นักฆ่าฮองเฮาของข้า / สุดยอดนักฆ่า มเหสียอดรัก - ตอนที่ 742
ตอนที่ 742 ความลึกลับซับซ้อนของคำสั่งเซวียนฮย
พินถิ่งในเวลานี้กำลังมองหลังของเก้อปิงอยู่ ในใจกำลังคิดว่าอีกเดี๋ยวจะสู้ตายกับเขายังไง ในใจของทุกคนต่างคิดเรื่องของตนเอง ไม่รู้ว่าอีกเดี๋ยวจะเกิดอะไรขึ้น
เก้อปิงทำตามสัญลักษณ์ในแผนที่ เห็นประตูบานหนึ่งในปากถ้ำ ประตูถูกปิดเอาไว้ และก็เป็นประตูนี้ด้วย ข้างบนมีทาง แต่เพราะไม่ใหญ่ มีไว้ให้ลมพัดผ่านและเพราะมันเล็กเลยทำให้ลมแรง
“ประตูนี้จะเปิดยังไง”
ซินเหยารู้ว่าถ้าใช้วิธีผลักหรืออะไรคงไม่ได้แน่ ต้องมีกลไกอะไรแน่ ไม่เช่นนั้นก็ไม่สมเหตุสมผลเกินไป
เก้อปิงส่ายหัว เขาไม่เคยมาก่อนเลยมีอะไรหลายๆอย่างที่ต้องมาเดาเอา เขาก้มลงมองดูรอบๆว่ามีอะไรที่ไม่เหมือนหรือเปล่า
เวลานี้ทุกคนต่างยืนอยู่บนเส้นเดียวกัน ต้องการที่จะเปิดประตูบานนี้ ความโกรธแค้นอะไรเอาโยนไว้ข้างๆไปก่อน
“ไม่มีอะไรแปลกเลย นี่มันอะไรกัน เก้อปิงของของเจ้ามีสัญลักษณ์อะไรบ้างมั้ย” ซินเหยาเห็นเก้อปิงเอาผ้าขึ้นมาดูหลายครั้ง นางคิดว่านั่นต้องเป็นแผนที่แน่ ถึงได้เอ่ยปากถามขึ้น
เก้อปิงเองก็ไม่ปฏิเสธ เพียงแค่ส่ายหัวไปมา
แต่พินถิ่งที่ยืนอยู่ข้างๆฮงโต้วสายตาของนางปรากฏความแวววาวขึ้น ราวกับนึกถึงอะไรที่คุ้นตา แต่กลับนึกไม่ออก นางกำลังพยายามนึกให้ได้
ผ้าไหมพินถิ่งนึกถึงครั้งนั้นที่ซินเหยามอบผ้าไหมที่พ่อของนางเหลือเอาไว้ให้นาง บนผ้าไหมมีรูปอะไรสักอย่าง นางค่อยๆหยิบผ้าผ้าไหมออกมาจากนั้นก็มองไปที่ภาพบนประตูก้อนหิน นางค่อยๆมองหาอะไรสักอย่าง
ทุกคนก็ถือว่าเป็นคนที่หนักแน่น ไม่มีใครแปลกใจกับการกระทำของพินถิ่ง นอกจากเก้อปิง เก้อปิงแปลกใจที่ทำไมนางถึงได้มีความสามารถอะไรเช่นนี้ ของนี้มันเกี่ยวอะไรกับประตูนั่น ถึงแม้เขาจะสงสัยแต่เขาก็ยืนดูอยู่ข้างๆอย่างสงบ มองดูว่าจะเป็นอย่างไร คงไม่ใช่พินถิ่งหรอกมั้งนะ ทันใดนั้นเขาก็มีความคิดหนึ่งขึ้นมาทำให้เขารู้สึกกลัวในใจ ไม่รู้ว่าเพราะคราวที่แล้วที่เห็นผมของพินถิ่งเปลี่ยนเป็นสีขาวในทันทีหรือเปล่า แล้วก็เลือดที่ไหลออกมาจากดวงตาคู่นั้นอีก แต่ผู้หญิงตรงหน้าคนนี้มีผมสีดำสนิทนี่
“หาเจอแล้ว”
พินถิ่งร้องขึ้นด้วยความดีใจ ทำลายความสงสัยของเก้อปิง
ทุกคนมองดูรอยยิ้มบนใบหน้าของพินถิ่ง ก็รู้สึกชื่นชม มองดูตามมือของนางที่ชี้ไป
“พวกเจ้ามองเห็นยัง ผ้าไหมมีผืนนี้มีดอกไม้เพิ่มมาอีกดอกหนึ่ง แต่ประตูหินนี่กลับไม่มี ข้าคิดว่ามันจะต้องเป็นกลไกของมันแน่ เลยได้ไปกดถึงได้รู้ ขอให้ใช่ อาจจะเพราะว่ามันเล็กเกินไปไม่มีคนเห็นจุดนี้”
พินถิ่งขมวดคิ้ว ถึงแม้ว่าเมื่อครู่จะมีความรู้สึกดีใจ แต่นี่คือความจริง ทุกคนได้ยินพินถิ่งพูดขึ้น ก็เริ่มรู้สึกเป็นห่วงว่านี่จะใช่กลไกจริงไหม
แต่ซินเหยากลับนิ่งครุ่นคิดอย่างน่าแปลก นี่คือรูปแบบที่นางคิดจัดการกับปัญหา นิ่งสงบไม่วู่วาม แก้ปัญหาย่อมมีผลดีกว่าคิดเคร่งเครียดกับปัญหา
“บางทีอาจจะลองใช้กำลังภายในลองดูได้ไหม”
ตอนที่พูดคำพูดนี้สายของนางมองไปทางเก้อปิง ทุกคนไม่เข้าใจ กำลังภายในนี้ใครๆก็มี แต่ทำไมต้องเป็นเก้อปิง หรือว่าซินเหยาคิดจะจัดการกับเก้อปิง
คนอื่นๆต่างคิดพูดอยู่ในใจ
ซินเหยามองดู ทำให้เก้อปิงเข้าใจในทันที พวกเขาไม่รู้แน่นอน เขาเคยฝึกวรยุทธดีดนิ้วและเคยถูกซินเหยามาเห็นหลายครั้งอยู่ วันนี้กลับถูกซินเหยาจำได้แล้ว
“ทำไมเป็นเขา”
พินถิ่งไม่พอใจ ความลำเอียงนี้ชัดเจน หรือว่าซินเหยาจะอยู่ในเถาหยวนซานม้ายนานเกินไป ใจเปลี่ยนไปแล้ว ไม่เช่นนั้นนางจะไม่กลัวหรือว่าเก้อปิงจะแอบเข้าไปข้างในคนเดียว
“เขาเป็นวรยุทธดีดนิ้ว สามารถเล็งไปที่จุดนั้นได้แม่นยำกว่า พวกเราไม่สามารถทำได้” ซินเหยาไม่อาจเข้าใจความหมายทั้งหมดที่พินถิ่งพูด แต่พินถิ่งเป็นห่วงจุดนี้นางรู้ดี
เก้อปิงยืนอยู่หน้าประตูหินแววตาสงสัยลึกซึ้ง ค่อยๆขยับ เล็งไปที่จุดที่ไม่มีดอกไม้แล้วชี้ไปที่จุดนั้น
“ปัง”
มีเสียงดังขึ้น เหมือนว่าจะได้ผล เพราะว่าประตูนั่นเปิดออกจริงๆด้วย
ซินเหยารู้ว่าเก้อปิงจะต้องไม่เข้าไปข้างในคนเดียว หนึ่งคือข้างในมีอันตรายอะไรบ้างเก้อปิงเองก็ไม่รู้ สองคือเก้อปิงต้องการซินเหยา ต้องการให้ซินเหยาแก้ความลึกลับซับซ้อนของคำสั่งเซวียนฮย
อาจจะกลัวว่าประตูหินนี่จะปิดอีก ทุกคนต่างเร่งรีบเข้าไปข้างใน จากนั้นไม่นานประตูหินนั่นก็ปิดลงจริงๆด้วย
แต่เดิมคิดว่าในนี้จะมืดมิด หนาวเย็นและชื้น
แต่ผิดไปหมดแล้ว เพราะตอนนี้ในนี้มันสว่างจ้า กำแพงในนี้ล้วนเป็นไข่มุกกลางคืนส่องแสงที่สว่าง
ส่วนที่เท้าของพวกเขาเหยียบพื้นที่ทำมาจากทองคำ ความร่ำรวยนี้มหาศาลยิ่งนัก
เก้อปิงเองก็ตกใจ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตระกูลของตนเองนั้นมีสถานที่ที่เก็บทรัพย์สมบัติมากมายขนาด นี้ตอนนั้นเขาและพี่ใหญ่ลำบากมาก หากรู้ว่ามีพวกนี้ ก็คงไม่ต้องลำบากขนาดนั้น แต่เพราะท่านพ่อไม่พูดให้ละเอียด
“เจ้าว่าคำสั่งเซวียนฮยจะใช่สมบัติพวกนี้ไหม”
ฮงโต้วพูดเย้ยขึ้น ราวกับว่าตื่นเต้นมากกับสิ่งที่ได้พบได้เจอ
ซินเหยาขมวดคิ้ว ในเมื่อตอนนั้นบอกว่าคำสั่งเซีวยนฮยต้องแก้ และต้องการคนคนหนึ่งมาแก้งั้นก็คงไม่ใช่สมบัติพวกนี้หรอก
“ข้าคิดว่าคงไม่ใช่ อย่างน้อยพวกเราก็เข้ามาได้อย่างงง่ายเกินไปแล้ว”
ซินเหยานึกถึงประสบการณ์ของตนก่อนหน้านี้ เกิดความกลัวขึ้นมาในใจ ไม่รู้ว่าทำไม นางอดไม่ได้ที่จะมองไปทางโอหยางซิงเฉิน
ตอนที่หันไปนางถึงได้เห็นว่าโอหยางซิงเฉินกำลังมองตนอยู่ตลอดเวลา นี่ทำให้นางหน้าแดงขึ้นมาทันที แล้วหันมากลับมาอย่างไม่เป็นธรรมชาติ
โอหยางซิงเฉินมองดูซินเหยาที่กำลังเขินอยู่ เกรงว่านี่คือครั้งแรก ที่ทำให้ใจของเขาเต้นแรงขนาดนี้
เก้อปิงไม่เข้าใจความหมายที่พ่อพูดเอาไว้ ใจของทั้งสองคน ดังนั้นเขาจึงไม่คิดว่านี่จะเป็นคำสั่งเซีวยนฮย อีกอย่างยังไม่ได้ใช้ซินเหยาเลย
“เดินต่อไปข้างหน้า ที่นี่ยังไม่ถึงที่ ข้างหน้าจะต้องมีอะไรอีกแน่ ทุกคนระวังตัวกันหน่อยแล้วกัน”
เวลานี้ทุกคนเหมือนจะไม่มีสถานะอะไรอีกแล้ว มีแค่เหมือนจะใจจดใจจ่ออยู่ที่คำสั่งเซวียนฮย นี่ถึงจะเป็นเป้าหมายของทุกคน เรื่องอื่นๆราวกับว่าไม่สำคัญแล้ว
เดินต่อไปข้างหน้า เหมือนกับว่าเป็นท้องพระโรง ทุกอย่างดูหรูหรามาก ทำให้คนรู้สึกแปลกๆ
“รอก่อน”
เก้อปิงมองดูกลไกของท้องพระโรงนี้ทุกจุด เขานึกขึ้นได้เหมือนว่าในแผนที่ของเขาจะไม่มีสิ่งของอะไรบางอย่างนะ
เขารีบหยิบแผนที่ขึ้นมาดู มองเห็นงูยักษ์สองตัว นั่นคืออะไร
ทุกคนต่างพากันไปดู อยากรู้ว่ามันคืออะไร
“นั่นคืออะไร”
พินถิ่งมองดูของนั่น เกิดความกลัวขึ้นมาในใจ นักฆ่าคนหนึ่งกลัวงู เกรงว่าถ้าถูกพูดออกไปคงกลายเป็นเรื่องที่น่าอายมากแน่ แต่นางกลัวงูจริงๆ แต่เพราะว่าไม่เคยมีใครรู้มาก่อนนอกจากเก้อปิง แต่ตอนนั้นพวกเขาคิดว่านางยังมีประโยชน์ ดังนั้นจึงไม่ได้ฝึกนางเหมือนนักฆ่าคนอื่นๆที่ฝึกไม่ผ่านก็ต้องเผชิญกับความตาย
แต่ทุกคนยังไม่ทันได้คิดอะไร งูยักษ์สองตัวนั้นก็ปรากฏออกมาอยู่ต่อหน้าพวกเขาแล้ว
ลิ้นยาวๆของมันได้โผล่ออกมา ลำตัวพันอยู่ด้วยกัน เหมือนกับเด็กทารกที่ตัวติดกัน
ซินเหยาขมวดคิ้วเพราะที่นางเห็นคือมีกล่องๆหนึ่งวางอยู่ตรงหน้างูคู่นั้น กล่องสีดำที่ส่องแสงอยู่ตลอดเวลา แววตานั่นส่องประกายมั่นใจว่านั่นคือคำสั่งเซวียนฮย
โอหยางซิงเฉินเข้ามายืนบังซินเหยาในขณะที่งูยักษ์นั่นปรากฏตัวออกมา กลัวราวกับว่านางจะตกใจ
เก้อปิงรู้สึกแปลกใจว่าทำไมลูกน้องคนนี้ของตนนั้นถึงได้ดูแลซินเหยาดีเป็นพิเศษ เป็นพิเศษสามคำนี้ทำให้เขานึกถึงเรื่องในตอนนั้นที่เขาสลบอยู่ มีผู้ชายคนหนึ่งเรียกชื่อซินเหยา นั่นก็แสดงว่าคนคนนั้นรู้สถานะที่แท้จริงของซินเหยา นั่นก็เท่ากับว่าคนคนนั้นไม่ใช่ลูกน้องของตนเองแน่
“เจ้าเป็นใคร” เก้อปิงใจเต้นแรงขึ้นมาทันที เขากลับไม่รู้ว่าคนคนนี้โผล่มาตั้งแต่เมื่อไหร่ และยิ่งไม่รู้ว่าเขากับซินเหยามีความสัมพันธ์กันยังไง การเดาความสัมพันธ์นี้ทำให้เขางงยิ่งนัก
โอหยางซิงเฉินยิ้มแล้วดึงหน้ากากหนังออก “เจ้าถามว่าข้าคือใคร” น้ำเสียงเย็นชา ในที่ที่ลึกลับเช่นนี้ ราวกับว่าทุกอย่างได้แข็งเป็นน้ำแข็งไปหมด
เก้อปิงถอยหลังไปก้าวหนึ่งมองโอหยางซิงเฉินด้วยความตกใจแล้วมองดูซินเหยาเขากระโดดอยากเข้าไปจับตัวซินเหยา
แต่โอหยางซิงเฉินเคยพูดเอาไว้ว่าจะปกป้องซินเหยา สายตาของเขาไม่เคยละจากตัวนางเลย เก้อปิงขยับตัวเขาก็รู้ว่าเก้อปิงต้องการจะทำอะไรแล้ว เลยดึงซินเหยาเข้ามาในอ้อมกอดของตัวเอง
“ตอนนี้ที่เจ้าต้องคิดคือจะจัดการกับงูยักษ์สองตัวนี้ยังไงดีมิใช่หรือ”
โอหยางซิงเฉินมองเก้อปิงแว็บหนึ่งจากนั้นสายตาก็หันไปมองลิ้นของงูยักษ์สองตัวนั้น
“นี่จะทำยังไง” ซินเหยามองดูงูยักษ์นั่น ถ้าสู้ตรงๆเกรงว่าคงใช้ไม่ได้แน่
เก้อปิงเก็บแววตามองดูท่าทางงูยักษ์สองตัวนั้นอย่างละเอียด เขาพบปัญหาหนึ่ง งูยักษ์สองตัวนั้นเหมือนจะขยับตัวเหมือนกัน นั่นก็เท่ากับว่าถ้าเข้าไปโจมตีพร้อมกันอาจจะได้ผลก็ได้
“พวกเจ้าดู”
เก้อปิงโยนของชิ้นหนึ่งเข้าไปโดนงูยักษ์สองตัวนั้นต้องการที่จะบอกอะไรกับทุกคน
ซินเหยามองดูท่าทางของเก้อปิงด้วยความงงนิดหน่อย แต่พอเห็นปฏิกิริยาของงูสองตัวนั้นนางก็เข้าใจได้ในทันที
“ดูท่าความคิดของงูสองตัวนี้จะเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ถ้าหากพวกเรามีกลุ่มหนึ่งโจมตีซึ่งหน้าอีกกลุ่มหนึ่งลงมือจากอีกด้าน บางทีอาจจะได้ผลก็ได้”
ซินเหยารู้สึกดีใจกับการค้นพบวิธีนี้ เพียงแต่ไม่รู้ว่างูสองตัวนี้มีแรงเยอะมากแค่ไหน
ซินเหยาอธิบายเช่นนี้ทำให้คนอื่นๆพลอยเข้าใจไปด้วย
แต่สำหรับการแบ่งหน้าที่กันนั้น ทุกคนต่างพากันลำบากใจ ถ้าจะพูดให้ชัดเจนคือเก้อปิงและฮงโต้วสองฝั่ง เวลานี้ต้องแบ่งกันทุกคนรู้ว่าการดึงดูดความสนใจของงูยักษ์นั้นอันตรายแค่ไหน และยังไม่แน่ว่าจะสามารถเอาคำสั่งเซวียนฮยได้
ซินเหยามองดูทั้งสอง ที่กำลังมองหน้ากัน ในใจร้อนรนยิ่งนัก ที่จริงแล้วสำหรับนางไม่ว่าจะทางไหนก็อันตรายพอๆกัน
“ไม่งั้นให้ข้า………….”
“ไม่ได้”
“ไม่ได้”
ประโยคอาสาจะไปของซินเหยายังพูดไม่ทันจบก็ถูกโอหยางซิงเฉินและเก้อปิงพูตัดบทขึ้นมาก่อน เขาทั้งสองมองหน้ากัน
สุดท้ายก็ตกอยู่ในภวังค์ความเงียบ อาจจะมีแค่ผู้ชายที่แสดงความรักที่มีต่อหญิงสาวที่ตนรักออกมา
“พวกเราไปล่อความสนใจของงูยักษ์ ส่วนผู้หญิงคนอื่นๆพวกเจ้าไปทางนั้น แล้วก็เฟิงพวกเจ้าดูแลซินเหยาด้วย” เก้อปิงเรียกคนที่ชื่อเฟิงคือลูกน้องของเขาสุดท้ายเขากับโอหยางซิงเฉินที่นิ่งเงียบอยู่พวกเขาทั้งสองคนเข้าไปล่อความสนใจของงู ส่วนซินเหยาพวกเขาไปขโมยกล่อง
เก้อปิงกับโอหยางซิงเฉินในตอนนี้มิใช่ศัตรูกันแล้ว แต่เป็นเพื่อนร่วมรบ ดังนั้นมีหลายครั้งนักที่ศัตรูกลายเป็นเพื่อน เพื่อนกลายเป็นศัตรู พวกเขาทั้งคู่รวบรวมพลังในเวลาเดียวกันแล้วเข้าโจมตีงูยักษ์