นักฆ่าฮองเฮาของข้า / สุดยอดนักฆ่า มเหสียอดรัก - ตอนที่ 776
ตอนที่ 776 แตะคนที่ไม่ควรแตะ
“เธอไม่ไปใช่ไหมงั้นฉันไปส่ง” โอหยางจิ้งพูดขึ้น แล้วลุกมาจับที่คอเสื้อของเฉินฮัวผลักไปข้างหน้านิดหน่อย ร่างของเฉินฮัวถลาไปทางประตู ถ้าจะให้พูดอีกอย่างคือ ออกไปแล้ว สภาพที่น่าขันนั่น ทำให้คนทุกคนที่อยู่ในร้านอาหารต่างพากันหัวเราะ
เว่ยซานน้ำตาไหลพราก รีบเข้าไปพยุงเฉินฮัวแล้วตรวจสอบดูว่าได้รับบาดเจ็บอะไรหรือเปล่า
โอหยางจจิ้งมองไปที่ผู้หญิงคนนั้น แล้วพูดกับซินเหยาว่า “คุณยังมีอารมณ์กินต่อไหม”
“ไม่มีนานแล้ว” ซินเหยากอดอก มองดูเฉินฮัวด้วยท่าทางที่เย็นชา เหมือนว่าเฉินฮัวจะยังไม่ได้ได้สติกลับมาจากสถานการณ์ที่เข้ามาอย่างรวดเร็วเช่นนี้
“เธอคือผู้จัดการใช่ไหม” โอหยางจิ้งพูดกับผู้จัดการคนนั้นที่อยู่ข้างๆ
“ใช่ ฉันคือผู้จัดการที่นี่ ในขณะที่คุณทั้งสองกำลังรับประทานอาหารแล้วเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นขอโทษจริงๆ ฉันขอโทษจริงๆ ขอให้คุณทั้งสองโปรดให้อภัยด้วย” ผู้จัดการคนนั้นเหมือนจะอยู่เป็น รีบขอโทษขอโพย นี่ทำให้ความโกรธในใจของซินเหยาลดน้อยลง
โอหยางจิ้งตบไปที่ไหล่ของผู้จัดการคนนั้น หยิบการ์ดสีทองจากกระเป๋าเสื้อสูทออกมาแล้วยื่นให้พร้อมกับพูดขึ้นว่า “ตอนนี้คุณช่วยเตรียมอาหารสุขภาพให้ผมสองชุดด้วย…..ใส่กล่องนะ”
ผู้จัดการรีบยิ้มแล้วรับบัตรมา พร้อมกับพูดขึ้นว่า “ไม่มีปัญหา โปรดรอสักครู่” และเขาก็มองไปทางเฉินฮัวที่อยู่ตรงประตู แล้วพูดขึ้นว่า “คุณผู้ชายผมว่าพวกเราแจ้งความก่อนดีไหมครับ”
“ไม่ต้อง เรื่องนี้ผมจะจัดการเอง” โอหยางจิ้งหยิบกระดาษบนเคาร์เตอร์มาเขียนอะไรไม่รู้ จากนั้นก็เดินไปทางเฉินฮัว ยืนมองดูแล้วพูดขึ้นว่า “ผมรู้ว่าตอนนี้คุณอยากฆ่าผม อย่าบอกว่าผมไม่ให้โอกาสคุณเลยนะ ฉันยืนอยู่ตรงนี้ ขอแค่เธอสามารถจัดการกับฉันได้ เธอก็มาเลย แต่ฉันบอกเธอเอาไว้เลยนะ เธอแค่มี…………” โอหยางจิ้งมองดูนาฬิกาแล้วพูดต่อว่า “เธอมีเวลาแค่รอให้อาหารทำเสร็จแค่นั้น ให้รักษาเวลาด้วย…….” พูดจบเขาก็เดินกลับเข้ามาในร้านอาหาร นั่งตรงหน้าซินเหยา
“คุณไม่กลัวหรอ” ซินเหยาพูดด้วยท่าทางที่อยากเห็นเรื่องสนุก
“กลัวอะไร ก็แค่ผู้หญิงที่เอาแต่ใจคนหนึ่ง ไม่รู้เรื่องเลวร้ายของโลกใบนี้ คิดว่าตนเองใหญ่มาก แต่ยังไม่เข้าตาโอหยางจิ้งอย่างฉันเลย” โอหยางจิ้งพูดขึ้น
“อย่าลืมว่าฮ่องกงมีคนอยู่ทุกรูปแบบ คนแบบไหนก็มีหมด ระวังเธอไปเรียกคนมาจัดการกับคุณนะ พอถึงตอนนั้นฉันต้องสูญเสียเพื่อนคนหนึ่งไปเลยนะ” ซินเหยาพูดล้อเล่นขึ้นมา
โอหยางจิ้งได้ยินแล้วก็พูดขึ้นพร้อมกับหัวเราะว่า “เธอนี่ก็คิดได้ แต่เธอลืมพูดอะไรไปอย่างหนึ่ง”
“อะไร”
“ถ้าหากผมตายไปแล้ว คุณก็เสียคนที่จงรักภักดีคอยติดตามคุณนะ บวกกับค่าอาหารฟรีๆอีกมากมาย และยังเป็นของที่ดีที่สุดด้วย” โอหยางจิ้งยิ้มพูดขึ้น
“ไป……” ซินเหยาชี้ไปที่โอหยางจิ้ง
โอหยางจิ้งหัวเราะพูดขึ้นว่า “ล้อเล่น ไม่ต้องขนาดนี้ก็ได้”
แน่นอนว่าซินเหยารู้ว่าโอหยางจิ้งล้อเล่น แต่ ไม่รู้ทำไมกลับมีความรู้สึกผิดหวังเล็กๆ
“แน่นอนว่าฉันไม่สนใจอยู่แล้ว แต่ตอนนี้คุณควรจัดการเรื่องยุ่งๆนี้ให้เรียบร้อยก่อน” ซินเหยาส่งสายตาให้โอหยางจิ้งมองไปทางข้างหลัง
โอหยางจิ้งหันไปพอดีกับที่เว่ยซานพยุงเฉินฮัวเดินเข้ามา
เวลานี้ เฉินฮัวได้เช็ดคราบนมบนตัวของเธอจนแห้งแล้ว มือทั้งสองข้างกำเอาไว้แน่น ยืนตรงหน้าโอหยางจิ้งกับซินเหยาอย่างไม่รู้จะทำอย่างไร
“ทำไม คิดได้แล้วหรือ” โอหยางจิ้งยิ้มเยาะเย้ย
เฉินฮัวรู้สึกอับอายขายหน้า แต่นางก็ยังกัดฟันแล้วพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ต่ำว่า “ขอโทษ เมื่อครู่ฉันผิดเอง ฉันไม่ควรทำอะไรแบบนั้น”
โอหยางจิ้งมองดูซินเหยา พร้อมกับมองดูฝั่งตรงข้ามแล้วพูดขึ้นว่า “หลังจากนั้นล่ะ…………”
“ฉันแค่อยากพูดขอโทษกับคุณ หวังว่าครั้งหน้า พวกเราจะเป็นเพื่อนกันได้ ค่าอาหารของพวกคุณในครั้งนี้ให้ฉันเป็นคนจ่ายเถอะ…………” พูดจบเฉินฮัวรีบหยิบเงินออกมาจากกระเป๋า
โอหยางจิ้งพูดขึ้นว่า “เธออยู่เป็นนี่ จ่ายค่าอาหารไม่ต้องหรอก ส่วนเรื่องที่วันหน้าจะเป็นเพื่อนกันนั้น ก็เป็นเรื่องของวันหน้า”
เฉินฮัวมีท่าทีที่รู้สึกน้อยใจ น้ำตาเหมือนจะไหลลงมา แต่ก็ช่วยไม่ได้ เมื่อครู่นางโทรศัพท์เรียกคนมา พอคนที่รับโทรศัพท์ได้ยินว่านางถูกรังแก ก็รีบพาคนจำนวนร้อยกว่าคนมา แต่ พอได้ยินชื่อของโอหยางจิ้ง ก็รีบวางสายไปทันที ขนาดว่าโทรศัพท์ยังปิดเครื่องหนีเลย ไม่มีทางไหนอีกเลย เฉินฮัวจึงได้รู้ว่าตนนั้นได้หาเรื่องกับคนที่ไม่ควรหาเรื่องด้วยแล้ว
ดังนั้น ตอนนี้นางจึงได้พูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนน้อมขนาดนี้
“ไม่รู้ว่าเพราะเหตุผลอะไรเธอถึงเลือกที่จะไม่หาเรื่องกับฉันต่อ แต่ฉันสามารถบอกเธอได้เลยว่าการตัดสินใจครั้งนี้ของเธอถูกต้องที่สุดในชีวิตนี้ของเธอแล้ว………….” บนตัวของโอหยางจิ้งมีรังสีที่แสดงให้เห็นว่าเป็นผู้นำออกมากดทับเฉินฮัวเอาไว้ แต่เขาเองก็ไม่ได้ทำให้เฉินฮัวรู้สึกลำบากใจอะไรอีก หยิบกระดาษที่เขาพึ่งเขียนไปเมื่อครู่ขึ้นมาแล้วพูดว่า “นี่คือเบอร์โทรของเจ้านั่น มีเรื่องอะไรเธอก็โทรหาเขาเลยแล้วกัน ไม่ต้องมาทำเรื่องโง่ๆแบบนี้อีก” โอหยางจิ้งพูดจบก็วางกระดาษแผ่นนั้นลงบนโต๊ะ
เวลานี้อาหารที่สั่งเอาไว้ก็ได้เสร็จเรียบร้อยพอดี ผู้จัดการยกมาให้โอหยางจิ้งเองกับมือ และส่งเขาขึ้นรถไปอย่างให้ความเคารพยำเกรงรถสีน้ำนมค่อยๆหายลับไปจากสายตาของผู้คน
กลางดึกที่เงียบสงบ รถที่ขับแล่นไปตามทางที่มืดมิด เกิดเป็นเสียงเหมือนเสียงสัตว์ร้องขึ้นมา
“ตอนนี้จะไปไหน” ซินเหยาที่พึ่งขึ้นมานั่งบนรถถามขึ้น
“วันนี้อากาศดี ยังมีดวงดาวอีก พวกเราขึ้นไปที่ยอมเขาไปดูดาวกันดีกว่า” โอหยางจิ้งพูดขึ้น
“ดูดาวหรอ” ซินเหยาพูด “ไปที่เภาเขาต้าหยู่เถอะ ฉันชอบทิวทัศน์ของที่นั่นมาก และกว้างกว่าด้วย”
“ได้ไม่มีปัญหา” โอหยางจิ้งพูดขึ้นพร้อมกับจะเลี้ยวรถ ซินเหยารีบพูดขึ้นว่า “รอก่อน”
“อะไร” โอหยางจิ้งคิดว่าเธอคงลืมของอะไรเอาไว้ที่ร้านอาหาร จึงได้ค่อยๆเบารถลง
ซินเหยามีทีท่าแปลกๆแล้วพูดกับเขาว่า “ลงรถ” พูดจบตนเองก็เปิดประตูรถ
“ลงรถ” โอหยางจิ้งไม่เข้าใจ แต่ก็ลงมาจากรถ
หลังจากที่ซินเหยาลงมาจากรถ ก็เดินตรงไปที่ตัวเขา นั่งตรงที่นั่งคนขับ ไม่ต้องคิดโอหยางจิ้งก็รู้ว่าซินเหยาจะทำอะไร
เขาพิงที่ประตูแล้วถามขึ้นด้วยความเป็นห่วงว่า “เธอแน่ใจนะว่าไหว”
“ลองก็รู้” ซินเหยายิ้ม แล้วรัดเข็มขัด เหยียบลองเหยียบคันเร่ง
โอหยางจิ้งได้แต่ส่ายหัวไปมาแล้วเดินไปนั่งฝั่งคนนั่ง
ลัมโบร์กีนีคันนี้เป็นรุ่นใหม่ โอหยางจิ้งเป็นคนที่รักรถอยู่แล้ว ความสามารถทุกอย่างของรถถูกดึงออกมาจนหมด ปรับแต่งจนถึงสุดขีด จากจอดหยุดนิ่งแล้วเหยียบจนถึงหนึ่งร้อยกิโลเมตรต่อชั่วโมง เดิมใช้เวลาสี่นาทีแปดวินาที แต่ตอนนี้ใช้เวลาแค่สี่นาที
อย่าดูถูกเวลาสี่นาทีนี้ ตอนนี้โลกนี้สามารถทำได้ขนาดนี้ก็มีแค่ยี่ห้อของรถแข่งไม่กี่ยี่ห้อแค่นั้นเอง และรถของพวกเขาก็อยู่ในหลักหลายล้านขึ้นไปทั้งนั้น
“คุณมั่นใจนะว่าไม่มีปัญหา” โอหยางจิ้งอดไม่ได้ที่จะถามขึ้นมาอีกครั้ง ชีวิตที่ต้องอยู่ในกำมือของคนอื่นแบบนี้เป็นเรื่องที่เขาเกลียดมากที่สุดเรื่องหนึ่ง
“ไม่มีปัญหาแน่นอน เตรียมลิ้มรสการเดินทางที่น่าทึ่งนี้ดีกว่านะ………..” ซินเหยาพูดไปเท้าก็วางไปที่คันเร่ง
ปรืน!
รถทั้งคนเหมือนราวกับผีที่วิ่งแล่นออกไปหายวับเข้าไปในความมืดอย่างรวดเร็ว
“เร็ว รีบหมุน รีบหมุน”
“โอ้พระเจ้า ผมต้องตายแน่ๆ นั่นมันคือหน้าผานะ”
“ใส่เกียร์!!!!”
รถที่วิ่งแล่นไปข้างหน้าตามมาด้วยเสียงของโอหยางจิ้งที่ร้องลั่นอย่างน่าหวาดเสียว
รถแล่นเข้าไปในภูเขา ค่อยๆมุ่งไปทางเภาเขาต้าหยู่ในรถเปิดเพลงที่เกี่ยวกับความรู้สึก ซินเหยาเองก็ฮัมเพลงตามเบาๆ
สำหรับฝั่งคนนั่งข้างๆที่ไม่ได้รู้สึกเหมือนกับเธอคือ โอหยางจิ้งที่หน้าขาวซีดนั่งอยู่ข้างๆ สายตาไม่นิ่งเปลี่ยนไปตามสถานการณ์
ทันใดนั้นข้างหลังรถก็มีเสียงบีบแตรดังขึ้น ราวกับว่ามีอสุรกายร้ายจะมุ่งมาทางนี้
ซินเหยาไม่ทันได้ตั้งตัว โอหยางจิ้งก็จับมือของเธอหมุนพวงมาลัยไปอีกทางทำให้รถเสียงการทรงตัวเข้าไปในเขตก่อสร้างแต่โชคดีที่พื้นที่ตรงนั้นกว้างขวางจึงไม่ได้ไปชนกับสิ่งของอะไร
พึ่งจะเสร็จเรื่องนี้ ซินเหยาและโอหยางจิ้งที่นั่งพิงเบาะอยู่ก็ถอนหายใจ “คุณมองเห็นอะไร” ซินเหยาถามขึ้น
“รถสีดำคันหนึ่ง”
“เกือบชนพวกเราแล้ว”
“อืม อีกแค่นิดเดียว ถ้าไม่ใช่เพราะผมหมุนพวงมาลัยทัน พวกเราคงถูกชนตกเขาไปแล้ว”
“งั้น ตอนนี้พวกเรายังต้องรออะไรล่ะ” สีหน้าของซินเหยาดูน่ากลัวขึ้นมาทันที มาอยู่ที่ฮ่องกงนานแล้วนี่คือครั้งแรกที่รู้สึกโกรธ
เมื่อครู่ เธอเกือบตายแล้ว
ความรู้สึกเช่นนี้เหมือนว่าได้เดินเข้าประตูผีไปแล้ว
“คุณต้องการจะทำอะไร” โอหยางจิ้งจับมือของเธอเอาไว้ แล้วถามขึ้นด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม
บูม
เสียงดังขึ้น รถปอร์เช่สีส้มวิ่งผ่านไปตรงทางที่ไม่ไกลนัก แล้วหายวับไปในความมืด ห่างกับคันเมื่อกี้ไม่ถึงสองวินาที
ซินเหยาแกะมือของโอหยางจิ้งออก แล้วพูดกับเขาอย่างจริงจังว่า “ถ้าฉันไม่จัดการกับพวกบ้านี่ อย่ามาเรียกฉันว่าซินเหยา” พูดจบก็สตาด์รถแล้วเหยียบไปที่คันเร่ง
บูม บูม เสียงรถดังขึ้น
“แต่ว่า……” โอหยางจิ้งมองดูสีหน้าของซินเหยา แล้วก็กลืนคำพูดที่เหลือลงคอไป
ที่จริงแล้วเขาอยากพูดว่า : ผมไม่ใช่ว่าไม่อยากให้คุณตามพวกเขานะ แต่ผมแค่ไม่มั่นใจในตัวคุณ
ต่อให้ไม่เห็นด้วยตอนนี้ก็ไม่ทันแล้ว เพราะรถอยู่ในความควบคุมของซินเหยาแล้ว รถบินแล่นออกไปแล้ว
ไม่ผิดหรอก บินแล่นออกไปแล้วจริงๆ อย่างน้อยก็คือความรู้สึกของโอหยางจิ้ง
ข้างหน้าคือทางโค้ง โอหยางจิ้งมองไปทางซินเหยา เห็นว่าเธอไม่ได้คิดที่จะผ่อนแรงรถเพื่อหักโค้งเลย ถึงแม้ว่าโอหยางจิ้งจะกล้าขนาดไหนก็อดไม่ได้ที่จะหลับตาปี๋
ตายแล้ว ชาตนี้ของเขาก็หมดกันแบบนี้
น่าเสียดายเขายังคิดวางแผนว่าจะอยู่ต่ออีกสักสองปีหาคนรักแล้วแต่งงาน ตอนนี้ชีวิตนี้อยู่ในมือของผู้หญิงคนนี้แล้ว น่าเศร้าเสียจริง
“คนตายเพราะเงินทองนกตายเพราะอาหาร ผมโอหยางจิ้งตายเพราะผู้หญิงคนหนึ่ง เวรกรรมใช่ไหมเนี่ย”
แต่ หนึ่งวินาทีหลังจากนั้นโอหยางจิ้งก็ยังรู้สึกได้ถึงลมหายใจของตนเอง เสียงบูมทำให้เขาตั้งตัวได้ เขายังอยู่ในรถ
ไม่ได้หล่นลงไป
เขาลืมตาขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ มองไปทางนอกหน้าต่าง แต่อีกหนึ่งวินาทีต่อมา เขาก็ต้องขวัญกระเจิง