นางสาวซูแค่อยากถอนหมั้น - ตอนที่ 122 มากกว่าเพื่อนเเต่ไม่ใช่คนรัก
ฮ่อหยุนเฉิงเงียบ
เขาหลุบตาลงและเล่นกับร่มในมือด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก
ความเงียบของเขาคือคำตอบที่ดีที่สุด
หัวใจซูฉิงเริ่มดิ่งลงทีละน้อยและความรู้สึกขมขื่นก็กระจายตัว
พื้นที่ขนาดเล็กเงียบและบรรยากาศก็ค่อนข้างอึดอัด
ชิงช้าสวรรค์เริ่มลงมาอย่างช้าๆ
ในขณะที่กำลังจะหยุด ฮ่อหยุนเฉิงก็เชยตาขึ้น
ดวงตาของเขามืดมิดราวกับกลางคืน พูดกับซูฉิงอย่างจริงจังว่า “ถังถังเป็นเพียงอดีตไปแล้ว ณ เวลานี้ ผู้หญิงที่ฉันอยากใช้ชีวิตด้วยก็คือเธอ”
เสียงของเขาเข้าหูของซูฉิงราวกับเสียงสวรรค์
หัวใจของซูฉิงเต้นแรงอย่างหยุดไม่อยู่
เธอเม้มริมฝีปากแล้วพูดอย่างสบายๆ “จริงเหรอ?”
“อื้ม” ฮ่อหยุนเฉิงพยักหน้าเบาๆ พร้อมพูดด้วยความคาดหวังในน้ำเสียง “เพราะงั้น…ให้คำตอบล่วงหน้าเลยได้ไหม?”
“ไม่ได้หรอก” ซูฉิงยกยิ้มมุมปากอย่างเย่อหยิ่งและมองชายที่อยู่ข้างๆ เธอด้วยรอยยิ้ม “สองเดือนก็คือสองเดือน”
คำตอบที่ฮ่อหยุนเฉิงให้กับเธอเมื่อกี้ค่อนข้างคาดไม่ถึง
แม้ว่านี่คือคำตอบที่เธอต้องการจะได้ยิน แต่เขาพูดด้วยความจริงใจจริงหรือเปล่า?
เขาปล่อยถังถังได้ลงจริงๆ เหรอ?
นั่นคือความหลงใหลของฮ่อหยุนเฉิงตลอดหลายปีเชียวนะ
ซูฉิงรู้สึกสงสัย แต่ความสุขเล็กๆ ก็ได้ผุดขึ้นในใจเธอ
บางที ให้เวลากันอีกหน่อยและทำความรู้จักอีกฝ่ายให้มากขึ้นอีกนิด เธอคงมองเห็นอะไรได้ชัดเจนว่าความรักในหัวใจของเขาไม่ใช่ถังถัง
ฮ่อหยุนเฉิงหัวเราะอย่างช่วยไม่ได้ “ได้สิ”
หลังจากลงจากชิงช้าสวรรค์แล้ว ทั้งสองก็เดินเคียงข้างกันไปบนถนนของสวนสนุก
กลางคืนนั้นเงียบมาก
ไฟถนนส่องเงายาวของทั้งสองคน เป็นภาพที่เงียบสงบ
ตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาทั้งสองคืออะไร?
ซูฉิงเอียงหัวและคิดอย่างละเอียด
อาจจะมากกว่าเพื่อน แต่ยังไม่ใช่คู่รักล่ะมั้ง
“ดึกมากแล้ว เรากลับกันเถอะ” หลังจากเดินมาทั้งวัน ซูฉิงก็รู้สึกเหนื่อยเล็กน้อย
ทั้งสองกลับไปที่โรงแรม ทันทีที่เดินเข้าไปในล็อบบี้ ทันใดนั้นก็มีผู้หญิงในชุดสีแดงกุหลาบเดินตรงเข้ามาหาฮ่อหยุนเฉิง “หยุนเฉิง คุณสบายดีไหม?”
ซูฉิงเงยหน้าขึ้นก่อนจะขมวดคิ้วเล็กน้อย
สวีหว่านเอ๋อร์?
เธอมาปารีสเมื่อไหร่?
ฮ่อหยุนเฉิงเหลือบมองอีกคนอย่างไร้ความรู้สึกและพูดเสียงเรียบ “ทำไมถึงเป็นเธอ?”
“หยุนเฉิง คุณไม่รู้หรอกว่าหลายวันที่ผ่านมาฉันเป็นห่วงคุณมากแค่ไหน” สวีหว่านเอ๋อร์จ้องไปที่ฮ่อหยุนเฉิงด้วยแววตาร้อนแรง “เห็นว่าคุณไม่เป็นอะไร ฉันก็โล่งใจ”
เห็นความชื่นชมอย่างไม่ปิดบังของที่สวีหว่านเอ๋อร์มีต่อฮ่อหยุนเฉิง ซูฉิงก็ก้าวไปคว้าแขนของฮ่อหยุนเฉิง และยกยิ้มประชดประชันที่มุมปาก “คู่หมั้นของฉันจะเป็นหรือไม่เป็นอะไรแล้วมันเกี่ยวอะไรกับเธอไม่ทราบ?”
“ฉันก็เป็นห่วงหยุนเฉิงเหมือนกัน” สวีหว่านเอ๋อร์จ้องไปที่ซูฉิง ในใจมีแต่ความไม่พอใจ
ซูฉิงที่เป็นคนบ้านนอกกล้าดียังไงมาทำตัวสนิดชิดเชื้อกับฮ่อหยุนเฉิงได้!
“ฮ่อหยุนเฉิง เราไปกันเถอะ” ซูฉิงไม่อยากสนใจสวีหว่านเอ๋อร์จึงดึงฮ่อหยุนเฉิงขึ้นลิฟต์ทันที
สวีหว่าเอ๋อร์ที่ตามฮ่อหยุนเฉิงและซูฉิงมาก็เห็นพวกเขาเข้ากันสองห้อง
ดวงตาของสวีหว่านเอ๋อร์กะพริบ
ดูท่าว่าฮ่อหยุนเฉิงก็ไม่ได้ชอบซูฉิงมากนัก ไม่อย่างนั้นพวกเขาจะพักกันสองห้องทำไม?
ต้องเป็นซูฉิงที่คอยอ่อยฮ่อหยุนเฉิงแน่
คนบ้านนอกก็แค่หน้าตาดีไมใช่เหรอ? รู้วิธีอ่อยผู้ชายอย่างไร้ยางอายด้วยสินะ
เมื่อเทียบกับสวีหว่านเอ๋อร์อย่างเธอแล้ว ยังห่างชั้นกันมาก!
ซูฉิงกลับเข้าไปในห้องก็อาบน้ำอุ่นอย่างสบาย
หมอกหน้าอยู่ในห้องน้ำ ในหัวซูฉิงก็มีแต่คำพูดของฮ่อหยุนเฉิงปรากฏขึ้นมาตลอด
“ณ เวลานี้ ผู้หญิงที่ฉันอยากใช้ชีวิตด้วยก็คือเธอ”
มุมริมฝีปากแสนสวยของเธอยกขึ้นเล็กน้อย เธอสวมชุดนอน และดวงตาก็จับจ้องไปที่ชุดสูทของฮ่อหยุนเฉิง
ซูฉิงอยากเอาชุดสูทไปคืนให้ฮ่อหยุนเฉิง
ทันทีที่เปิดประตูโรงแรม เสียงที่ไพเราะและขี้อายของสวีหว่านเอ๋อร์ก็ดังขึ้น “หยุนเฉิง ครั้งนี้ที่ฉันมาก็เพื่อหารือเกี่ยวกับแผนความร่วมมือระหว่างของตระกูลสวีกรุ๊ปและตระกูลฮ่อกรุ๊ป”
สวีหว่านเอ๋อร์ที่คอยตามตื๊อพี่เธอ ให้เธอเข้าไปทำงานที่ตระกูลฮ่อกรุ๊ป ตั้งนานแล้วก็ยังไม่มีคำตอบ
ฮ่อหยุนเฉิงไปฝรั่งเศสกับซูฉิง สวีหว่านเอ๋อร์ทนไม่ได้จึงแอบใช้แผนความร่วมมือของสวีมู่หยางไปปารีสเพื่อใช้ข้ออ้างในการหารือเกี่ยวกับความร่วมมือกับฮ่อหยุนเฉิง
ผ่านรอยแยกประตู ซูฉิงเห็นสวีหว่านเอ๋อร์สวมเดรสสีแดงกุหลาบสั้นและสายผูกเอว เผยหน้าอกเต่งตึง ผมพาดยาวบนไหล่ และการแต่งหน้าที่ละเอียดอ่อน เห็นได้ชัดว่าแต่งตัวมาอย่างดี
“งั้นเหรอ?” ฮ่อหยุนเฉิงกระตุกมุมริมฝีปากของเขาเบาๆ
“แน่นอนสิ ฉันเอาหนังสือแบบแผนมาด้วยนะ ไม่รู้ว่าคืนนี้คุณจะพอมีเวลาไหม เราจะได้คุยกัน” สวีหว่านเอ๋อร์กล่าว และมองฮ่อหยุนเฉิงอย่างมีเสน่ห์
ฮ่อหยุนเฉิงเอนพิงกรอบประตู ดวงตาคมหรี่ลงเล็กน้อย ขางหางตาเขาเหลือบเห็นซูฉิงที่กำลังมองมาจากห้องข้างๆ อย่างไม่มีความสุข
เขาอดไม่ได้ที่จะยกยิ้มมุมปากจางๆ
แต่สวีหว่านเอ๋อร์กลับเข้าใจผิด
เธอคิดว่าฮ่อหยุนเฉิงกำลังยิ้มให้เธอ
เมื่อเห็นชายตรงหน้าที่หล่อเหลาและสง่างาม หัวใจของสวีหว่านเอ๋อร์ก็พลันเต้นแรง
เธอรู้ว่าวันนี้เธอแต่งตัวสวยและฮ่อหยุนเฉิงต้องชอบแน่
ตราบใดที่เธอตีในขณะที่เหล็กยังร้อนและออกแรงอีกเล็กน้อย ฮ่อหยุนเฉิงจะไม่จับไว้ได้ยังไงล่ะ?
ด้วยความเซอร์ไพรส์ เธอก้าวไปข้างหน้าเพื่ออยากเข้าใกล้ฮ่อหยุนเฉิง “หยุงเฉิง ทำไมเราไม่เข้าไปคุยกันดีๆ ที่ห้องคุณล่ะ…”
ยังไม่ทันพูดจบ ฮ่อหยุนเฉิงก็หลีกทางไปด้านข้าง สวีหว่านเอ๋อร์ที่ตั้งตัวไม่ทันจึงล้มลงไปกับพื้น
ซูฉิงอดไม่ได้จนหัวเราะออกมา
เธอถือเสื้อของฮ่อหยุนเฉิงก่อนจะเดินเข้ามา และมองลงไปที่สวีหว่านเอ๋อร์ “ทำไมคุณสวีชอบไปนอนบนพื้นจัง?”
“ซูฉิง เธอ!” ทันทีที่เงยหน้าขึ้น สวีหว่านเอ๋อร์เห็นใบหน้าที่ประชดประชันของซูฉิง จนสีหน้าแปลกไป
เธอรีบลุกขึ้นจากพื้นและจ้องไปที่ซูฉิงอย่างโมโห
“หยุนเฉิง เสื้อนายตกอยู่ที่ห้องฉันน่ะ” ซูฉิงพูดกับฮ่อหยุนเฉิงอย่างเสน่หาด้วยน้ำเสียงที่ขี้อายและมีเสน่ห์ทำให้คนคิดไปต่างๆนาๆ
เสื้อของฮ่อหยุนเฉิงตกอยู่ที่ห้องซูฉิง พวกเขาสองคนทำอะไรกันน่ะ!
สวีหว่านเอ๋อร์ทั้งไม่พอใจทั้งริษยา ทำไมฮ่อหยุนเฉิงถึงไม่มองเธอเลย เธอด้อยกว่าซูฉิงตรงไหน!
ฮ่อหยุนเฉิงที่อยู่ตรงหน้าเธอกลับจับมือซูฉิงอย่างนุ่มนวล และทั้งสองก็เดินเข้าไปในห้องของฮ่อหยุนเฉิง
“หยุนเฉิง แบบแผนนั่น…”
สวีหว่านเอ๋อร์พูดอย่างไม่เต็มใจ ยังไม่ทันได้พูดจบ ประตูก็ปิดเสียงดังปัง
มองสองข้างขนาบกายนั้นกำหมัดแน่น ดวงตาของสวีหว่านเอ๋อร์เปล่งประกายด้วยความร้ายกาจ
ซูฉิง นังบ้านี่!
ฉันไม่มีวันปล่อยเธอไปแน่!