นักฆ่าฮองเฮาของข้า / สุดยอดนักฆ่า มเหสียอดรัก - ตอนที่ 514
บทที่514ความเชื่อใจที่มีต่อใคร
“ซินเหยา ข้าก็บอกแล้วใช่ไหมว่าคุณชายหมิงเช่อไม่ได้เป็นอย่างที่พวกเจ้าคิดกันหรอกน่า เจ้าไม่รู้หรอก หมิงเช่อช่วยนายท่านแก้ไขปัญหายิ่งใหญ่ให้นายท่านด้วยนะ” เสี่ยวชุ่ยมองซินเหยาด้วยสีหน้าเปล่งปลั่ง รอยยิ้มนั้นทำเอาซินเหยาหวานหยาดเยิ้มไปหมด
ซินเหยาทำเพียงยิ้มบางๆ จากนั้นก็มองเสี่ยวชุ่ยเบาๆ โดยไม่พูดอะไรเลย
พอเสี่ยวชุ่ยเห็นซินเหยาเป็นเช่นนี้ ก็ไม่ยินยอมด้วยแล้ว “ซินเหยา นี่เจ้าทำอะไรน่ะ ไม่พูดอะไรเลยสักอย่าง คำพูดของข้านี่เป็นเรื่องจริงนะ” ตอนที่เสี่ยวชุ่ยเอ่ยถ้อยคำนี้ก็แฝงท่าทีสาบานไปด้วย
เห็นว่าเสี่ยวชุ่ยร้อนรน ซินเหยาเองก็ไม่ได้โจมตีเสี่ยวชุ่ยอีก “ข้ารู้แล้ว สิ่งที่เจ้าพูดเป็นความจริง เขาบอกเจ้าเองเลยใช่หรือไม่”
เมื่อซินเหยาได้ฟังเสี่ยวชุ่ยพูด ก็รู้แล้วว่าสิ่งที่นางพูดนั้นเป็นสิ่งที่หมิงเช่อบอกนาง ขอให้รู้ไว้ว่าเรื่องกิจการอันเป็นความลับขนาดนี้จะบอกเสี่ยวชุ่ยอย่างง่ายดายขนาดนั้นได้อย่างไรกัน และตอนนี้เสี่ยวชุ่ยก็เป็นคนโง่คนหนึ่งไปแล้วจริงๆ
“โอ้ ก็นั่นแหละ” พอเสี่ยวชุ่ยได้ยินซินเหยาพูดเช่นนี้ ก็ไม่ได้มีอะไรต้องให้พูดมากความแล้ว จึงก้มหน้างุด
อันที่จริงซินเหยาพอรู้มาบ้างแล้ว อย่างน้อยก็รู้มากกว่าเสี่ยวชุ่ย
นางยังจำได้ที่วันนั้นหมิงเช่อเรียกหาตน บอกว่าชอบจะพูดคุยกับคนที่ฉลาดเช่นนาง และคุยกันได้แบบไม่มีความบาดหมาง
ซินเหยาย่อมต้องไม่ได้กระชากหน้ากากของเขาอยู่แล้ว เพียงแค่ใช้อุปนิสัยเงียบสงบเช่นนั้นของนาง รับฟังหมิงเช่อเอ่ยวาจาอย่างเงียบๆ
ดูเหมือนว่าหมิงเช่อเองก็จะชอบบรรยากาศเช่นนี้มาก จึงพูดพึมพำกับตัวเองขึ้นมา
“ซินเหยา เจ้ารู้หรือไม่ว่าเหตุใดมนุษย์ต้องมีชีวิตอยู่ มนุษย์หนอ ชั่วชีวิตนี้จะต้องทำเพื่อคนหนึ่งหรือสองคน หรือไม่ก็เรื่องๆ หนึ่ง พยายามทำให้สุดความสามารถของตนโดยไม่เสียดาย บางครั้งการทำเช่นนี้อาจจะทำร้ายญาติหรือสหายของตน ทว่าหนทางนี้ก็จำต้องเดินต่อไป”
ความรู้สึกเปี่ยมอารมณ์แบบฉับพลันของหมิงเช่อดูเผินๆ ไม่ได้มีอะไร แต่ว่าในสมองของซินเหยามีบางสิ่งที่เรียกว่าจิตวิทยา ข้อนี้ยังทำให้นางสามารถวิเคราะห์แยกแยะความหมายที่แฝงอยู่ในประโยคได้
อีกอย่างตอนนั้นหมิงเช่อยังเคยพูดออกมาหนึ่งประโยค “ฮูหยินรองคนนั้นเป็นคนอย่างไร”
สำหรับหมิงเช่อคนที่แทบจะไม่ต้องติดต่อสื่อสารกับฮูหยินรองเลย เขาไม่ควรเกิดข้อสงสัยใคร่รู้ต่อฮูหยินรองจึงจะถูก ถึงแม้จะเพราะว่าการแนะนำครั้งนี้เป็นความดีความชอบของฮูหยินรอง แต่ประโยคนี้ก็ไม่ควรถามซินเหยา ซินเหยารู้ว่าบางทีระหว่างคุณชายหมิงเช่อกับฮูหยินรองอาจจะมีส่วนเกี่ยวพันกันก็ได้
เพียงแค่ตั้งแต่ต้นจนจบ ซินเหยาเหมือนผ้าขาวบริสุทธิ์ ไม่พูดอะไรเลย และไม่ได้คิดอะไร ทำเพียงฟังถ้อยวาจาของหมิงเช่ออย่างเงียบเชียบ
“จากที่เจ้าพูดมาอย่างนี้ น้องชายข้ายังนับว่าเป็นประโยชน์อยู่บ้าง ไม่ได้ทำให้ข้าผิดหวังนัก” เมื่อฮูหยินใหญ่ได้ฟังคำรายงานของซินเหยา บนใบหน้าก็ผุดรอยยิ้มขณะเอ่ยวาจา
ซินเหยาคุกเข่าลงด้านล่าง และเงยหน้าขึ้นมองฮูหยินใหญ่ “เจ้าค่ะ”
“ฮ่าๆ เช่นนั้นก็ดี จะได้ไม่เสียแรงที่ข้ามีความไว้วางใจต่อเขา” ในที่สุดฮูหยินใหญ่ก็ทอดถอนใจ หลายวันนี้กลับทำให้นางนั่งไม่ติด นางนอนไม่ค่อยจะหลับมาได้ระยะหนึ่งแล้ว วินาทีนี้พอผ่อนคลายลงมาได้ก็เริ่มรู้สึกเมื่อยล้าเล็กน้อย
“ความไว้ใจที่มีต่อใครกันน่ะ” จู่ๆ น้ำเสียงของผู้ชายคนหนึ่งก็ดังขึ้นขัดจังหวะการสนทนาระหว่างฮูหยินใหญ่และซินเหยา
“โอ้? พูดถึงโจโฉ โจโฉก็มาจริงๆ เจ้ามาพอดีเลย เมื่อครู่ข้ายังได้ฟังซินเหยาอวดเจ้าอยู่แหนะ” เมื่อฮูหยินใหญ่เห็นว่าผู้เข้ามาเป็นญาติผู้น้องที่เพิ่งจะพูดถึงพอดี ใบหน้าก็ปีติ และกวักมือเรียกหมิงเช่อ
หมิงเช่อเดินเข้าไป มองซินเหยาแวบหนึ่ง จากนั้นจึงเดินไปทางฮูหยินใหญ่ “ท่านพี่อวดอะไรข้ากันหนอ”
“จะอวดเจ้าที่ไหนกัน นี่เป็นเรื่องดีที่เจ้าทำต่างหาก ในเมื่อเป็นความจริง ทำไมถึงได้บอกว่าอวดกันเล่า” ตอนนี้ท่าทีที่ฮูหยินใหญ่มองไปที่หมิงเช่อดูดีขึ้นมาบ้างแล้ว
ข้อนี้ทำให้หมิงเช่อดีอกดีใจ เขาเข้าใจว่านี่เป็นสิ่งที่ซินเหยาทำเพื่อเขา ดังนั้นสายตาคู่นั้นยิ่งดูกระตือรือร้นมากขึ้น
“นี่เป็นสิ่งที่ข้าสมควรทำ ฮ่าๆ เป็นเพราะท่านพี่นำพาทำเลดีๆ มาต่างหากเล่า” ในสายตาของพวกเขา พี่สาวคนนี้ทำได้หมดทุกอย่าง พวกเขาล้วนยกย่องนางขึ้นเป็นตัวอย่างในหัวใจ
“ฮ่าๆ เจ้าช่างปากหวานนัก พูดมาแล้วระยะนี้ก็ไม่ได้ติดต่อกับทางบ้านมานานแล้ว หรือไม่ก็รับพวกเขาเข้ามาพักอาศัย จะได้เห็นว่าเจ้าทำได้ดีมากแค่ไหน” จู่ๆ ฮูหยินก็นึกขึ้นได้ว่าไม่ได้ติดต่อกับที่บ้านมาพักใหญ่แล้ว ตนเอาแต่หมกอยู่ในจวนไม่ค่อยได้ออกไปไหนเลย
“หา? รับคนที่บ้าน?” เห็นชัดว่าหมิงเช่อคิดไม่ถึงเลยว่าฮูหยินใหญ่จะนึกถึงคนที่บ้าน แวบนั้นพลันตกใจ และค่อนข้างตื่นตระหนก “เอ่อ ท่านพี่ไม่ต้องหรอกน่า”
ฮูหยินใหญ่เองก็นิ่งงัน นางไม่เคยคาดคิดว่าหมิงเช่อคนนี้จะปฏิเสธ “เป็นอะไรไป เจ้าไม่ต้องการหรือ” กลอกสายตามองแววตานั้นของหมิงเช่อมันค่อนข้างแปลกประหลาด
“โอ้ ท่านพี่เข้าใจผิดแล้ว เพียงแต่ระยะนี้ท่านพ่อออกไปท่องแดนเที่ยวเล่นกับพวกท่านลุงท่านอากันแล้ว บอกว่าผ่านไปสักหลายๆ วันกว่าจะกลับมา” ภายนอกหมิงเช่อนับว่ายังสงบ ทว่าตอนเอ่ยวาจาเห็นชัดว่าค่อนข้างสั่นระริกอยู่
พอฮูหยินใหญ่ได้ฟังเช่นนี้ ก็แย้มยิ้ม “คิดไม่ถึงว่าพวกท่านพ่อจะมีเวลาว่างสบายอารมณ์เช่นนี้ เอาเถิด ขอเพียงพวกเขามีความสุขก็พอแล้ว ข้าเองก็ค่อนข้างเหนื่อยแล้ว เกรงว่าเจ้าเองก็คงมีเรื่องต้องไปจัดการ ถ้าอย่างนั้นก็ไปทำธุระก่อนเถิด” กล่าวพลางหยัดกายลุกขึ้นเตรียมตัวออกไป ซินเหยาก็ตามฮูหยินใหญ่ออกไปด้วย
มองฮูหยินใหญ่จากไป หมิงเช่อผู้นี้แอบเช็ดหยาดเหงื่อของตน หัวใจที่ลอยขึ้นมาจ่อคอหอยเมื่อครู่นี้พลอยลดระดับลง เขายังไม่อยากให้ญาติผู้พี่ของตนรู้เข้านะ
“ซินเหยา ไปจัดการธุระสักเรื่องให้หน่อยเถิด” ฮูหยินใหญ่ถูกซินเหยาพยุงมาถึงห้อง มองเงาร่างที่ยุ่งง่วนของซินเหยาพลางเอ่ยคำ ในน้ำคำนั้นแฝงความเมื่อยล้าไม่รู้จบอยู่
ซินเหยาหมุนกายมองฮูหยินใหญ่พลางปริปากเอ่ยคำ “ฮูหยินใหญ่บัญชามาเถิดเจ้าค่ะ”
“อืม ไปตรวจสอบคนในครอบครัวของข้าให้ข้าหน่อยนะ”
ซินเหยารู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่นางลองคิดมุมกลับดูก็พอเข้าใจขึ้นบ้าง ถึงแม้คุณชายหมิงเช่อจะพยายามกลบเกลื่อนตอนเอ่ยวาจาแล้ว ทว่าซินเหยากลับมองออกว่าด้านในนั้นมีปัญหา ยิ่งนับประสาอะไรที่เป็นถึงญาติผู้พี่ของเขา ฮูหยินใหญ่เดิมก็มิใช่คนสามัญ จะไม่สังเกตเห็นได้อย่างไรกัน ดูท่าคุณชายหมิงเช่อคนนี้ยังมีเรื่องอะไรปกปิดอยู่
นับตั้งแต่ออกมาจากทางฝั่งฮูหยินใหญ่ ซินเหยาก็วางใจไม่ลงเลยจริงๆ หมิงเช่อผู้นี้ดูค่อนข้างแปลกๆ อยู่ จะไปยินยอมพบกับคนในครอบครัวได้อย่างไร ส่วนการเดินทางท่องเที่ยวที่เขาว่านั่น คิดๆ ดูแล้วซินเหยาก็ไม่รู้ว่าสรุปแล้วสถานที่ที่หมิงเช่อผู้นี้บอกนั้นอยู่ที่ไหนกันแน่
“ท่านว่าเรื่องนี้จะทำอย่างไร”
ซินเหยาฉวยโอกาสตอนที่ไม่มีคน ลอยตัวไปยังสถานที่พำนักของหมิงเช่อ เดิมทีแค่นึกอยากดูเสียหน่อยว่ายามปกติหมิงเช่อผู้นี้ทำอะไรบ้าง คิดไม่ถึงว่ากลับได้ยินเสียงๆ นี้
นางกำลังคิดว่าหมิงเช่อพูดคุยอยู่กับเสี่ยวชุ่ยหรือไม่ แต่หลังจากนั้นเสียงผู้หญิงคนหนึ่งกลับทำลายความคิดของนางลง
“เช่นนั้นก็รีบจัดการให้ทันเวลาเสียสิ” ทันทีที่หญิงสาวปริปาก ซินเหยากลับเห็นคนที่มีใบหน้าเป็นมิตรปรากฏต่อสายตาของนางทีละคน
“จะจัดการอย่างไรดีเล่า” หมิงเช่อในเวลานี้เป็นเหมือนแมลงวันหัวขาด ไม่สามารถมองหาทิศทางได้เลย
เห็นเพียงแต่ผู้หญิงคนนั้นทำได้เพียงส่ายหน้า สายตาที่มองทางหมิงเช่อนั้นค่อนข้างจนปัญญา “เจ้าแน่ใจว่าฮูหยินรองช่วยเจ้าได้นะ”
หมิงเช่อนิ่งงัน สักพักเขาก็เข้าใจน้ำเสียงของผู้หญิงคนนั้น และดูอารมณ์เสียเล็กน้อย ถึงขนาดถูกผู้หญิงคนหนึ่งพูดแบบนี้ ซ้ำผู้หญิงตรงหน้าคนนี้กลับยังเป็น…
สีหน้าของเขาค่อนข้างปั้นยาก แต่ว่ากลับพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อรักษาความประพฤติของเขา “ข้ารู้ว่าจะจัดการอย่างไร เพียงแต่อยากดูว่าพวกท่านมีวิธีที่ดีกว่าหรือไม่ ในเมื่อไม่มี เช่นนั้นข้าก็จะไปจัดการด้วยตัวเอง”
หญิงสาวก็ไม่ได้พูดมากอะไรอีก หมุนกายเดินจากไป ไม่ได้คิดจะอยู่ต่อเลยสักครึ่งเสี้ยว
หมิงเช่อมองเงาหลังของหญิงสาว อยากจะเรียกอะไรสักอย่าง แต่ในที่สุดก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา
ซินเหยาเห็นว่าไม่มีอะไรให้ดูอีก ก็รีบลอยตัวหนีไป ทว่านางรวบรวมข้อมูลในใจของนางในพื้นที่ทั้งหมดของสมอง หญิงสาวเมื่อครู่นั้นนางมั่นใจมากว่านางเคยเห็นมาก่อน เช่นนั้นก็น่าจะอยู่ในความทรงจำของนาง
นางคิดเกี่ยวกับพวกเขาทั้งหมดหนึ่งรอบ และในที่สุดเมื่อรวมกับคนที่นางเคยช่วยชีวิตไว้ คนที่นางช่วยชีวิตไว้… ใช่แล้ว นางฉุกคิดขึ้นได้ในบัดดล นางเคยช่วยชีวิตคนจมน้ำไว้คนหนึ่ง คนผู้นั้นคือฮูหยินห้า ได้ยินเสี่ยวชุ่ยบอกว่าเป็นคนที่ไม่ได้รับความโปรดปราน และยามปกติก็ไม่ชอบแก่งแย่งชิงดีกับใครอยู่แล้ว เหตุใดจึงปรากฏกายที่นี่ได้ นางรู้จักกับหมิงเช่อได้อย่างไรกัน
หรือในตอนแรกที่หมิงเช่อพูดว่าทำเพื่อคนหรือสองคนนั้น หนึ่งในนั้นรวมถึงฮูหยินห้าคนนี้ด้วยอย่างนั้นเชียวหรือ อีกอย่างฮูหยินห้าคนนี้รับปากว่าจะช่วยหมิงเช่อเรื่องอะไรกันแน่ ถึงได้ทำให้หมิงเช่อเต็มใจทรยศหักหลังความปรารถนาของพี่สาวตนเองได้
ซินเหยารู้สึกว่ามีปัญหามากมายรุมเร้าตนเข้ามา ดูท่าตอนนี้นางควรไปตรวจสอบเรื่องที่ฮูหยินใหญ่ต้องการสืบเสียหน่อยแล้ว
“เจ้าว่าอะไรนะ” ซินเหยาค่อนข้างเหลือเชื่อกับข้อมูลข่าวสารที่เพิ่งได้ยินมาเมื่อครู่ คนในครอบครัวของฮูหยินใหญ่คนนี้หายตัวไปแล้ว จะเป็นไปได้อย่างไรกัน เช่นนั้นฮูหยินใหญ่ทำไมถึงไม่รู้
“สิ่งที่พวกบ่าวพูดล้วนเป็นความจริง ไม่ได้แชเชือนเลยแม้แต่ครึ่งเสี้ยวขอรับ” คนผู้นั้นรู้สถานะของซินเหยาว่าเป็นคนข้างกายของฮูหยินใหญ่ และเขายังเคยเห็นฮูหยินรองปฏิบัติต่อซินเหยาอย่างสุภาพ เขาเองก็ย่อมต้องระมัดระวังเป็นอย่างมาก
“เอาเถิด เจ้าออกไปก่อน” ซินเหยาเอ่ยปากอย่างใจเย็น ไม่ได้มีความผิดปกติใดๆ เลยสักนิด ข้อนี้ทำให้บ่าวรับใช้ผู้นั้นไม่กล้าพูดอะไรมาก คนเช่นนี้มักเป็นคนที่พวกเขาเกรงกลัวที่สุด จะทุกข์สุขไม่เอ่ยวาจาหรือแสดงออก
ซินเหยายังคงลังเลว่าควรจะบอกเรื่องนี้กับฮูหยินใหญ่ดีหรือไม่ ทว่ากลับถูกเรื่องราวกะทันหันขัดจังหวะความคิดเสียก่อน
“ซินเหยา ซินเหยา เกิดเรื่องแล้ว” เสี่ยวชุ่ยวิ่งตาลีตาเหลือกเข้ามา มองดูทางซินเหยาพลางหอบหายใจ
ซินเหยาพับเก็บความหน้านิ่วคิ้วขมวดของตน ค่อนข้างแปลกใจกับพฤติกรรมดังกล่าวของเสี่ยวชุ่ย
“เรื่องอะไรทำไมถึงได้กระวนกระวายขนาดนี้” ซินเหยาปริปากเอ่ยถาม
”เอ่อ คุณชายหมิงเช่อกับฮูหยินรองพบหน้ากันแล้ว” เสี่ยวชุ่ยพูดแบบนี้ จู่ๆ ก็รู้สึกว่าพลังนี้ยังไม่เพียงพอนัก จึงเสริมอีกหนึ่งประโยค “ความหมายของข้าคือ คุณชายหมิงเช่อและฮูหยินรองคบชู้กัน!” เสี่ยวชุ่ยมองรอบสารทิศอย่างระมัดระวัง ดูยังมีความรู้ตื่นอยู่ตลอด
ซินเหยามองทางเสี่ยวชุ่ยด้วยความสงสัยเล็กน้อย เห็นชัดว่าไม่ค่อยในสิ่งที่นางพูดสักเท่าไหร่ ถูกนางพบเข้าแบบนี้ ฮูหยินรองและหมิงเช่อคงไม่ประมาท…ควรจะบอกว่าอล่างฉ่างถึงจะถูกขนาดนี้หรอก
“เจ้าพูดความจริงหรือ เจ้าแน่ใจนะว่าไม่ได้ตาฝาด” ซินเหยาเอ่ยถามอีกครั้ง มองทางแววตาของเสี่ยวชุ่ยซึ่งแฝงความมุมานะเอาไว้
เสี่ยวชุ่ยเองก็รู้สึกว่าพูดแบบนี้ก็มีส่วนทำให้คนไม่เชื่อ จึงลากซินเหยาไปพิสูจน์ “ข้าจะพาเจ้าไปดูเดี๋ยวก็รู้เอง”
ซินเหยาไม่ได้ขยับ ทำเพียงแน่นิ่งเล็กน้อย แต่พลิกกลับไปดึงเสี่ยวชุ่ยเดินออกไป เพียงแต่ทิศทางที่นางเดินไปนั้นไม่ใช่ที่พักของหมิงเช่อ แต่เป็นเรือนพำนักของฮูหยินใหญ่ บางทีเรื่องนี้จำเป็นต้องให้ฮูหยินใหญ่เป็นคนตัดสินเองถึงจะถูก
“ฮูหยินใหญ่ เรื่องก็เดินแบบนี้แหละเจ้าค่ะ” เสี่ยวชุ่ยเดินไปตลอดทางและสภาพทางอารมณ์ของนางยังคงสงบนิ่งเป็นอย่างมาก
ฮูหยินใหญ่ขมวดคิ้ว ลูกประคำในมือหมุนเร็วมากขึ้นเรื่อยๆ ผ่านไปพักใหญ่นางจึงปริปากเอ่ยถาม “เมื่อครู่เจ้าเห็นเข้าได้อย่างไรกัน”
สีหน้าของเสี่ยวชุ่ยเปลี่ยนไปแวบหนึ่ง จากนั้นจึงเอ่ยคำอย่างระแวดระวัง “บ่าวกำลังจะเดินมาถึงนอกประตู จากนั้น จากนั้นก็ได้ยินเสียงของคุณชายหมิงเช่อจากด้านใน แล้วยังมีเสียงของผู้หญิงคนหนึ่ง เสียงนั้นเหมือนกับเสียงของฮูหยินรองเปี๊ยบ ดังนั้นบ่าว บ่าว…”
ครั้นฮูหยินใหญ่ฟังถึงตรงนี้ ก็มองเสี่ยวชุ่ยด้วยสายตาคมกริบ เห็นว่าเสี่ยวชุ่ยไม่ได้หลบเลี่ยงเลยสักนิด จึงเชื่อน้ำคำของเสี่ยวชุ่ย แต่ในส่วนเรื่องที่เสี่ยวชุ่ยพูดเป็นความจริงหรือไม่นั้น นางย่อมมีวิจารณญาณอยู่แล้ว
“เอาล่ะ ข้ารู้แล้ว เจ้าออกไปก่อนเถิด” ฮูหยินใหญ่ออกคำสั่งอย่างเฉยเมย
เสี่ยวชุ่ยค่อนข้างเหลือเชื่อ เรื่องนี้จะจบง่ายๆ แบบนี้เชียวหรือ “ฮูหยินใหญ่ จะไม่ไปจับคนทรยศหน่อยหรือเจ้าคะ”