซินเหยาก็สามารถนอนหลับได้สมใจปรารถนา ถึงแม้จะเหนื่อยจนแทบทนไม่ไหวแล้ว แต่ว่าก็ได้รับข้อมูลข่าวสารที่มีประโยชน์มากมายทีเดียว
อย่างน้อยๆ นางก็ได้รู้เหตุการณ์ของโถงใหญ่ในวันนี้ การเผชิญหน้าเช่นนี้ การวางแผนอย่างนี้ ถือเป็นเรื่องธรรมดาที่เกิดขึ้นได้ในสงครามของเหล่าผู้หญิง เมื่อคิดดูแบบนี้แล้ว นางค่อนข้างแปลกใจที่ตนเองดูเหมือนจะเข้าใจเรื่องราวของคนหมู่มากเช่นนี้ ทั้งๆ ที่นางเองจำอะไรไม่ได้เลย
คิดไม่ออกจริงๆ นางทำได้เพียงผล็อยหลับอย่างเงียบๆ
เพียงแต่ในความฝัน มีบางสิ่งที่มีเขาแปลกๆ เพิ่มขึ้นมา และวิ่งไล่ตามสุดกำลัง วิ่งแล้ววิ่งอีก วิ่งเสียจนนางเมื่อยล้าไปทั้งกาย ตอนที่นางวิ่งไม่ไหวแล้ว บางสิ่งนั่นกระโดดขวางหน้าสลัร่างกายบังเรือนร่างของตน