นักฆ่าฮองเฮาของข้า / สุดยอดนักฆ่า มเหสียอดรัก - ตอนที่ 500
ตอนที่ 500 เป็นคนของใคร1
น้ำในจวนเว่ยตกลงลึกขนาดไหนกันแน่ เว่ยโก๋กงคนนี้ไม่ได้รู้สึกผิดแปลกเรื่องการสู้รบตบมือระหว่างสองคนนี้หรอกหรือ?หรืออาจจะเป็นเพราะเขามีเรื่องสำคัญกว่าที่ต้องจัดการ แต่ซินเหยาก็มีคำถามผุดขึ้นมา อย่างนั้นเว่ยโก๋กงต้องเคยผ่านเหตุการณ์อะไรมา!
ซินเหยาคิดว่าจะไปเดินวนที่ๆตนเคยถูกชนในวันพรุ่งนี้ เหตุผลมีอยู่สองประการ เห็นได้อย่างชัดเจนว่าคนผู้นั้นวิ่งออกมาจากสถานที่หนึ่ง ถ้าอย่างนั้นสถานที่แห่งนี้ ก่อนที่ยังไม่เกิดอะไรขึ้น ก็ต้องหาสิ่งที่เป็นแรงจูงใจของตน
“ซินเหยา ทำไมเจ้ารู้อะไรทุกอย่างเลยล่ะ?”เสี่ยวชุ่ยป้าปากหาว แต่นัยน์ตานับถือเยินยอเต็มไปด้วยความจริงใจ
พอเห็นสีหน้าของเสี่ยวชุ่ย ซินเหยาก็รู้สึกดีขึ้นมาก อีกทั้งถึงแม้ปกติเสี่ยวชุ่ยจะพูดมากไปบ้าง แต่กลับจุดประกายให้คำแนะนำนางได้ดี
ทันใดนั้น ก็มีคำถามหนึ่งโปล่เข้ามาในหัว ซินเหยาเงยหน้าขึ้นมามองเสี่ยวชุ่ยแล้วถามขึ้นอย่างยากลำบาก“เสี่ยวชุ่ย พวกเราเป็นเพื่อนกันใช่ไหม?”เพื่อนคำนี้ ซินเหยาไม่รู้ว่าความปรารถนาอันแรงกล้านี้โผล่เข้ามาในหัวนางเมื่อไหร่
เสี่ยวชุ่ยตะลึงไปชั่วครู่ หลังจากนั้นก็ยิ้มออกมา“แน่นอนอยู่แล้ว!อิๆ”
มองเห็นเสี่ยวชุ่ยที่พูดอย่างตรงไปตรงมา ซินเหยาก็เต็มตื้นแล้ว ถ้าอย่างนั้นความพยายามของนาง ความเป็นห่วงของนางก็คุ้นค่าแล้ว“ถ้าอย่างนั้นก็บอกข้ามาว่าเจ้าเป็นคนของใคร!”คำถามนี้ตรงมาก ตรงจนไม่ว่าจะตอบอย่างไร ก็ผิดอยู่ดี
แต่ในบางครั้ง ก็ต้องเลือก ไม่อย่างนั้นก็อาจจะเกิดปัญหาได้
เสี่ยวชุ่ยมองหน้าของซินเหยา ไม่พูดอะไร ได้เพียงแต่มองไปไกลจนสุดลูกตา หลังจากนั้นก็นานมาก สุดท้ายก็เปิดปากที่ทำให้ซินเหยายิ่งสับสนหนักเข้าไปอีก
วันเวลาผ่านไปวันแล้ววันเล่า ซินเหยาอย่าหายาถอนพิษไม่ได้ ถึงนางจะเคยพูด แต่เป็นคำมั่นสัญญาที่นางให้กับตนเองและเสี่ยวหย่า ตอนนี้นางกำลังคิดทุกวิถีทาง
“ซินเหยา เจ้าคิดยาถอนพิษได้รึยัง วันนี้ปาเข้าไปวันที่สองแล้วนะ!”สำหรับซินเหยาที่ปิดประตูไม่ออกไปไหน ไม่ทำอะไร เอาแต่เหม่อลอย เสี่ยวชุ่ยร้อนใจยิ่งกว่าซินเหยาเสียอีก
ความจริงซินเหยาก็รู้สึกกระวนกระวายใจ แต่นิสัยของนางก็เป็นแบบนี้นั่นแหละ ถึงจะกระวนกระวายร้อนใจแค่ไหนก็จะใช้ความเงียบสงบเข้าข่มไว้
ความจริงแล้วซินเหยาคิดได้วิธีหนึ่งสามารถลองดูได้ แต่ไม่รู้ว่าวิธีนี้จะได้ผลอะไรไหม
“ซินเหยา เจ้าตอบข้าสักคำยังดี ข้ากังวลใจแทนเจ้านะ!”เสี่ยวชุ่ยทนซินเหยาที่เอาแต่เงียบไม่ไหวแล้ว เมื่อก่อนนางรู้สึกว่าดีมาก มีคนคอยรับฟังตนเองพูดบ่น แต่เวลานี้เป็นเวลาบีบคั้น
ซินเหยาเงยหน้ามองเสี่ยวชุ่ยด้วยแววตาเฉยๆ “เจ้ารู้ไหมว่าที่ไหนเปียกชื้นที่สุด?”หญ้าแบบนั้นชอบขึ้นในที่อากาศชื้นและมืด ในจวนเว่ยแห่งนี้ดอกไม้ใบหญ้าก็เยอะ แต่กลับไม่ชุ่มชื้นพอ
เสี่ยวชุ่ยเอียงหัว เหมือนกับกำลังวิเคราะห์คำพูดของซินเหยา ทันใดนั้นนางก็“ข้ารู้แล้ว!”ความสำเร็จเล็กๆนั่นทำให้นางรู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก
แต่ซินเหยาก็ดีใจอย่างกลุ้มใจเล็กน้อย ไม่ว่าสิ่งที่เสี่ยวชุ่ยพูดจะช่วยได้หรือไม่ สิ่งของทุกอย่างไม่ได้มาด้วยลมพัดโบกมา ถ้าอย่างนั้นก็น่าจะหาทางแก้อะไรได้
“เจ้าลองพูดมาสิ!”ซินเหยายิ้มให้นาง มองเสี่ยวชุ่ยอย่างคาดหวัง
เสี่ยวชุ่ยได้รับสายตาอย่างนั้น จึงรู้สึกพูดขึ้นอย่างประหม่า เกาหัวตัวเองเล็กน้อยแล้วเปิดปากพูด “ครั้งก่อนเพราะว่าต้องตามหากระต่ายของฮูหยินรอง พวกเราออกตามหากันหลายคนมาก สุดท้ายไปหาที่หลังเขา ตอนนั้นยังเป็นฤดูร้อน ข้าคิดเดินหลงเขาไปยังสถานที่หนึ่ง ทำให้ข้าหกล้มด้วยแน่ะ พื้นของที่นั่นเย็นฉ่ำ ข้าว่าสถานที่นั่นน่าจะชื้นพอนะ”
ถึงแม้จะได้ยินเสี่ยวชุ่ยพูดมาอย่างนั้น ซินเหยายังคงคิดว่าคงเป็นไปไม่ได้ขนาดนั้น แต่ตอนนี้ไม่มีวิธีอื่นอีกแล้ว ซินเหยาทำได้เห็นม้าตายแล้วต้องรักษาดุจม้าเป็นลองดูสักตั้ง
ตอนเที่ยงพอกินข้าวกลางวันเสร็จ ซินเหยาขอตัวลากับฮูหยินใหญ่ หลังจากนั้นก็เดินทางไปหลังเขาคนเดียว
แม้ว่าเข้าช่วงฤดูใบไม้ผลิแล้ว แต่อากาศก็ยังคงเปียกชื้นอยู่ สิ่งที่สำคัญคือบนต้นไม้เริ่มมีต้นอ่อนงอกขึ้นมาแล้ว ต้นไม้ของที่นี่มักจะพบเจอได้น้อย เลี้ยงยากมาก
เดินตรงไปตามทาง ยิ่งเดิน ซินเหยาพึ่งสังเกตเห็นว่าทางยิ่งเดินยากขึ้น
“อ้าก”เท้าของซินเหยาข้างหนึ่งลื่นไปกับพื้น หากว่าการลื่นล้มครั้งนี้จะทำให้ถึงสถานที่นั้นคงจะดีไม่ใช่น้อย ความจริงก็คือหลังเขาลูกนี้มีความลาดชัน เพราะฉะนั้นหากว่าเดินพลาดแม้แต่ก้าวเดียวก็จะต้องกลิ้งตกลงไปข้างล่างอย่างแน่นอน
ซินเหยามองดูว่าเกือบจะลื่นหกล้มไปทางอีกด้าน ริมหน้าผา ตกใจจนต้องรีบดึงต้นไม้ที่อยู่ตามไหล่ทาง นางจำเป็นต้องใช้สายตาให้แม่นยำ เพราะว่าแขนของนางไม่ยาวพอ เพียงแค่ระหว่างที่นางกลิ้งลื่นลงไปข้างหลังตลบไปสองตลบทำให้นางจับโดนกิ่งไม้ ไม่อย่างนั้นคงอันตรายมาก
สายตามาดมั่น ร่างกายของนางคอยย้ำเตือน ขณะที่จ้องมองต้นไม้ต้นนั้น ซินเหยาก็รู้สึกตกใจ ระหว่างที่ลื่นลงไป นางได้ลืมความเจ็บปวดเลย ใช้มือข้างหนึ่งยันกับพื้นไว้ อีกข้างก็รวบรวมแรง ใช้แรงกลิ้งไปสองตลบตามทิศทางของต้นไม้สุดท้ายก็ใช้มือคว้าต้นไม้ต้นนั้นไว้อย่างแม่นยำ
“ฟู่!”ในที่สุดก็เหมือนยกหินออกจากอก มองลองไปทางหน้าผาสูงข้างล่าง ถึงพึ่งรู้สึกตัวได้ว่าหวาดกลัว
แต่ในของนางก็มองไปตามสายตาที่จ้องไปยังหญ้ากอหนึ่ง เป็นหญ้าเฉี่ยนเหมียนที่นางกำลังตามหาอยู่ นางดีใจมากแต่กำลังหาวิธีเอามันลงมา สถานที่ตรงนี้ชันมาก อีหทั้งยังลื่น นางใช้มือข้างหนึ่งจับต้นไม้ไว้ อีกข้างก็พยายามเอื้อมมือไปคว้ากอหญ้าจุดตำแหน่งนั้น