นักเล่นแร่แปรธาตุแห่งฮอกวอตส์ - ตอนที่12 ก่อนเปิดเทอม
ตอนที่12 ก่อนเปิดเทอม
วันหยุดฤดูร้อนมักจะผ่านไปเร็วมากและผ่านมาถึงปลายเดือนสิงหาคมในพริบตาซึ่งอยู่ไม่ไกลจากการเปิดภาคเรียนของฮอกวอตส์
ถ้าบอกว่าเขาไม่ได้คาดหวังเกี่ยวกับเรื่องที่เขาได้ไปเรียนที่ฮอกวอตส์เลยก็คงจะเป็นเรื่องโกหก แม้ว่าอัลเบิร์ตจะอยากอยู่บ้านและตกปลาต่อไปอีกสักพัก
อย่างไรก็ตามเวลาไม่เคยคอยใคร
ในแง่ของเวทมนตร์ เขาไม่ควรที่จะคลำทางด้วยตัวเองเหมือนกับคนตาบอดที่ใช้ไม้เท้าเพื่อสำรวจทางโดยที่ไม่รู้ว่าข้างหน้ามีอะไรอยู่?
อัลเบิร์ตยังคงรู้เรื่องเวทมนตร์เพียงเล็กน้อยแม้ว่าเขาจะอ่านหนังสือทั้งหมดแล้วก็ตาม
เขายังคงรักษาความสัมพันธ์เพื่อนทางจดหมายกับทรูแมนจดหมายหนึ่งฉบับต่อเวลาสามวัน
ผลการเรียนของนักเรียนบ้านฮัฟเฟิลพัฟคนนี้ถือได้ว่าอยู่ในระดับปานกลางเท่านั้น ความรู้ในหัวของเขาหมดไปโดยอัลเบิร์ตภายในไม่กี่วัน
ทรูแมนคิดว่าอัลเบิร์ตอาจได้รับการคัดสรรให้ไปที่เรเวนคลอเพราะอัลเบิร์ตแสดงความสนใจอย่างมากในเรื่องความรู้เกี่ยวกับเวทมนตร์ ทรูแมนก็เสียใจด้วยเช่นกัน
การได้รับการคัดสรรให้ไปเรียนที่บ้านไหนนั้นอัลเบิร์ตไม่สนใจ ขอแค่ให้มันอย่าไปตกที่สลิธีรินเพราะพ่อมดมักเกิ้ลไม่ได้รับการต้อนรับที่นั่น อย่างไรก็ตามในฐานะพ่อมดมักเกิ้ล อัลเบิร์ตเขาคงไม่สามารถเข้าสู่สลิธีรินได้
“ขอบคุณนะ เธอไปพักผ่อนเถอะ” อัลเบิร์ตแตะหัวนกฮูกและนำอาหารบางส่วนไปไว้ในกรงนก
อัลเบิร์ตยังคงพอใจกับนกฮูกตัวนี้อย่างน้อยหลังจากที่เขาสอนซ้ำ ๆ เชอร่าก็ไม่เคยนำเหยื่อกลับมาที่บ้าน
เขาเชื่อว่าคุณแม่เดซี่ของเขาคงไม่ชอบเห็นหนูตายขณะทำความสะอาดห้องของเขา
เชอร่าร้องอย่างเหนื่อยล้าแล้วจึงเดินเข้าไปในกรงนกเพื่อกินอาหาร มันพร้อมที่จะพักผ่อนโดยไม่แยแสกับเขี้ยวของทอมที่แยกออกมาอยู่ข้างๆมัน
“ อย่าสร้างปัญหานะทอม” อัลเบิร์ตอุ้มแมวขนสั้นขึ้นมาและพาลงไปชั้นล่างเพื่อทานอาหารเช้า
วันนี้เฮิร์บพักผ่อนอยู่ที่บ้าน เขาเพิ่งชอบอ่านเดลี่พรอเฟ็ตและแสดงความสนใจอย่างมากในหนังสือพิมพ์ที่เคลื่อนไหวได้นี้
เดซี่เองก็อ่านเดลี่พรอเฟ็ตโดยหวังว่าจะได้เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับโลกเวทมนตร์ให้มากขึ้น
“เมื่อเช้าแม่ทำซุปข้าวโพดเป็นพิเศษ” เดซี่ยิ้มและเสิร์ฟซุปชามใหญ่ให้ลูกชายของเธอ เธอรู้ว่าอัลเบิร์ตชอบซุปนี้
“ งั้นหนูก็ไม่จำเป็นต้องดื่มนมใช่มั้ย” นีย่าดูมีความสุขมากเธอเกลียดการดื่มนมทุกวัน
“ แน่นอนว่ายังต้องดื่มจ่ะ” เดซี่วางแก้วนมต่อหน้าลูกสาว
“พี่อัลเบิร์ตได้เรียนรู้เวทมนตร์ใหม่อีกครั้งรึเปล่า” นีย่าเหลือบมองแก้วนมแล้วเปลี่ยนเรื่องเงียบ ๆ
เธอเรียนรู้เคล็ดลับนี้จากอัลเบิร์ต สาวน้อยคนนี้วางแผนที่จะเทแก้วนมลงในชามแมวของทอมเมื่อแม่ของเธอไม่ได้ให้ความสนใจ
“ นีย่า” ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่เดซี่เธอปรากฏตัวขึ้นข้างหลังลูกสาวของเธอโดยเอามือเท้าสะเอวและจ้องมองนิยา
“แม่คะหนูกำลังเตรียมอาหารเช้าให้ทอม ทอมชอบนมมากๆเลย” นีย่ารีบแก้ตัวอย่างรวดเร็ว
“งั้นเหรอ ไม่เป็นไรดีนะที่แม่ยังมีอยู่อีกแก้ว^^” เดซี่รินนมอีกแก้วแล้ววางตรงหน้าลูกสาวของเธอโดยไม่ลืมที่จะพูดว่า “อย่าลืมดื่มให้หมดนะ”
“หนูเกลียดการที่ต้องดื่มนมทุกวัน” นีย่าอดไม่ได้ที่จะบ่น
“อัลเบิร์ตเองก็ไม่ได้ดื่มมันทุกวันเหมือนกันเหรอ” เดซี่เตือนว่า “พี่เขาไม่เห็นเคยบ่น”
“ นี่มันแตกต่างหนูไม่เคยเห็นพี่อัลเบิร์ตมีปัญหาเรื่องการกินมาตั้งแต่เด็ก ๆ ” นีย่ารู้สึกหดหู่เล็กน้อย ครอบครัวชอบใช้อัลเบิร์ตขัดขวางเธอเสมอ “แม่ไม่สามารถเปรียบเทียบพี่กับหนูได้เสมอไป มันเป็นกรณีพิเศษ”
“เมื่อก่อนพี่ชายของลูกไม่เคยชอบชีสเลย” เดซี่เลิกคิ้วและพูดว่า “อย่างไรก็ตามตอนนี้เขากินชีสได้แล้ว”
“โกหก!” นีย่าไม่เชื่อเลยเพราะแพนเค้กมันฝรั่งของอัลเบิร์ตมีชีสและแฮมจำนวนมาก
“มันเป็นเรื่องจริงอัลเบิร์ตไม่ชอบชีสบางชนิดและโดยเฉพาะอย่างยิ่งอันที่มีรสชาติเข้มข้นเขาจะไม่ยอมกินมันเลย” เฮิร์บยังพบว่ามันน่าสนใจมาก เขาคิดถึงลูกชายของเขา อัลเบิร์ตไม่จู้จี้จุกจิกเรื่องกินแม้แต่น้อย ขนาดที่ว่าอาหารที่กินได้ยากเขาก็ยังคงกินมัน
“เด็กที่ไม่จู้จี้จุกจิกเรื่องกินจะสูงขึ้น” อัลเบิร์ตกล่าวโดยไม่ลังเล
“หนูจะอยากโตขนาดนี้เพื่ออะไร” นีย่าโต้กลับ
“เธอจะสวยขึ้นถ้าเธอโตขึ้น” อัลเบิร์ตเตือนว่า “ดูแม่เป็นตัวอย่าง”
เห็นได้ชัดว่าเดซี่ชอบประโยคนี้มากและยิ้มอย่างมีความสุข
“ คนขี้ประจบ” นีย่าบ่นพึมพำและภายใต้สายตาที่เต็มไปด้วย “ความรัก” ของเดซี่เธอดื่มนมอย่างไม่เต็มใจ
อย่างไรก็ตามเธอแบ่งครึ่งถ้วยให้อัลเบิร์ตเพื่อให้เขาดื่มนมมากขึ้นเพื่อให้อัลเบิร์ตตัวสูงและดูหล่อเหมือนพ่อของเขา
เดซี่และเฮิร์บเป็นทั้งสองคนเป็นคนที่ถือว่ามีรูปลักษณ์ที่สูงกว่ามาตรฐาน เนื่องจากอาชีพของพวกเขา พวกเขามักให้ความสำคัญกับการแต่งตัวและดูแลรักษาหุ่นให้ดี ที่สำคัญพวกเขายังดูเด็กมาก
เดิมทีเฮิร์บวางแผนจะพาครอบครัวไปสวนสัตว์ เนื่องจากวันนี้เขาว่างและโรงเรียนกำลังจะเปิดเทอม อัลเบิร์ตกำลังจะไปฮอกวอตส์ เขาคาดว่าปีนี้คงไม่มีโอกาสได้ออกไปเที่ยวด้วยกัน
อย่างไรก็ตามหลังจากที่อัลเบิร์ตบอกว่าเขาไม่ต้องการไปนิยาก็บอกว่าสวนสัตว์น่าเบื่อและครอบครัวก็เปลี่ยนแผนเดิมและอยู่ในห้องนั่งเล่นเพื่อสนทนาและดูทีวีกัน
นิยาอยากจะขี่ไม้กวาด แต่เฮิร์บปฏิเสธอย่างเคร่งครัดเพราะครั้งที่แล้วเธอเกือบจะทำทีวีพังด้วยไม้กวาด
พื้นที่ในห้องนั่งเล่นไม่ใหญ่พอและไม่เหมาะที่จะขี่ไม้กวาดออกไปข้างนอก มันยากที่จะอธิบายเมื่อมีคนมาเห็น
ดังนั้นไม้กวาดของเล่นที่ลุคเพิ่งซื้อให้นิยาก็ถูกเฮิร์บเก็บเอาไว้ในตู้
อันที่จริงอัลเบิร์ตยังขี่ไม้กวาดของเล่นครั้งหนึ่งซึ่งทำให้เขาเห็นภาพลวงตาว่าตัวเองกำลังเป็นโรคป่วยตอนม.2หรือว่าจูนิเบียวรึเปล่า ไม้กวาดของเล่นไม่ได้บินสูงดังนั้นเขาจึงไม่ลองอีกครั้งเพราะรู้สึกว่ามันน่าเบื่อเกินไป
อย่างไรก็ตามได้ชัดว่ามันเป็นสิ่งที่ดึงดูดใจอย่างมากที่จะบินอย่างอิสระบนด้ามไม้กวาดสำหรับนิยาที่ไม่รู้ว่าจูนิเบียวคืออะไร
[*อาการจูนิเบียวนั้นจะทำตัวคล้ายๆกับเด็กอายุ ม.2 ที่ชอบโชว์เหนือ ทำตัวเก่ง และถ้าหนักหน่อยก็คือคิดว่าตัวเองมีพลังพิเศษ ถึงจะบอกว่าเป็นอาการป่วยก็เถอะแต่อาการจูนิเบียวไม่นับว่าเป็นการเจ็บป่วยทางการแพทย์แต่อย่างใด]
หลังจากดูทีวีได้สักพักเดซี่ก็เข้าครัวเพื่อเตรียมชาดำและเค้ก ครอบครัวสี่คนและแมวตัวหนึ่งกำลังอ่าน “Stories of Poetry and Pedou” ในห้องนั่งเล่น
นิทานเล่มนี้เป็นนิทานจากโลกเวทมนตร์
เทพนิยายในเรื่องยังคงแตกต่างจากเรื่องที่พวกเขาเคยได้ยินมาก่อนเล็กน้อยเช่นเจ้าหญิงนิทรา
เรื่องราวเกี่ยวกับแบนชีในยุคกลางที่เพราะเขาอิจฉาในความงามของลูกสาวของกษัตริย์ในท้องถิ่นจึงใส่ยาแห่งชีวิตบนแกนหมุน เพื่อล่อลวงเจ้าหญิงน้อยให้สัมผัสแกนหมุนและทำให้เธอหลับไป
ต่อมาพ่อมดคนหนึ่งใส่ยาเพิ่มพลังที่ริมฝีปากของเขาและจูบเจ้าหญิงเพื่อปลุกเธอ
เจ้าหญิงนิทราเวอร์ชั่นมหัศจรรย์นั้นโรแมนติกน้อยกว่า อย่างไรก็ตามครอบครัวรับฟังด้วยความเพลิดเพลินและท้ายที่สุดพวกเขาก็ไม่รู้ว่ายาแห่งชีวิตและยาปลุกพลังคืออะไร
ในขณะนี้ครอบครัวแอนเดอร์สันกำลังอ่านเรื่องราวของสามพี่น้อง ทุกคนผลัดกันอ่านย่อหน้าก่อนหน้า กระบวนการนี้เป็นอะไรที่น่าสนใจมาก
“ มีก้อนหินที่สามารถทำให้คนคืนชีพได้จริงงั้นเหรอคะ?” นีย่าถามอย่างสงสัย
โลกมหัศจรรย์เต็มไปด้วยความเป็นไปได้ที่ไม่มีที่สิ้นสุด เนื่องจากนักเล่นแร่แปรธาตุนิโคลัส เฟลมเมลอาจใช้ศิลาอาถรรพ์ในตำนานมานานหลายร้อยปีดูเหมือนว่าจะไม่มีหินที่สามารถชุบชีวิตผู้คนได้
“ นีย่าไม่มีของแบบนี้ในโลก” เฮิร์บเตือนสติว่า “และลูกน่าจะได้ยินด้วยว่าคนรักของพี่ชายทั้งสามคนและลูกคนที่สองยังไม่ฟื้นขึ้นมาจริงๆ”
“นี่คือเทพนิยายมีคำกล่าวว่าเทพนิยายล้วนเป็นเรื่องหลอกลวง” อัลเบิร์ตกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“นี่พี่อัลเบิร์ตพี่จะให้ความหวังกับหนูหน่อยไม่ได้เหรอ?” นีย่าอดไม่ได้ที่จะบ่น แน่นอนว่าเธอรู้ว่าทุกอย่างในเทพนิยายเป็นเพียงแค่นิยาย
******