นักฆ่าฮองเฮาของข้า / สุดยอดนักฆ่า มเหสียอดรัก - ตอนที่ 96
บทที่ 96 การแย่งชิงในวังหลัง(1)
เหล่าพระสนมอื่นๆ นางใน แต่ละคนล้วนดุร้ายดั่งเสือ
ฮ่องเต้อำมหิตย่อมต้องปรารถนาและต้องการเรือนร่างของสตรี ขอได้รู้สึกเอาชนะสตรี!
ที่ผ่านมาเขาไม่อาจรู้สึกกับสตรีคนใดได้เลย!
ด้วยเหตุนี้ สตรีในวังหลังยิ่งแย่งชิงชังหึงหวงกันมากขึ้น
จนกระทั่งตัวเขาเองขี้เกียจจะไปจัดการ!
กลางคืนแค่ให้สตรีหลับนอนเป็นเพื่อน ก็ช่วยตอบสนองร่างกายของเขาได้มากพอแล้ว! จะตบตีจะทะเลาะกัน จะแย่งชิงกัน อยากทำก็ทำไปเถิด!
ฮ่องเต้อำมหิตไม่สนใจอยู่แล้ว ทำให้วังหลังยิ่งควบคุมไม่อยู่
“วังหลัง?”
“รอให้ข้ากำจัดผู้หญิงพวกนั้นลงจากยศถาบรรดาศักดิ์ ส่งเข้าตำหนักเย็นทีละคนๆ”
“ข้าต้องการแค่เสียนหนี่คนเดียว!”
“แค่เสียนหนี่คนเดียวก็สมปรารถนาความต้องการของข้าแล้ว!”
“ผู้หญิงอย่างพวกเจ้ามันเกินความต้องการของข้า!”
ฮ่องเต้อำมหิตกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาดุร้าย
“กระหม่อมโจ๋วกวางเสียถวายบังคมฝ่าบาท ขอพระองค์ทรงพะรเจริญยิ่งยืนนาน!”
นายทัพวัยหนุ่มถวายบังคม
ฮ่องเต้อำมหิตโบกมือ “ตามสบาย”
โจ๋วกวงเสียลุกขึ้น ยืนตรงรอรับสั่งจากฝ่าบาทด้วยท่าทีที่เคารพ
ฮ่องเต่อำมหิตตรัสถาม “เจ้าทำหน้าที่ในวังหลวงมากี่ปีแล้ว?”
โจ๋วกวงเสียตอบ “บิดาของกระหม่อมเป็นหัวหน้าสนามฝึก ได้อบรมสั่งสอนกระหม่อมให้มีจิตใจซื่อสัตย์ต่อราชสำนัก และปกป้องแผ่นดินตั้งแต่วัยเยาว์ กระหม่อมอายุได้ยี่สิบปีรับราชการทหาร เข้ากองทัพสิบปี เลื่อนขั้นเป็นรองผู้บัญชาการมาสองปีพ่ะย่ะค่ะ”
หน้าตาเขาอ่อนเยาว์ เสียงตอบหนักแน่น ท่าทางสง่าผ่าเผย
ฮ่องเต้อำมหิตถาม “เจ้ารู้จักเหอเทียนจ้าวด้วยหรือ?”
โจ๋วกวงเสียตอบ “ใต้เท้าเหอเป็นหัวหน้าตอนที่กระหม่อมเข้ากองทัพพ่ะย่ะค่ะ!”
ฮ่องเต้อำมหิตตอบ “เช่นนั้นก็ดี! ข้ามีงานให้เจ้าทำสองอย่าง อย่างแรก ตั้งแต่นี้ต่อไป เจ้าจะยังเป็นผู้บัญชาการรองของเหล่าทหารทัพ แต่ในที่ลับเจ้าต้องอุทิศชีวิตแก่ข้าและเหอเทียนจ้าว!”
โจ๋วกวงเสียพูด “กระหม่อมรับพระบัญชา!”
ฮ่องเต้อำมหิตตรัส “ด้วยสองหน้าที่นี้ ข้าต้องการให้เจ้าพาคนไปเฝ้าดูการเคลื่อนไหวลับๆของแขกที่โรงเตี๊ยม โรงเตี๊ยมนับร้อย! จำไว้ว่าเฝ้าดูอย่างลับๆ ใครเข้าออก ข้าต้องรู้อย่างละเอียด โดยเฉพาะหากมีคนเอาของพิเศษอะไรเข้ามา!”
โจ๋วกวงเสียกล่าว “กระหม่อมรับพระบัญชา!”
ฮ่องเต้อำมหิตกล่าว “ไปเถิด รีบจัดการเรื่องนี้ให้เสร็จ!”
กำลังทหารในเมืองหลวง ครึ่งหนึ่งอยู่ในมือเสนาบดีเหอจ่งตู! อีกครึ่งหนึ่งอยู่ในมือหัวหน้านครบาลเมืองหลวงเหอเทียนจ้าว!
กำลังทหารในราชวัง ก็อยู่ในกำมือทหารรักษาพระองค์ถางเปิ่นจิ้ง!
ถางเปิ่นขุยมีความมั่นคงแข็งแกร่งมากที่สุด วรยุทธของถามเปิ่นขุยเหนือชั้นกว่าหัวหน้าทหารองครักษ์ทั้งสาม ช่างเป็นการตัดสินใจที่รอบคอบลึกซึ้งนัก!
ฮึ!
ตระกูลถางเปิ่นจะครองอำนาจในเมืองหลวงทั้งหมดหรือไร!
ข้าจะให้พวกเจ้ากับตระกูลโจว๋เข่นฆ่ากันเอง!
ข้าจะเป็นผู้รับประโยชน์โดยไม่ต้องลงแรงอะไร!
ในดวงตาฮ่องเต้อำมหิต แฝงความเย็นชา!
เขามาถึงตำหนักหลี่เด๋อ เห็นถางเปิ่นขุยคารวะด้วยชุดงานศพที่หน้าตำหนักใหญ่ สีหน้าเจ็บปวดเศร้าใจ
“ถางเปิ่นเป็นถึงเสนาบดี เหตุใดถึงแต่งตัวเช่นนั้นเล่า?”
ฮ่องเต้อำมหิตปลอบโยนประคองเขาขึ้นมา
ถางเปิ่นขุยก็ร้องครวญคุกเข่า พูดด้วยความเจ็บปวด “ฝ่าบาท! โปรดทรงวินิจฉัยเพื่อกระหม่อมด้วยเถิด!”
ฮ่องเต้อำมหิตตรัส “เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
ถางเปิ่นขุยตอบว่า “วันก่อนฝ่าบาททรงพระบัญชาให้กระหม่อมตรวจสอบเรื่องไซอิ๋ว ร้านหนังสือซื่อเกอ กระหม่อมมิบังอาจล่าช้า แอบไปสืบหาดูความเคลื่อนไหว………กลับพบว่าเจ้าของร้านหนังสือซื่อเกอคือโจว๋หยุนถิงพ่ะย่ะค่ะ!”
ฮ่องเต้อำมหิตถาม “โจว๋หยุนถิงเป็นใคร? หรือว่าจะเป็น……คนตระกูลโจว๋?”
ถางเปิ่นขุยตอบ “ถูกต้องพ่ะย่ะค่ะ! โจว๋หยุนถิงเรียกอีกนามว่าโจว๋เจ้าสี่ เป็นลูกศิษย์อันดับสี่แห่งตระกูลโจว๋ ป่วยหนักตั้งแต่วัยเยาว์ ไม่อาจฝึกฝนวรยุทธ ทำงานเบ็ดเตล็ดในบ้านตระกูลโจว๋มาโดยตลอด”
ฮ่องเต้อำมหิตคิดได้ทันที ตรัสว่า “หรือจะเป็นโจว๋หยุนถิงที่เคยมีปัญหากับบุตรชายถางเปิ่นเป้าเมื่อสามเดือนก่อน?”
ถางเปิ่นจิ้งพยักหน้า “ฝ่าบาททรงปราชญ์เปรื่อง”
ฮ่องเต้อำมหิตตกใจอย่างมาก พูดว่า “โจว๋หยุนถิงถูกขับไล่ออกจากตระกูลโจว๋ไปแล้วมิใช่หรือ? หากเจ้าของร้านหนังสือซื่อเกอเป็นโจว๋หยุนถิงจริง เรื่องนี้คงไม่พ้นเกี่ยวข้องกับตระกูลโจว๋! มีเรื่องเช่นนี้ด้วยรึ? ”
ถางเปิ่นจิ้งพูดว่า “ตอนกระหม่อมตรวจสอบเจ้าของร้านหนังสือซื่อเกอ มีสายสืบรายงานว่าเจ้าของร้านเคยทะเลาะกับบุตรคนเล็กที่ฉองเทียนโหลวเมื่อหลายวันก่อน ทั้งสองฝ่ายชกตีกัน! สายสืบเห็นกับตาตัวเอง โจว๋หยุนถิงสังหารจางเปิ่นเป้าบุตรชายของกระหม่อมอย่างเหี้ยมโหด! ฝ่าบาท! ได้โปรดฝ่าบาททรงเมตตาวินิจฉัยให้กระหม่อมด้วยเถิด!”
“ฉองเทียนโหลว?”
“จางเปิ่นป้าวกับโจว๋หยุนถิงทะเลาะกัน?”
“เป็นไปได้อย่างไร?”
ในใจฮ่องเต้อำมหิตแอบยิ้มเยือกเย็น
“ถางเปิ่นเป้าตายอย่างอนาถในคืนนั้น ข้ากับท่านเฒ่าโจว๋จะไปสังเกตการณ์ด้วยตัวเอง!”
“ถางเปิ่นถูกนักล่ารางวัลกุหลาบดำสังหารตายชัดๆ”
“ตอนนี้เจ้าจัดการเรื่องวุ่นวายจนใส่ความตระกูลโจว๋”
“ถางเปิ่นขุยเอ๋ย ถางเปิ่นขุย!”
“เจ้าก็ช่างละเอียดรอบคอบนัก!”
“บุตรตายแล้ว ยังจับมือสังหารไม่ได้!”
“โกรธแล้วระบายใส่คนอื่น!”
“หรือว่าเจ้าจะให้บุตรผู้บริสุทธิ์ของคนอื่นตายตามบุตรของตัวเองถึงจะสบายใจ?”
“ฮึ!”
“แบบนั้นก็ดี!”
“เจ้าหาข้ออ้างให้ข้าได้พอดีเชียว!”
“ข้าไม่อยากอภิเษกกับฮองเฮาตำหนักอ๋องโจว๋นั่น!”
“ข้าสัญญากับเสี่ยวจิ่วแล้วจะแต่งตั้งนางเป็นฮองเฮา!”
“เจ้าไม่ได้รับความเป็นธรรมต้องเปิดเรื่อง ข้ามีหลักฐานประจักษ์ชัดแจงดั่งขุนเขา!”
ครั้งนี้ ข้าจะยืมมือเจ้าเป็นข้ออ้าง ทำลายตำหนักอ๋องโจ๋วว๋ให้สิ้นซาก!
แม้คนตระกูลโจว๋ต้องโทษ จะโทษข้ามิได้!