นักฆ่าฮองเฮาของข้า / สุดยอดนักฆ่า มเหสียอดรัก - ตอนที่ 572
ตอนที่ 572 สุดท้ายแล้วผู้หญิงก็ไม่ใช่คนฉลาด
ซ่างกวนเหมิงห้าวเข้าใจความหมายของซินเหยาผิด หนึ่งคือคิดว่านางเป็นคนที่นี่ และนางเปลี่ยนหัวข้อสนทนาเพื่อยืดเวลาออกไปอีก
แต่ซ่างกวนเหมิงห้าวก็ยังรับรู้ได้ถึงความสวยงามในใจของซินเหยา ความรู้สึกอุ่นใจแปลกๆ “หาที่ที่หนึ่งไม่ใช่ต้องใช้เวลา แต่เป็นสิ่งนี้” พูดจบซ่างกวนเหมิงห้าวก็ใช้นิ้วชี้ชี้ไปที่ศีรษะของตนเอง
ซินเหยามุ่ยปาก ถึงแม้จะเข้าใจเหตุผลนี้แต่นางก็ยังไม่ยอมแพ้
“เหมือนเจ้าไม่เป็นห่วงเลย” ในที่สุดซินเหยาก็ยอมพูดประโยคแรกออกมา
ซ่างกวนเหมิงห้าวหันมามองดูซินเหยาที่นิ่งอยู่ “ที่เจ้าบอกว่าไม่เป็นห่วงงั้นอะไรล่ะ” ซ่างกวนเหมิงห้าวในตอนนี้มีความรู้สึกอบอุ่นอย่างแปลกๆกับซินเหยา
แต่วรยุทธของซินเหยาก็ใช่ว่าไม่ดีเสียที่ไหน ถึงแม้รูปร่างจะเหมือนปีศาจ แต่ก็ไม่ได้มีผลอะไรกับการพิจารณาของตนเอง
“เจ้ารู้ไหมว่าเป็นตรงไหน ถ้าหากแค่นี้ยังไม่รู้ งั้นก็ไม่ใช่คุณชายซ่างกวนคนนั้นที่ข้าหมายปองไว้แล้วล่ะ” ซินเหยายักคิ้วแล้วนั่งลงเล่นกับน้ำอุ่นๆนั่น
ซ่างกวนเหมิงห้าวมองดูซินเหยาด้วยสายตาที่ลึกซึ้ง เขาใช้มือปล่อยพลังออกมานิดหน่อย ทันใดนั้นน้ำก็ลอยขึ้นมา
ไปน้ำร้อนค่อยๆลอยขึ้นมาหลังจากนั้นก็ปกคลุมไปทั่วบริเวณนั้น
รวมไปถึงซ่างกวนเหมิงห้าวและซินเหยาที่อยู่ตรงหน้าเขา
ซินเหยาอยู่ท่ามกลางหมอกไอน้ำ มีความรู้สึกที่คุ้นเคยอย่างแปลกๆเข้ามาในหัวของนาง
“หมายปอง แน่นอนข้าคือคุณชายซ่างกวนที่เจ้าหมายตาเอาไว้” ซ่างกวนเหมิงห้าวอยู่ท่ามกลางหมอกเช่นนี้ทำให้เขามีความคิดเข้ามาในหัวว่าคนๆนี้ก็คือซินเหยา สนมที่อยู่ในใจเขาคนที่เขารัก
ซินเหยาได้ยินเช่นนี้สติของนางก็กลับมา นางมองซ่างกวนเหมิงห้าวที่สีหน้าในตอนนี้กำลังสับสนอยู่ด้วยอาการที่ไม่ปกปิดความรู้สึกของตนเลยแม้แต่นิดเดียว “พวกเรารู้จักกันหรือ”
ถามประโยคนี้ออกไป ซินเหยาถึงได้คำนึงนึกถึงความคิดไม่ถึงของตนเอง
หมอกค่อยๆจางหายไป ซ่างกวนเหมิงห้าวไม่ได้คิดอะไรกับคำพูดของซินเหยา เขารีบเปลี่ยนสีหน้ากลับมาปกติดังเดิมพร้อมกับพูดขึ้นว่า “ฝ่ายตรงข้ามยอมให้แล้วทำไมเจ้ายังไม่ยอมให้อีก ดูว่าใครจะทนได้จนถึงตอนสุดท้าย จนถึงขั้นไม่ไหว เว่ยโก๋กงก็คงทนจนตาย อีกอย่างเจ้าเป็นพ่อค้าก็ต้องเข้าใจว่าจะทำการค้าอะไรสักอย่าง แน่นอนว่าต้องมาแข่งกันว่าใครจะแพ้ชนะ มีความสามารถมากน้อยแค่ไหน กล้าแค่ไหน และมีโชคแค่ไหน”
ซินเหยาเงียบก้มหน้าครุ่นคิด สายตามองดูน้ำในสระแล้วยิ้มพร้อมกับพูดขึ้นว่า “คุณชายซ่างกวนพูดมาก็มีเหตุผล”
ซินเหยาไม่รู้ว่าน้ำในสระนี้ใสแค่ไหน สีหน้าของนางถูกนำสะท้อนออกมาอย่างชัดเจน
ซ่างกวนเหมิงห้าวมองดูซินเหยา เพราะหมอกไอน้ำทำให้สีหน้าดูหมองๆ แปลกๆ หรือว่านางจะสวมหน้ากากคนเอาไว้นะ
คิดมาถึงตรงนี้ซ่างกวนเหมิงห้าวอยากจะลองดูเขาเลยฉวยโอกาสยื่นมือเข้าไปจับหูขณะที่ซินเหยายังไม่ทันได้ตั้งตัว
พอมือเขาไปโดนหูของซินเหยา ซินเหยาสะดุ้งหันมามองซ่างกวนเหมิงห้าวด้วยความโกรธเล็กน้อย
ซ่างกวนเหมิงห้าวช่างกล้ายื่นมือเข้ามา “ข้างๆหูเจ้ามีรอยเปื้อนข้าเช็ดให้เจ้าเรียบร้อยแล้ว”
ซินเหยาตกใจ ถ้าหากรู้ว่าใบหน้านี้ของนางเป็นแค่การแปลงโฉมเท่านั้น อีกหน่อยนางจะทำอะไรคงไม่สะดวกแน่ นางไหนเลยจะไปสนใจคำพูดของซ่างกวนเหมิงห้าว
ซ่างกวนเหมิงห้าวเห็นซินเหยาใช้มือไปลูบที่มือเขาไปแตะโดน เขายิ้มที่มุมปาก ผู้หญิงสุดท้ายก็ไม่ใช่คนฉลาดอยู่ดี แต่ไม่มีหน้ากากคนจริงๆหรอก งั้นมันก็คือใบหน้าที่แท้จริงของคน พอคิดไปเขาก็รู้สึกเสียดาย แต่ก็ไม่รู้ว่าเสียดายเรื่องอะไรเช่นกัน
ทั้งสองต่างคนต่างคิด สุดท้ายก็คุยกันเรื่องทั่วไปแล้วจบเรื่องนี้ไป ซินเหยานิ่งเงียบความกล้าหาญของซ่างกวนเหมิงห้าวแสดงออกมาอย่างชัดเจน เพียงแต่ว่าเรื่องราวที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ไม่อยู่ในความคาดหมายของซินเหยา และก็นอกเหนือจากที่ซ่างกวนเหมิงห้าวคิดเอาไว้ด้วย
“ไทเฮา………” ขันทีคนหนึ่งกระซิบเข้าที่ข้างหูของไทเฮา และสามารถดูสีหน้าของไทเฮาได้อย่างชัดเจนในตอนนี้
“เจ้าพูดมาเป็นความจริงหรือ” ไทเฮาไม่ค่อยเชื่อมั่นเสียเท่าไหร่ แต่ดูจากท่าทางของขันทีแล้วถึงมันจะเกินไปหน่อยก็จริง แต่เขาคงไม่กล้าโกหกหรอก
ไทเฮาขมวดคิ้วมือลูบกำไลข้อมือไปมา เหมือนนางกำลังคิดหนัก นางมองออกไปไกลและครุ่นคิดอะไรอยู่ แต่จากที่นางถอนหายใจและกำมือแน่นก็รู้ได้ทันทีว่านางได้ตัดสินใจอะไรสักอย่างที่นางลำบากใจแล้ว
ผ่านไปครู่หนึ่ง นางถึงได้หันกลับมามองขันทีคนนั้นและพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น
“พวกเจ้าส่งแอบส่งคนไปจับตัวเขามาให้ข้า ข้าอยากรู้ว่าเขาคิดจะทำอะไรกันแน่” นางมองมาครั้งนี้เหมือนจะต้องการอะไรสักอย่าง
“พ่ะย่ะค่ะ” ขันทีมองดูสีหน้าของไทเฮาแล้วรีบถอยออกมา
กลางดึกทุกสิ่งอย่างหลับใหลกันหมด ความมืดมึนกลับมาอีกครั้ง พวกที่หลบซ่อนอยู่ก็ค่อยๆปรากฏตัวออกมา
พอคนชุดคำคนหนึ่งเข้ามาในวัง ทันใดนั้นเขาก็เห็นอะไรบางอย่างผ่านตา ใบหน้าของเขาปรากฏช่องว่าง
“พวกเจ้าเป็นใคร” เขาพูดจบก็ลงมือทันที
ทั้งหมดนี้เขาแค่ลงมือก่อนเอง แต่สำหรับคนที่รอมานานแล้วนั้นเขาไม่มีทางชนะแน่
“อยากรู้ว่าพวกเราคือใครงั้นก็ไปกับพวกเราสิ” และในเวลานั้นเองก็มีผู้ที่มีวรยุทธสูงส่งโผล่ออกมาอีกไม่กี่คนแล้วล้อมรอบเขาเอาไว้
เขาตกใจ คิดไม่ถึงว่าครั้งนี้ที่เขามาหานายท่านจะถูกจับตามองเอาไว้ หรือนายท่านจะเกิดเรื่องแล้ว เขาคิดมาถึงตรงนี้ใบหน้าของเขาก็เย็นทันที
พวกเข่าวิ่งสลับกันไปมาแล้วล้อมเขาเอาไว้เขาอยากจะแตะต่อยแต่ก็ทำอะไรไม่ได้เนื่องจากถูกจับล้อมเอาไว้
“พวกเจ้าต้องการอะไรกันแน่” เขาทำอะไรไม่ได้ เสียงดังขนาดนี้ทำไมยังเงียบอยู่ เงียบจนผิดปกติ
เขารู้สึกว่าทั้งหมดนี้เหมือนเป็นแผน เขาคิดอยากจะกัดลิ้นตาย แต่คิดไม่ถึงว่าคนพวกนั้นเหมือนจะรู้ว่าเขาคิดอะไรจึงได้รีบเข้ามาจับตัวเขาเอาไว้ ทำให้เขาไม่สามารถทำตามความคิดของตนเองได้
พอเขาถูกจับมาถึงตำหนักบิงฉือของไทเฮา เขาถึงได้รู้ว่าตนนั้นได้ตกหลุมพรางเสียแล้ว
“เจ้าคิดใช่ไหมว่ายังไงก็คงจะไม่พูด” ไทเฮาพูดกับผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าอย่างกับพูดเล่น
ผู้ชายคนนั้นหันหัวมาราวกับว่าเขาได้เตรียมตัวรอเอาไว้แล้วว่าสู้ให้ถึงที่สุดไม่งั้นก็ตายให้มันรู้แล้วรู้รอดกันไปเลย
ไทเฮามองดูท่าทางของเขา ก็รู้ได้ทันทีว่าเขาคิดอะไรอยู่ในตอนนี้ แต่เหมือนนางจะไม่รีบร้อน นางกลับรินน้ำชาแล้วมองดูใบชาในถ้วยค่อยๆลอยไปมา จากนั้นก็จมสู่ก้นแก้ว นางทำแบบนี้แล้วใช้ฝาแก้วปิดเปิดไปมา
เขาสามารถทนได้กับการถูกทรมาน แต่กลับทนไม่ได้กับการที่ไทเฮาไม่พูดอะไรเลยแบบนี้ ยิ่งท่าทางของนางเขายิ่งทนไม่ไหว เหงื่อไหลเต็มหน้าผากเขาในตอนนี้
ไทเฮาดูสีหน้าเขาแย่ลงเรื่อยๆ ขนาดเสื้อผ้าของเขายังเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ นางยิ้มแล้วลุกขึ้นยืน จากนั้นก็ค่อยๆเดินมาตรงหน้าของชายผู้นั้น
“ได้ยินว่าเจ้าชอบพอกับสาวใช้คนหนึ่ง ข้ายกนางให้เจ้าดีไหม” ขณะที่ไทเฮาพูดประโยคนี้นางยักคิ้วขึ้นแล้วยิ้มราวกับรู้ทุกอย่างเป็นอย่างดี
แต่พอชายคนนั้นได้ยิน สีหน้าเปลี่ยนไปทันที สำหรับคำพูดประโยคนี้ของไทเฮา คนอื่นอาจจะไม่เข้าใจ แต่เขาเข้าใจมันเป็นอย่างดี ถ้าเขายังไม่เข้าใจอีกเขาคงโง่เกินไปแล้ว
ไทเฮาพูดประโยคนี้จบก็กลับมานั่งที่เก้าอี้ดังเดิม ค่อยๆรอให้เวลาผ่านไป แต่แท้จริงแล้วคือรอให้ชายผู้นั้นคิดไตร่ตรอง
ชายผู้นั้นขมวดคิ้วแล้วค่อยๆคิด จากรอยย่นบนหน้าผากของเขาทำให้รู้ว่าในเวลานี้เขากำลังลำบากใจ
ทันใดนั้นไทเฮาได้หยิบของชิ้นหนึ่งขึ้นมา “โอ้” ของสิ่งนั้นตกจากมือของนางแล้วกลิ้งไปหยุดอยู่ตรงหน้าชายผู้นั้น
เขาเบิกตากว้างแล้วรีบก้มหน้าลงไปทันที “ข้าน้อยขอบพระทัยไทเฮาที่ประทาน”
ของที่ตกลงตรงหน้าของเขาคือไข่มุกของหญิงสาวที่ไทเฮาพูดถึงเมื่อครู่นี้ ไข่มุกนี้เขาเป็นคนมอบให้กับนางเอง และบนนั้นยังมีรอยเปื้อนเลือดด้วย ทำให้เขาตอบตกลงกับไทเฮาทันที
ขอบคุณนี้ก็เท่ากับว่าเขายอมทำงานให้กับไทเฮาแล้วหักหลังเจ้านายของตนเอง
ในที่สุดไทเฮาก็ยิ้มอย่างพอใจแล้วมองดูคนผู้นั้นที่กำลังคุกเข่าอยู่
“ให้เขานั่งเถอะ” ไทเฮาสั่งให้บ่าวพยุงเขาลุกขึ้นไปนั่งบนเก้าอี้
“พูดมา” ไทเฮาเป็นคนที่ทำงานไม่มีข้อบกพร่องเลยแม้แต่น้อย ทุกคนไม่มีทางที่จะหนีรอดได้ สุดท้ายยังไงขิงแก่ก็เผ็ดกว่าอยู่ดี
ชายผู้นั้นก็เหมือนจะถูกฝึกมาดี รู้ว่าไทเฮาไม่ธรรมดาเขาเองก็ไม่อ้อมค้อม
ไทเฮายิ่งฟังเขาพูดสีหน้าก็ยิ่งแย่ลงเรื่อยๆ แต่สุดท้ายไทเฮาก็ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ออกมา
“เรื่องนี้เจ้ายังคงต้องทำต่อไป แต่อย่าให้ผู้หญิงคนนั้นมีชีวิตกลับมา” ไทเฮาสะบัดมือราวกับว่ามีความแค้นมากมายกับผู้หญิงคนนั้น
สำหรับคำสั่งนี้ของไทเฮา เขาไม่กล้าขัด ยังไงเสียตอนนี้คนที่ตนชอบตกอยู่ในกำมือของไทเฮา
“ข้าจะไปจัดการให้เดี๋ยวนี้” ชายผู้นั้นโค้งเคารพเสร็จก็จากไป
ไทเฮายิ้มพร้อมกับพูดขึ้นว่า “วางใจเสร็จเรื่องนี้ข้าจะจัดงานแต่งให้พวกเจ้า” ไทเฮาก็เป็นแบบนี้แหละตบหัวแล้วลูบหลัง
“นายน้อย คราวที่แล้วข้าลืมรายงานท่านไปเรื่องหนึ่งขอนายน้อยทรงอภัยด้วย” น้าเมิ่งคุกเข่าลงต่อหน้าโจว๋หยูนถิง พูดขึ้นอย่างกล้าๆกลัวๆ การจากไปของนางทำไมนายน้อยถึงรู้
โจว๋หยูนถิงมองดูสายตาที่กล้าๆกลัวๆของน้าเมิ่ง และใบหน้านั้นที่เต็มไปด้วยความกังวลเป็นห่วง เขาใจอ่อน “น้าเมิ่ง เรื่องนี้อันตรายเกินไปเจ้ารู้ไหม หากเจ้าเป็นอะไรขึ้นมาไม่เพียงแต่ช่วยท่านแม่ไม่ได้ ยังจะแหวกหญ้าให้งูตื่นอีก แล้วเจ้าก็ยังต้องเอาชีวิตไปทิ้ง ท่านแม่รักเจ้าเหมือนเป็นพี่น้องจริงๆถ้าเกิดอะไรกับเจ้าขึ้นมาจริงๆเจ้าจะให้ข้าบอกกับท่านแม่ยังไง”
โจว๋หยูนถิงพูดประโยคนี้ด้วยความหนักแน่น และเจ็บปวด
น้าเมิ่งรู้ว่าการกระทำของตนนั้นมันบ้าบิ่นเกินไป แต่เวลานั้นเรื่องราวมันบีบบังคับเกินไปนางไม่มีเวลามาคิดอะไรมากมาย แต่คำพูดของเขายืนยันในการกระทำครั้งนี้ของนางที่นางตัดสินใจทำเช่นนั้น
มองดูน้าเมิ่งที่นิ่งเงียบฟังคำสั่งของของเขา โจว๋หยูนถิงถอนหายใจแล้วให้น้าเมิ่งระวังตัวให้มากจากนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรอีกเลย
“หานคราวที่แล้วให้เจ้าสะกดรอยตามน้าเมิ่ง เจ้าได้เบาะแสอะไรมาบ้าง” โจว๋หยูนถิงยังคงเป็นกังวล และคิดว่าตนนั้นคิดง่ายเกินไปแล้ว เขารู้สึกว่าเหมือนจะมีอะไรบางอย่างที่พลาดไป
หานไม่รู้ว่าทำไมนายของตนถึงได้รู้สึกเช่นนี้ เรื่องในความที่แล้วถึงจะแปลกๆ แต่ฝั่งโน้นก็หายตัวไปแล้ว ตามไม่ทัน เบาะแสก็เหมือนจะขาดหายไปด้วย น้าเมิ่งเองก็เหมือนจะไม่ได้โกหกอะไร
“นายท่านเรื่องคราวที่แล้ว ใช่อยู่ว่าน้าเมิ่งรีบร้อนเกินไป แต่ในตอนนั้นมันก็ไม่มีทางเลือก” หานคิดไปคิดมาเขาก็อยากให้โจว๋หยูนถิงวางใจ
โจว๋หยูนถิงฟังหานพูดเช่นนี้ ที่จริงเขารู้ แต่เขามักจะมีความรู้สึกเป็นห่วงแปลกๆ “ข้าให้เจ้าหมอเจ้าหามาได้หรือยัง”
หานสะดุ้งพูดขึ้นด้วยความลำบากใจว่า “มีเบาะแสบ้างแล้ว แต่ได้ยินว่าคนๆนั้นเป็นคนประหลาด