นักฆ่าฮองเฮาของข้า / สุดยอดนักฆ่า มเหสียอดรัก - ตอนที่ 578
ตอนที่ 578 ใครมันช่างกล้าขนาดนี้
น้าเมิ่งได้ฟังเช่นนี้ก็ถอนหายใจและจากไปโดยที่ไม่พูดอะไร
แต่ซินเหยากลับอยู่นิ่งไม่ได้แล้ว คนอื่นไม่รู้ว่าโจว๋หยูนถิงเป็นยังไง แต่ก็ไม่ได้แสดงว่านางจะไม่รู้ด้วย เรื่องของเขาเกรงว่าคงจะมีแต่นางที่รู้ดีที่สุด
ซินเหยาขมวดคิ้ว ละทิ้งความคิดที่จะไปดูที่วิวที่สวยงามนั่นทันที นางรีบกัลไปที่ห้อง นางไม่อาจให้โจว๋หยูนถิงตกอยู่ในอันตรายได้ วังหลวงคือที่ที่อันตรายที่สุด การคุ้มกันหนาแน่น มีแต่คนมีฝีมือดี
ซินเหยาเข้ามาในห้องก็รีบเตรียมตัว ตอนนี้นางต้องทำเวลาให้เร็วที่สุดเพื่อไปยังวังหลวง ทางเส้นนี้สำหรับคนอื่นอาจดูยากลำบากหน่อยแต่สำหรับนางที่พึ่งกินหญ้าส้งหมิ้งไป วรยุทธก็เพิ่มขึ้น และวิชาตัวเบาของนางขอให้ไปให้ถึงวังหลวงก่อนมืดค่ำเถอะ
ลงมือในตอนกลางคืนคือวิธีที่นางและเขาเลือก
อาจเพราะเหนื่อยเกินไปหรือเพราะบาดแผลยังไม่หายดีทำให้นางต้องใช้แรงมากเป็นพิเศษ
ความสงสัยอย่างเดียวที่ซินเหยาสงสัยคือทำไมนางคุ้นเคยกับทางในวังหลวงยิ่งนัก ทุกอย่างเหมือนกับสถานที่ที่นางเคยอยู่ ให้ความรู้สึกเหมือนนางกำลังกลับบ้าน
ความมืดใกล้เข้ามาแล้ว มองดูท้องฟ้าที่เริ่มมืดลง แต่ซินเหยาก็ไม่สามารถเร็วกว่านี้ได้แล้ว
เพื่อพี่ชายของตนเอง นางทำได้เพียงพยายามไปให้ถึงวังหลวงให้เร็วที่สุด
โจว๋หยูนถิงรอคอยความมืดเข้ามา มองดูท้องฟ้าที่มืดสนิท ในที่สุดเขาก็เหาะเข้าไปในวังหลวง
บรรยากาศในวังทำไมดูแปลกๆ โจว๋หยูนถิงรู้สึกว่าทำไมคืนนี้วังหลวงดูแปลกๆ แต่ยังไงเสียก็เข้ามาแล้ว เขาก็ไม่มีความคิดที่จะกลับออกไป
เขาค่อยๆย่องแอบทหารเวรยามไปทางตำหนักของไทเฮา
ทำไมคืนนี้ตำหนักของไทเฮาถึงได้เงียบเช่นนี้นะ โจว๋หยูนถิงสงสัยแต่ก็รอดูอยู่เงียบๆ แต่ทุกอย่างก็ปกติดีโจว๋หยูนถิงคิดว่าได้เวลาแล้วจึงได้เข้าไปในห้องของไทเฮา
“ใคร” ไม่รู้ว่าเพราะเขาเสียงดังเกินไปหรือเพราะไทเฮาระวังตัวเกินไป โจว๋หยูนถิงเข้ามาในห้องได้เพียงไม่นานไทเฮาก็ตื่นลืมตาขึ้นมาเห็นเขาเดินมาทางเตียงของไทเฮา
จากการที่ได้รับบาดเจ็บในความที่แล้วทำให้ครั้งนี้โจว๋หยูนถิงระวังมากขึ้น แต่ความระวังนั้นมีไว้ใช้กับอันตรายที่ไม่รู้ แต่สำหรับหลุมพรางที่ถูกเตรียมเอาไว้ก่อนแล้วนั้นใช้ไม่ได้
กระบี่ตรงเข้ามาหาเขา แต่เขาก็หลบได้ทัน ทันใดนั้นโคมไฟก็สว่างขึ้นมา นี่มันไม่อยู่ในความคาดการณ์ของเขาแล้ว
“ข้าก็ว่าอยู่ว่าทำไมสองสามวันนี้หนังตามันกระตุกดีนัก เป็นไปตามที่ข้าคิดเอาไว้ มีคนจะเข้ามาทำร้ายข้า ไม่ให้ข้าพักผ่อน” ไทเฮาพูดพร้อมกับเดินเข้ามาในห้อง ส่วนคนเมื่อครู่ที่นอนอยู่คือทหารองครักษ์ที่มีฝีมือสูงส่ง
โจว๋หยูนถิงคิดจะต้องฝ่าออกไป
“ในเมื่อมาแล้ว งั้นก็อย่าคิดว่าจะได้ออกไปง่ายๆ” ไทเฮาสั่งขึ้นคนที่ซ่อนตัวอยู่ก็โผล่ออกมา โจว๋หยูนถิงดูท่าแล้ว คงเตรียมการเอาไว้แล้ว
โจว๋หยูนถิง มองคู่ต่อสู้ต่ำเกินไป พวกเขาก็มองโจว๋หยูนถิงต่ำเกินไปเช่นกัน
เขาปล่อยพลังออกมาทำให้คนที่อยู่ใกล้ตัวเขากระเด็นออกไปไกล เขาฉวยโอกาสที่ยังไม่มีใครเข้ามาหนีไป
ยังหาไม่ได้ครั้งหน้าค่อยมาหาใหม่ แต่ถ้าตนถูกจับได้นั่นมันแย่ยิ่งกว่าแย่อีก
พอคิดมาถึงตรงนี้ ก็ปล่อยพลังออกไปอีกทำให้คนที่เข้ามากระเด็นกลับออกไป
ไทเฮาดูสถานการณ์เช่นนี้ก็รู้ได้ทันทีว่ารวยุทธของเขานั้นไม่ธรรมดา จึงได้สั่งคนข้างๆว่า “ส่งคนเข้ามาเพิ่มอีก ไม่ว่าจะยังไงวันนี้ต้องจับตัวมันมาให้ได้ ข้าอยากจะรู้นักว่ามันเป็นใครกันที่กล้าได้ขนาดนี้”
คนนั้นได้ยินไทเฮาสั่งก็รีบส่งคนมา
โจว๋หยูนถิงไหนเลยจะรอช้า ปล่อยหมัดออกไป ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด เขาถือโอกาสนี้เหาะไปอยู่ตรงหน้าไทเฮา
“เจ้า” ไทเฮาคิดไม่ถึงว่าตนเองจะถูกจับได้ และยังถูกจับในที่ของตนอีกด้วย ทำให้รู้ว่าเขานั้นไม่ธรรมดาจริงๆ
“ห้ามขยับ เดินไปข้างหน้า อย่าหาว่าข้าไม่มีน้ำใจเลยแล้วกันนะ” โจว๋หยูนถิงสั่งทหารที่กำลังจะเข้ามา
ได้ยินโจว๋หยูนถิงพูดเช่นนั้นทุกคนก็ไม่มีใครกล้าเข้ามา เพราะเกรงว่าจะทำให้ไทเฮาได้รับบาดเจ็บ
“พวกเจ้าไม่ต้องตามมาไม่เช่นนั้นไทเฮาไม่รอดแน่” โจว๋หยูนถิงแล้วก็จับตัวไทเฮาเหาะออกไปจากตำหนักฉือบิงเหาะขึ้นไปบนหลังคา
“บอกข้ามาผู้หญิงที่ถูกเจ้ายังไว้อยู่ที่ไหน” โจว๋หยูนถิงยังไม่ลืมเป้าหมายที่ตนมาที่นี่ เขาจับคอไทเฮาแล้วถามขึ้น
ไทเฮาคิด ผู้หญิงคนนั้น คนไหนล่ะ นางรู้ว่ามี แต่ไม่รู้ว่าใคร “ข้าไม่รู้เจ้าคือคนที่ข้าตั้งใจล่อออกมา” ไทเฮาคือมีดที่ไม่มีวันเก่า สถานการณ์เช่นนี้สีหน้านางยังไม่เปลี่ยนเลย
“พูดมา” โจว๋หยูนถิงไม่เชื่อ บีบคอแน่นเข้าไปอีก
ไทเฮาถูกบีบคอจนหายใจลำบาก ทำให้นางไอไม่หยุด “เจ้า แค่ะแค่ะ ถ้าเจ้าฆ่าข้าอย่าหวังว่าจะหนีออกจากวังหลวงไปได้”
โจว๋หยูนถิงได้ฟังไทเฮาพูดเขาก็คิดได้ว่าทำแบบนี้ไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้น แต่ถ้ายังหาคนไม่เจอ เขาก็กลับไปไม่ได้
ในขณะที่เขากำลังลังเล ข้างล่างก็มีเสียงเอะอะดังขึ้น วังหลวงสว่างขึ้นทั่ววัง
“คิดจะหนีก็ต้องถามข้าก่อน” เสียงดุดันของชายผู้หนึ่งดังขึ้น
โจว๋หยูนถิงสะดุ้งเสียงนี้เขาคุ้นเคยกับมันดี เขามันไปทางซ่างกวนเหมิงห้าว “เจ้ากล้าขึ้นมาไทเฮาไม่รอดแน่”
โจว๋หยูนถิงรู้ว่าซ่างกวนเหมิงห้าวเป็นคนบ้าบิ่นดังนั้นเขาเองก็ไม่มั่นใจว่าซ่างกวนเหมิงห้าวจะยอมแลกชีวิตของตนเองกับชีวิตของไทเฮาไหม
ซ่างกวนเหมิงห้าวขมวดคิ้ว “ถ้าเจ้าปล่อยตัวไทเฮาข้าจะไว้ชีวิตเจ้า แต่เจ้าอย่าทำร้ายไทเฮา” คำพูดนี้ของซ่างกวนเหมิงห้าวฟังดูไร้ความรู้สึกยิ่งนัก
โจว๋หยูนถิงยิ้ม “เจ้าพูดจะเชื่อได้สักกี่น้ำกันเชียว เอาแบบนี้ข้าจะพาคนออกไปนอกเมืองกับข้า เจ้าค่อยไปรับกลับมาแล้วกัน” โจว๋หยูนถิงพูดจบก็เตรียมจะพาไปเฮาจากไปด้วย
แต่ใครจะไปรู้ซ่างกวนเหมิงห้าวหยิบธนูจากทหารคนข้างๆมาแล้วยิงออกไป
“พี่ระวัง” ซินเหยารีบเข้ามาในวังหลวง และเห็นเช่นนี้จึงได้เข้าไปไปโจว๋หยูนถิงแล้วดึงเขาเอวไว้ ทำให้โจว๋หยูนถิงหลบธนูได้แต่เพราะธนูเร็วและตรงเกินไปทำให้โดนใบหน้าของซินเหยานิดหน่อย คิดไม่ถึงว่าผ้าที่ปิดหน้าของนางจะถูกยิงจนหล่น
โจว๋หยูนถิงได้ยินคำว่าพี่ชายก็เห็นลูกธนูผ่านหูของซินเหยาไป แล้วหันไปมองทางซ่างกวนเหมิงห้าว พร้อมกับแอบด่า แล้วโยนไทเฮาที่ตนจับมาไปทางซ่างกวนเหมิงห้าว ดึงซินเหยาแล้วเหาะหนีไป
ซ่างกวนเหมิงห้าวไหนเลยจะยอมให้ทั้งสองคนหนีไป กำลังคิดจะตามไป แต่คิดไม่ถึงว่าไทเฮาจะถูกโยนลงขวางทางเขาเอาไว้
เขารีบเข้าไปรับร่างของไทเฮาเอาไว้ แต่เพราะตกลงมาจากที่สูงและอายุของไทเฮาก็มากแล้วทำให้นางรับไม่ได้ พอซ่างกวนเหมิงห้าวรับนาง นางก็หลับตาทันที แต่วินาทีที่นางหลับตานั้น แววตานั่นแลดูสิ้นหวังอย่างเห็นได้ชัด เมื่อครู่นางคิดไม่ถึงว่าซ่างกวนเหมิงห้าวจะไม่สนใจความปลอดภัยของตนแล้วยิงธนูออกไปอย่างนั้นนี่มันคือลูกชายของนางจริงหรือเปล่า นางเสียใจที่เกิดมาในราชวงศ์ ถ้าหากนางไม่ใช่คนในราชวงศ์ลูกชายของนางก็ไม่ใช่ฮ่องเต้ เขาจะทำเช่นนี้กับนางไหม
ซ่างกวนเหมิงห้าวสังเกตเห็นแววตานั่นของไทเฮา แต่ตอนนี้เขาคิดเพียงว่าอยากจะตามสองคนนั้นไป เมื่อครู่เขาสามารถแน่ใจได้เลยว่าคือนาง ถึงแม้แสงไฟจะไม่ค่อยสว่างเท่าไหร่ แต่เขาก็สามารถรับรู้ได้ว่าคือซินเหยา ใบหน้านั่นคือใบหน้าของคนที่เขาอยากได้
“ซินเหยา เจ้ามาทำไม เจ้ารู้ไหมว่ามันอันตรายแค่ไหน” ทั้งสองเหาะมาไกลแล้วจึงได้หยุดอยู่ที่ภูเขาลูกหนึ่ง
โจว๋หยูนถิงมองไปทางซินเหยาแล้วพูดขึ้น เขาตกใจกับสถานการณ์เมื่อครู่นี้มาก
ซินเหยาไม่ค่อยพอใจกับคำถามของโจว๋หยูนถิง นางมุ่ยปากแล้วพูดขึ้นว่า “รู้ว่าอันตรายแล้วมาทำไม เจ้าบุกเข้ามาในวังหลวงคนเดียวเจ้าคิดว่าเจ้ามีสามหัวหกแขนหรือยังไงถ้าไม่ใช่เพราะข้าเมื่อครู่ท่านจะเป็นอย่างไรยังไม่รู้เลย” ซินเหยาไม่พอใจกับท่าทางของโจว๋หยูนถิง และยิ่งโกรธที่เขาพูดเช่นนี้
โจว๋หยูนถิงรู้จักนิสัยของซินเหยาดีถึงนางจะพูดเช่นนี้ เขารู้ว่านางโกรธ แต่พอคิดๆดูนางก็ทำเพื่อตนเอง เขาจึงใจอ่อนแล้วพูดขึ้นว่า “ซินเหยาผู้คนล้วนรู้กันดีว่าข้าไม่มีวรยุทธ ข้าก็มีแค่วิธีนี้ที่จะสืบหาเบาะแส ถ้าหากให้คนอื่นทำแทนข้าก็กลัวว่าพวกเขาจะทำไม่ได้ พอถึงตอนนั้นเจ้าโดนทำร้ายอีกจะทำอย่างไร”
โจว๋หยูนถิงพูดเช่นนี้ทำให้ซินเหยาค่อยๆหายโกรธ ก็มีแต่แค่เขาที่ยังมองว่าตนนั้นเป็นแค่เด็กน้อยคนหนึ่ง แต่ไม่นานนางก็กลับมานิ่งเงียบเหมือนเดิมแล้วมองไปทางโจว๋หยูนถิงด้วยความสงสาร “พี่ในเมื่อท่านไม่อยากให้คนอื่นรู้งั้นก็ไม่ต้องให้รู้ อย่าลืมว่าท่านยังมีอีกสถานะหนึ่ง นั่นก็คือเศรษฐี เป็นเศรษฐีมีข้อดีหลายอย่าง และยังง่ายต่อการที่จะให้ฮ่องเต้หันมาสนใจด้วย พอเขาเชิญท่านเข้าวัง ถึงเวลานั้นท่านก็เข้าวังอย่างถูกต้องลาข้าเข้าวังมาด้วย”
ตอนที่ซินเหยาพูดประโยคนี้สีหน้าของนางดูเจ้าเล่ห์ยิ่งนัก โจว๋หยูนถิงฟังเหมือนตนกำลังโดนหลอกใช้ แต่เขาไม่เห็นด้วยกับประโยคสุดท้ายของนาง “เจ้าไปไม่ได้ อ่อใช่แล้วทำไมวันนี้เจ้าไม่ได้แปลงโฉลมล่ะ” โจว๋หยูนถิงนึกถึงเมื่อครู่ที่ซ่างกวนเหมิงห้าวเห็นใบหน้าที่แท้จริงของซินเหยา ถ้าตามจากเรื่องเมื่อคราวที่แล้วแล้วซ่างกวนเหมิงห้าวจะไม่ต้องยอมรามือแน่ เขาต้องส่งคนไปตามหาแน่
ซินเหยาถึงได้นึกถึงเรื่องผ้าปิดหน้าของตนเอง “ข้ารีบที่เจ้าออกมา คนอื่นไม่รู้จักเจ้า แต่ข้ารู้จักเจ้าดี ข้าคิดแค่ว่าเอาผ้าปิดหน้าก็พอแล้วและรีบตามเจ้ามายังเมืองหลวง” พอนางอธิบายถึงได้รู้สึกเจ็บที่แผลที่หน้าอก ดูท่าตนยังไม่หายดี
แต่ซินเหยาก็ยังคงไม่ลืมคำพูดของโจว๋หยูนถิง “ทำไมถึงไม่ยอมให้ข้าเข้าวังด้วย คราวที่แล้วเหมือนมีคนบอกว่าฮ่องเต้ต้องการจะฆ่าข้า หรือว่าก่อนที่ข้าจะความทรงจำเสื่อมข้าเป็นอะไรกับเขา” ซินเหยาคิดมาถึงตรงนี้นางก็จ้องมองดูโจว๋หยูนถิง
โจว๋หยูนถิงได้ฟังซินเหยาถามเช่นนี้เขาก็รู้สึกหนักใจ “เจ้าคือพระสนมของฮ่องเต้ ส่วนเรื่องหลังจากที่เจ้าเกิดเรื่องข้าเองก็ไม่รู้แล้ว” โจว๋หยูนถิงถึงได้รู้สึกว่าตอนนั้นมันวุ่นวายมาก ไม่เช่นนั้นคงไม่มารู้เรื่องที่ซินเหยาเกิดเรื่องหลังจากนั้นหรอกนางใช้ชีวิตอยู่ในวังยังไง เพราะตอนนั้นวุ่นวายเกินไปเขาจึงไม่ได้ส่งคนเข้าไปคุ้มครองนาง จึงได้เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น
ซินเหยาอึ้งกำคำพูดของโจว๋หยูนถิง สนมงั้นหรือ งั้นก็แสดงว่าฮ่องเต้จำนางได้ แต่ทำไมตนถึงจำไม่ได้ คนเขาว่ากันว่าคนเราเลือกที่จะลืมช่วงเวลาที่เจ็บปวดมากที่สุด งั้นก็เท่ากับว่าเขาเคยทำร้ายตน แต่ทำไมคราวที่แล้วเขาถึงได้มาช่วยตน ซินเหยาคิดมากเกินไปแล้วทันใดนั้นเขาก็ปวดหัวอย่างมาก “โอ้ย” นางตีหัวไม่หยุด