นักฆ่าฮองเฮาของข้า / สุดยอดนักฆ่า มเหสียอดรัก - ตอนที่ 592
ตอนที่ 592 ถึงเวลาที่ควรเจอเขาแล้ว
“พวกเจ้าไปพักผ่อนกันก่อนเถอะ ข้าจะปรึกษากับน้องรองต่ออีกหน่อย” โจว๋หยูนถิงคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาอยากจะรู้เรื่องให้มากกว่านี้ ยังไงก็มาแล้วงั้นก็ต้องเข้าใจและรู้สถานการณ์ในตอนนี้ให้ดีที่สุด
“พี่ใหญ่วันนั้นข้าพบว่ามีปัญหาใหญ่” โจว๋จวู้นมองดูรอบๆและแน่ใจแล้วว่าไม่มีใคร เขาถึงได้กระซิบข้างหูของโจว๋หยูนถิง
โจว๋หยูนถิงได้ฟังใจก็ตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม
“เจ้าแน่ใจนะ” ข่าวแบบนี้ทำให้โจว๋หยูนถิงไม่อยากจะเชื่อ
“มีคนเห็นมั้ย”
โจว๋จวู้นส่ายหัวไปมา และพูดด้วยความมั่นใจว่า “ตอนนั้นแอบดีอยู่ ถึงแม้เว่ยโก๋กงจะแอบฟังข้ากับท่านพ่อคุยกันอยู่ด้านนอก แต่ข้ามั่นใจว่าเขามองไม่เห็น อีกอย่างท่านพ่อพูดไม่ได้แล้ว”
โจว๋หยูนถิงทรุดลงนั่งกับเก้าอี้ เขารู้สึกเจ็บในใจ ไม่รู้ว่าความเจ็บปวดนี้จะต้องทนไปถึงเมื่อไหร่ เขานึกถึงร่างกายของท่านพ่อไม่รู้ว่าจะทนได้อีกนานแค่ไหน ไม่รู้ว่าทำไมท่านพ่อถึงต้องจงรักภักดีขนาดนี้
“ได้ ข้ารู้แล้ว เรื่องของท่านพ่อเจ้าวางใจเถอะ ในเมื่อข้าวางแผนค่อยๆก้าวทีละก้าวงั้นก็ไม่ต้องรีบ ไม่เช่นนั้นจะเสียแผนเอาได้”
โจว๋จวู้นพยักหน้าฟังโจว๋หยูนถิงพูด และเขาเองก็เชื่อในตัวโจว๋หยูนถิง
โจว๋หยูนถิงก็ได้อยู่ในจวนโจว๋แล้ว ตอนนี้ทุกคนในจวนโจว๋รู้ว่ามีคุณชายใหญ่อีกคน มันเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจยิ่งนัก
แต่ก็ดีที่โจว๋หยูนถิงเป็นคนที่นิสัยดีไม่โกรธง่ายโมโหง่าย และดีกับพวกบ่าวไพร่ เขาทำให้ทุกคนประทับใจไม่น้อย เกรงว่าคนนอกคงรู้กันแล้ว
โจว๋หยูนถิงนั่งอยู่ในห้องของตนเอง คิดทบทวนคำพูดของน้องชาย จากนั้นก็วาดวงกลมไปที่กระดาษ แล้วจ้องมองอยู่นาน
พอโจว๋หยูนถิงเข้าจวนโจว๋ เว่ยโก๋กงก็ได้ข่าวทันที เขาแปลกใจมากกับเศรษฐีคนนี้ว่าเป็นคนยังไง จะเหมือนกับที่คนเขาลือกันหรือเปล่า
คิดไปคิดมาเว่ยโก๋กงก็ผุดรอยยิ้มขึ้นที่มุมปาก เขาอยากจะไปเจอจริงๆ ตอนนั้นที่สามารถช่วยพยุงการค้าของเขาเอาไว้ได้ แล้วก็มีคนสองคนที่ผลุบๆโผล่ๆ และยังไม่ได้ข่าวของผู้หญิงคนนั้นจนถึงตอนนี้เลย ตอนนี้เขาก็โผล่มาอีก อยากรู้จริงๆว่ามันยังไงกันแน่
เช้าวันใหม่ในฤดูหนาว ข้างนอกหนาวเย็น ขนาดลมหายใจของคนที่เดินไปมาอยู่ข้างนอกยังรู้สึกเย็นเลย
แต่เหมือนว่าเว่ยโก๋กงจะไม่รู้สึกหนาวเลยสักนิด เช้าขนาดนี้ก็มาอยู่หน้าประตูจวนโจว๋แล้ว “รบกวนพวกเจ้าเข้าไปบอกหน่อยว่าเว่ยโก๋กงมาขอพบ”
การมาของโจว๋หยูนถิงครั้งนี้เหมือนจะดูมีมารยาทมากขึ้น ขนาดกับคนเฝ้าประตูเขายังมีมารยาท
โจว๋หยูนถิงรู้สึกไม่ค่อยพอใจที่มีคนมารบกวนเขาแต่เช้า แต่พอเห็นคนที่เข้ามาด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม สีหน้าเขาก็ดีขึ้น พอได้ยินว่าเว่ยโก๋กงมาเขาก็รีบให้คนไปเชิญเข้ามา
“คิดไม่ถึงว่าข่าวจะเร็วขนาดนี้ ก็ดีถึงเวลาที่ควรเจอเขาแล้วเหมือนกัน” โจว๋หยูนถิงยิ้ม อย่างไม่รู้สึกเป็นกังวลอะไร
โจว๋จวู้นเดินมายังห้องโถงใหญ่พร้อมกับโจว๋หยูนถิง
“หลานรักลำบากเจ้าแล้ว” คำว่าหลานรักลำบากเจ้าแล้วของเว่ยโก๋กงพูดราวกับว่าโจว๋หยูนถิงนั้นต้องทนลำบาก
โจว๋หยูนถิงยิ้ม อย่างเกรงใจแล้วมองดูเว่ยโก๋กง “เว่ยโก๋กงช่างดีจริงๆ ได้ยินไม่เท่าเห็นกับตา สง่างามภูมิฐานเหมือนกับท่านพ่อเลย” โจว๋หยูนถิงพูดอย่างนอบน้อมและไม่สนใจสีหน้าของเว่ยโก๋กงเลยสักนิด
เว่ยโก๋กงสะดุ้ง เขายิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “ข้าแก่แล้ว และคงเทียบอะไรกับท่านแม่ทัพโจว๋ไม่ได้” ตอนที่เว่ยโก๋กงพูดประโยคนี้เขาได้มองไปทางโจว๋จวู้น เพราะเขาเห็นสภาพตอนนี้ของแม่ทัพโจว๋ทำให้เขารู้ว่าสภาพในตอนนี้ของแม่ทัพโจว๋เป็นอย่างไร
เขาดูจะพอใจมากเมื่อเห็นสีหน้าของโจว๋จวู้นไม่ค่อยดี
โจว๋หยูนถิงไม่อยากเอาความอะไรกับโจว๋จวู้นในเรื่องนี้ต่อไป เขาเชิญเว่ยโก๋กงให้นั่งลงและรอให้เว่ยโก๋กงพูดต่อ
“อากาศหนาวเช่นนี้ไม่ทราบว่าเว่ยโก๋กงมาหาแต่เช้ามีเรื่องอะไรหรือเปล่า” โจว๋หยูนถิงพูดพร้อมกับมองไปทางเว่ยโก๋กง
เว่ยโก๋กงยักคิ้วจากนั้นยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “ดูเจ้าพูดเข้า ไม่เจอกันหลายปี ไม่รู้เลยว่าแม่ทัพโจว๋จะมีลูกอย่างเจ้า แน่นอนว่าข้าต้องมาดูเจ้า พอได้ยินว่าเจ้าปรากฏตัวข้าก็รีบมาทันที”คำพูดนี้ของเว่ยโก๋กงเหมือนจะทำให้โจว๋หยูนถิงไม่รู้จะพูดอะไรต่อ
โจว๋หยูนถิงยิ้มแล้วมองไปทางเว่ยโก๋กงพร้อมกับพูดขึ้นว่า “ท่านล้อพวกเราเล่นหรือเปล่าควรเป็นพวกเราที่ไปหาท่านถึงจะถูก” โจว๋หยูนถิงพูดอย่างมีมารยาท
เว่ยโก๋กงสะดุ้งแล้วพูดต่อว่า “เกรงว่าโจว๋จวู้นคงจะเล่าเรื่องราวให้เจ้าฟังแล้ว ข้าอยากรู้ว่าเจ้าคิดเช่นไร”
โจว๋หยูนถิงแกล้งมองไปทางโจว๋จวู้น โจว๋จวู้นเองก็เล่นตามพยักหน้าให้เขา ราวกับว่าบ้านนี้โจว๋จวู้นเป็นใหญ่ แบบนี้สามารถทำลายความคิดของเว่ยโก๋กง
“ในเมื่อน้องรองบอกว่าใช่ แน่นอนว่าต้องเอาตามที่เขาพูดในเมื่อเขาเป็นผู้นำของจวนโจว๋แล้วงั้นทุกอย่างก็ให้เขาเป็นคนจัดการ อีกอย่างท่านก็รู้ว่าที่คนอื่นไม่รู้ว่ามีข้าอยู่ก็เพราะข้าสุขภาพไม่ดี ตระกูลโจว๋ของพวกเราคือทหาร แน่นอนว่าอยากให้ทุกคนเป็นแบบน้องรอง แต่เพราะสถานการณ์ในตอนนี้มันคับขันข้าจึงได้ปรากฏตัวออกมา เกรงว่าเว่ยโก๋กงคงจะเข้าใจผิดแล้ว” โจว๋หยูนถิงพูดอย่างจริงใจและเสียใจ พูดอธิบายทุกอย่างอย่างชัดเจน
เว่ยโก๋กงมองดูท่าทางของโจว๋หยูนถิงดูไม่มีพิรุธอะไร แต่เขากลับนึกถึงปัญหาข้อหนึ่งขึ้นมา เขาขมวดคิ้วแล้วถอนหายใจมองไปทางโจว๋หยูนถิง
“ข้ายังมีอีกเรื่องที่ไม่เข้าใจ”
โจว๋หยูนถิงและโจว๋จวู้นสบตากัน “ไม่ทราบว่าเว่ยโก๋กงมีเรื่องอะไรที่ไม่เข้าใจหรือ” โจว๋จวู้นถามขึ้น
เว่ยโก๋กงถอนหายใจอีกครั้งแล้วพูดขึ้นว่า “การค้าครั้งที่แล้ว ไม่รู้ว่าใครแอบอ้างชื่อโจว๋หยูนถิงทำให้ข้าเสียหายหนักมาก” ขณะที่เว่ยโก๋กงพูดน้ำเสียงเขาเต็มไปด้วยความเสียใจ
โจว๋หยูนถิงทำท่าอย่างไม่เข้าใจพร้อมกับพูดขึ้นว่า “มีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นด้วยหรือ” สายตานั่นแลดูแปลกใจราวกับว่าไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะมีคนมาแอบอ้างเป็นตนเอง
เว่ยโก๋กงยิ่งสงสัยกับท่าทีของโจว๋หยูนถิง “หรือว่าข้าอาจจะคิดผิดไป”
โจว๋หยูนถิงยิ้มมองไปทางเว่ยโก๋กงด้วยท่าทางที่รู้สึกผิด “เรื่องนี้ข้าจะสืบหาความจริงให้ได้ เว่ยโก๋กงวางใจได้ ข้าจะให้คำตอบที่ท่านพอใจให้กับท่าน และตอนนี้ท่านไม่ต้องกังวลถึงแม้ว่ากิจการของข้าจะไม่ใหญ่โตอะไรแต่ก็สามารถทำให้เหล่าทหารไม่ต้องหิวได้ไปสักพัก”
เว่ยโก๋กงได้ยินคำพูดของโจว๋หยูนถิงเขาก็ยิ้มออกมา ที่เขามานอกจากจะมายืนยันความคิดของโจว๋หยูนถิงแล้ว เขายังอยากมาได้ยินคำนี้อีกด้วย พอถึงเวลาไม่มีอะไรที่ต้องกลัวแล้ว และก็ไม่ต้องทนมองดูสีหน้าของคนพวกนั้นอีก ยังให้เขาเขียนเอาไว้เป็นหลักฐานนี่มันทำให้เขาโมโหจริงๆ ขอแค่อดทนอยู่กับสภาพในตอนนี้ รอให้เขาได้ขึ้นเป็นฮ่องเต้ก่อนเถอะ ดูสิว่าคนพวกนั้นจะยังกล้าหือกับเขาอีกไหม
เหมือนพวกเขาทั้งสองจะตกลงร่วมมือกันแบบนี้
เว่ยโก๋กงจากไปด้วยความดีอกดีใจและพอใจ ระหว่างที่คุยกันเขาพบว่าโจว๋จวู้นกระซิบอะไรข้างหูโจว๋หยูนถิงจากนั้นโจว๋หยูนถิงพยักหน้าแล้วหันมาคุยกับตนต่อ นี่ทำให้เขาชื่นชมโจว๋จวู้นยิ่งนัก ไม่รู้มาก่อนเลยว่าโจว๋จวู้นจะเก่งแบบนี้
“พี่ใหญ่ท่านคิดอย่างไร” โจว๋จวู้นรอเว่ยโก๋กงจากไปแล้วถึงได้หันมามองโจว๋หยูนถิงแล้วถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง
โจว๋หยูนถิงตอบอย่างไม่รีบร้อนว่า “ไม่ต้องรีบ หลอกเขาไปก่อนพอถึงเวลาจะได้ลงมือได้ ตอนนี้เขาคงคิดว่าเจ้าเป็นคนตัดสินใจทุกอย่าง ดังนั้นเจ้ายังคงต้องอยู่รับหน้าไปก่อน ไม่มีทางเลือกจริงๆลำบากเจ้าแล้ว” โจว๋หยูนถิงตบที่ไหล่ของโจว๋จวู้นเบาๆแล้วพูดขึ้นอย่างเห็นใจ
“พวกเราล้วนทำเพื่อตระกูลโจว๋ จะมาคิดว่าใครลำบากทำไม” โจว็จวู้นสบตาโจว๋หยูนถิงแล้วพูดขึ้น
ตั้งแต่ที่โจว๋หยูนถิงไป ช่วงนี้ซินเหยาก็เหมือนจะสงบขึ้น ไม่มีเรื่องอะไรให้ทำ แน่นอนว่านี่คือสิ่งที่คนอื่นมองเห็นกิจการของ “สถานีการกุศล”ยังคงเติบโตขึ้นเรื่อยๆราวกับว่าเป็นช่วงเวลาทองของมัน
หลังจากการเต้นในครั้งนั้นก็ดูเหมือนว่าซินเหยาไม่มีความคิดที่จะเต้นต่อคราวที่แล้วก็เพื่อล่อความสนใจของฮ่องเต้ ตอนนี้นางไม่อยากทำอีกแล้ว
“ตงตงตงตง”
เหมือนว่าเสียงเคาะประตูจะเข้ามาทำลายความคิดของซินเหยา ซินเหยาลูบเสินโส้ เสินโส้หลบเข้าไปอย่างว่าง่าย นี่ทำให้นางพบว่าเสินโส้สามารถทำให้ตัวเองเล็กลงได้
“เข้ามา”
“นายท่าน คนนี้บอกว่าจะมาพบท่าน บอกว่ามีคนอยากเจอท่าน” สาวใช้คนหนึ่งเข้ามาแล้วพูดรายงานซินเหยา
ซินเหยาพยักหน้าสาวใช้คนนั้นถอยออกไป แล้วซินเหยาก็มองไปทางคนนั้นพร้อมกับพูดขึ้นว่า “ใครหรือที่อยากเจอข้า”
คนนั้นเหมือนจะไม่ใช่คนธรรมดา เขามองไปทางซินเหยาแล้วพูดขึ้นว่า “เจ้านายของข้าได้ยินว่าแม่นางซินเหยานั้นเต้นรำได้งดงามยิ่งนักจึงได้สั่งให้ข้ามารับแม่นางเข้าวังเพื่อเต้นรำให้เจ้านายของข้าดู และถ้าหากเป็นไปได้ล่ะก็อยากให้แม่นางซินเหยามาแสดงในงานฉลองวันขึ้นปีใหม่ด้วย”
ซินเหยาขมวดคิ้ว ในวังคนที่สามารถเรียกได้ว่าเป็นเจ้านายแล้วยังกล้าเชิญตนไปแสดงในงานฉลองขึ้นปีใหม่ก็คงมีแค่ฮ่องเต้กับไทเฮาไม่มีคนอื่นอีกแล้ว
“ที่เจ้าพูดคือฮ่องเต้หรือไทเฮา” ซินเหยาถามขึ้นด้วยความสงสัย
“เจ้านายบอกว่าไปถึงก็จะรู้เอง” ตอนที่คนนั้นพูดเหมือนเขาจะขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อยในขณะที่ซินเหยายังไม่ทันตั้งตัวเขาก็เข้ามาใกล้ตัวนาง
ซินเหยาคิดอยากจะหลบแต่คิดไม่ถึงว่านางจะไม่มีแรง “เจ้าวางยาข้า” ซินเหยาอ่อนแรงล้มลงกับพื้น
คนนั้นยิ้ม จากนั้นก็อุ้มซินเหยาแล้วกระโดดออกไปทางหน้าต่าง
คนที่แอบซ่อนตัวอยู่คิดอยากจะเข้าไปช่วย แต่กลับพบว่าวรยุทธของคนนั้นสูงยิ่งนักและไม่นานพวกเขาก็ตามคนนั้นไม่ทัน
ในความสะลึมสะลือซินเหยารู้สึกเหมือนกับว่าถูกคนจับตัวแล้วกำลังเหาะไปไกล ทำให้นางรู้สึกหนาวไปทั้งตัว
ลมหนาวพัดมาทำให้ซินเหยาได้สติแต่นางก็ยังคงไม่มีแรง
“นายท่านข้าพาคนมาแล้ว” คนนั้นวางซินเหยาลงแล้วคุกเข่าต่อหน้าคนคนหนึ่ง
“อืมเอานางไปขังในห้องลับไป”
พอได้ยินเสียงซินเหยาก็รู้ทันทีว่าเป็นใคร คิดไม่ถึงว่าไทเฮาจะทนรอไม่ไหวแล้ว เหมือนว่าอยากจะฆ่าซินเหยาให้ตายไปเสีย
“ขอรับ” ซินเหยาพยายามรวบรวมสติแล้วจำทางไปที่ห้องลับในขณะที่คนนั้นกำลังพานางไป ถึงแม้ร่างกายจะไม่มีแรงแต่สมองไม่ได้มีปัญหา
ตอนที่นางรู้สึกได้ถึงความหนาวเย็นนางก็รู้ได้ทันทีว่าตนถูกโยนเข้าไปในห้องลับนั่นแล้ว
มืด ชื้น คือสิ่งที่ซินเหยาอธิบายถึงที่นี่ได้ในตอนนี้
คิดไม่ถึงว่าทุกครั้งที่นางตกอยู่ในอันตรายนางจะยังรอดชีวิตมาได้ และครั้งนี้ขอให้คนของตนเองสามารถหาที่นี่ได้และมาช่วยตน
ซินเหยาว่าสภาพอากาศเช่นนี้ที่หนาวเย็นนางคงทนได้ไม่นาน คิดมาถึงตรงนี้ก็รีบลุกขึ้นมานั่ง