นางสาวซูแค่อยากถอนหมั้น - ตอนที่ 14 พิสูจน์ความบริสุทธิ์
ซูฉิงก็รู้สึกใจกระตุกขึ้นมา
มีรอยนิ้วมือของเธอ จะเป็นไปได้ยังไง
หล่อนไม่เคยแตะแหวนวงนั้นเลยนะ
ตำรวจคนนี้ก็เป็นคนที่ฮ่อหยุนเฉิงเชิญมา ตามหลักการแล้วไม่น่าจะถูกสวีหว่านเอ๋อร์ซื้อตัวได้ งั้น ความน่าจะเป็นสิ่งเดียวก็คือสวีหว่านเอ๋อร์ถือโอกาสที่หล่อนไม่ทันระวัง แอบขโมยรอยนิ้วมือของเธอไป
“ซูฉิง ตอนนี้ผลตรวจสอบก็ออกมาแล้วก็ก็เป็นหลักฐานด้วย ว่าเธอเป็นคนขโมยแหวนของฉันไป เธอยังมีอะไรจะพดอีกมั้ย”สวีหว่านเอ๋อร์ยกยิ้มมุมปากยิ้มอย่างได้ใจ
“คุณตำรวจคะ เขาขโมยแหวนของฉัน “สวีหว่านเอ๋อร์ชี้ไปที่ซูฉิงแล้วพูด “ขอให้พวกคุณจับตัวหล่อนไปด้วย แล้วก็จัดการตามความเป็นธรรมด้วยค่ะ”
“ซูฉิง เธอขโมยแหวนของสวีหว่านเอ๋อร์จริงๆ หรอ”ฮ่อหยุนเฉิงกัดริมฝีปากถาม
แม้ตามหลักฐานจะมีลายมือของซูฉิง แต่ฮ่อหยุนเฉิงกลับรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องธรรมดา
“แน่นอนว่าไม่ใช่”ซูฉิงยังคงมีมีสีหน้านิ่งไม่ตื่นตระหนก
“ผลตรวจสอบออกมาแล้ว เธอยังกล้าจะเถียงอีก!”สวีหว่านเอ๋อร์มองซูฉิงแล้วพูดอย่างโมโห
“พี่คะ พี่ยังจะสนใจเธออีกหรอ พวกเราตระกูลฮ่อไม่รู้จักคนขี้ขโมยอย่างนี้ เขาไม่เหมาะสมกับพี่หรอกนะ!” ฮ่อเฉียนก็ไม่ลืมที่จะได้ทีขี่แพะไล่ อยากจะเหยียบซูฉิงให้จมดินไปเลย
“ขอโทษด้วยนะคุณหนูซู ขอเชิญคุณไปสถานีตำรวจกับเราด้วย เพื่อให้ความร่วมมือในการตรวจสอบ”คุณตำรวจก้าวเข้ามาแล้วพูด
ในเมื่อมีคนเห็นกับตาว่าซูฉิงขโมยแหวน และบนแหวนก็ยังอยู่ในกระเป๋าของซูฉิงด้วย อีกทั้งบนแหวนยังมีรอยนิ้วมือของหล่อนด้วย ซึ่งทำให้ซูฉิงเป็นผู้ต้องสงสัยมากที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย
ตามขั้นตอนแล้ว พวกเขาจะต้องพาซูฉิงไปที่สถานีตำรวจเพื่อจะช่วยกันตรวจสอบ
“ไม่ต้องหรอก ฉันสามารถพิสูจน์ได้ว่าฉันไม่ได้แตะต้องแหวนนี่เลย “ซูฉิงพูดเสียงเรียบ
ถึงแม้เสียงไม่ดัง แต่กลับทรงพลัง ทำให้คนรู้สึกแน่อย่างไม่ต้องสงสัย
“เธอจะพิสูจน์งั้นหรอ เธอจะใช้อะไรมาพิสูจน์ล่ะ ก็เห็นๆ อยู่ว่าเธอขโมยแหวนของฉัน!”สวีหว่านเอ๋อร์เพิ่มเสียง พร้อมกับแววตาระริกอย่างพยายามควบคุมไม่อยู่
ตอนนี้หลักฐานครบจนดิ้นไม่หลุด คนอื่นเห็นว่าซูฉิงขโมยแหวนของหล่อน งั้นแสดงว่าเป็นเรื่องจริง
ซูฉิงจะทำยังไงก็ดิ้นไม่หลุด
ยัยบ้านนอก รอไปกินข้าวแดงในคุกเถอะ!
“แน่นอนว่าฉันมีวิธีการยืนยันความบริสุทธิ์ของฉัน “ซูฉิงยกมุมปากขึ้นจนเห็นรอยยิ้ม
หล่อนก็หันไปพูดกับคุณตำรวจ “ขอแหวนมาให้ฉันหน่อยค่ะ”
คุณตำรวจหันไปมองฮ่อหยุนเฉิง และก็ได้รับอนุญาตทางสายตา จากนั้นก็ส่งแหวนให้กับซูฉิง
ซูฉิงหันมองไปรอบๆ สุดท้ายก็หยุดมองที่ตัวพนักงาน “เธอแน่ใจนะว่าเห็นกับตาว่าฉันเป็นคนเอาแหวนนี้ไป”
พนักงานรีบพยักหน้าทันที”แน่นอน ฉันเห็นกับตา”
แววตาของซูฉิงที่นิ่ง พูดเสียงขรึมว่า”ขอให้เธอดูดีๆ นะ”
ซูฉิงยื่นมือออกมา แสดงให้ทุกคนดู”ขอให้ทุกคนได้ดูที่มือของฉันดีๆ ”
ก็เห็นนิ้วนางที่ขาวราวกับหยวกกล้วย
ทุกคนไม่รู้ว่าซูฉิงคิดจะทำอะไร ต่างก็พูดพึมพำกับตัวเอง
ฮ่อหยุนเฉิงมีสีหน้าเรียบ จ้องมองสบตาไปที่แววตาของซูฉิงตลอด พร้อมสายตาที่กำลังมองอย่างค้นหา
ต่อหน้าสายตาของทุกคน ผู้หญิงตรงหน้ายังมีท่าทีสบาย
ตัวของหล่อนนั้นมีความนิ่งและเชื่อหมั้น ดูแล้วก็ไม่เหมือนผู้หญิงชาวบ้านที่มาจากบ้านนอกเลย
เขานั้นอยากจะรู้มากว่าหลังจากที่มีหลักฐานตั้งมากมายว่าเธอเป็นคนขโมย ซูฉิงจะใช้วิธีการใดที่จะยืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเอง
จากนั้นก็เห็นซูฉิงกำแหวนไว้ในมือ หลังจากนั้นไม่กี่นาที มือของหล่อนก็บวมเป่งขึ้นมา และยังเกิดเป็นตุ่มเล็กๆ ขึ้นจำนวนมาก
“เป็นอย่างนี้ได้ยังไง”ทุกคนเห็นอย่างนั้นก็ตกใจ จ้องไปที่มือของซูฉิง
ซูฉิงมองด้วยสายตาสงสัย แล้วก็ยื่นแหวนส่งคืนให้กับตำรวจ แล้วก็พูดเสียงเบาว่า”ฉันแพ้ทองคำขาว และแหวนนี่ก็ถูกทำขึ้นด้วยทองคำขาว
เชื่อว่าทุกท่านก็เห็นกันหมดแล้ว ขอแค่มือของฉันสัมผัสกับทองคำขาว มือของฉันก็จะแพ้ และกลายเป็นอย่างที่เห็นในตอนนี้ ที่ทั้งแดงทั้งบวมและยังมีตุ่มเล็กๆ ขึ้นด้วย จะต้องรอนานหลายชั่วโมงถึงจะหายได้
ถ้าหากว่าแหวนของสวีหว่านเอ๋อร์เป็นฉันที่เป็นคนขโมย มือของฉันก็จะเกิดอาการแพ้ตั้งแต่แรกแล้ว แต่พวกคุณก็เห็นแล้วนี่ ว่าเมื่อสักครู่มือของฉันยังดีอยู่เลย แต่พอฉันสัมผัสกับแหวนแล้ว ก็จะเปลี่ยนเป็นอย่างนี้
ก็หมายความว่า ก่อนหน้านี้ ฉันไม่ได้แตะต้องแหวนวังนั้นเลย ดังนั้นฉันจะเป็นคนขโมยไม่ได้”
ซูฉิงที่ทั้งพูดทั้งสาธิตให้ทุกคนได้เห็น
“ไม่ เป็นไปไม่ได้!”สวีหว่านเอ๋อร์มองมือของซูฉิงอย่างไม่อยากจะเชื่อ แล้วก็ร้องขึ้นเสียงหลง
เป็นอย่างนี้ได้ยังไง ทำไมซูฉิงถึงได้บังเอิญอย่างนี้ ที่แพ้ทองคำขาวพอดี
“เธอจะต้องทำอะไรแน่!”สวีหว่านเอ๋อร์หยิบเอาแหวนมาจากมือของตำรวจ แล้วก็มองอย่างละเอียด อยากจะมองดูว่ามีอะไรผิดสังเกตรึเปล่า
แต่ว่าแหวนนี่เป็นของเธอ ไม่มีปัญหาหรือข้อผิดสังเกตอะไร
หน้าของสวีหว่านเอ๋อร์เปลี่ยนไปทันที เป็นไปได้ยังไง!
แผนที่แนบเนียนขนาดนี้ ตอนนี้จะพลาดได้ยังไง!
สวีหว่านเอ๋อร์ที่มีท่าทีร้อนรน ซึ่งก็อยู่ในสายตาของซูฉิง หล่อนก็ยกยิ้มมุมปาก แล้วก็ใช้อีกมือข้างหนึ่งหยิบแหวนมา
“ถ้าทุกท่านยังไม่เชื่อ งั้นฉันจะสาธิตให้ดูอีกครั้ง”
และผลก็เป็นเหมือนกัน
มือที่ถือสัมผัสแหวนก็เริ่มเกิดอาการแพ้
“ตอนนี้สามารถยืนยันได้รึยังว่า แหวนวงนั้นฉันไม่ได้เป็นคนขโมย “ซูฉิงพูดออกมาอย่างชัดถ้อยชัดคำ
“ก็่เห็นอยู่ว่า คุณหนูซูฉิงแพ้แหวน ดังนั้นแหวนวงนี้ไม่ใช่เธอขโมยแน่”ตำรวจที่อยู่ข้างๆ หลังจากเห็นเรื่องเมื่อสักครู่ก็ก้มหน้าพูด
“ขอบคุณค่ะ”
ซูฉิงหันไปขอบคุณตำรวจ แล้วก็หันไปจ้องมองพนักงานคนนั้นพร้อมกับพูดว่า”เธอบอกมาดีกว่าว่า เธอเห็นกับตาว่าฉันเป็นคนขโมยแหวนได้ยังไง”
“ฉัน…..”พนักงานที่สีหน้าตื่นตระหนก ท่าทีอึกอัก มองสวีหว่านเอ๋อร์ด้วยสายตาขอความช่วยเหลือ
สวีหว่านเอ๋อร์กัดฟันแน่น แววตาเต็มไปด้วยข่มขู่
พนักงานคนนั้นก็ตัวสั่น แล้วก็คุกเข่าให้กับซูฉิง
“ขอโทษด้วยค่ะ คุณหนูซู ที่จริงแล้วฉันเป็นคนขโมยเอง “พนักงานพูดออกมาเป็นฉากๆ
“หรอ”ซูฉิงยกยิ้มมุมปาก เห็นได้ชัดว่าไม่เชื่อหล่อน
แต่ว่าก็แค่พนักงานตัวเล็กๆ ก็เท่านั้น จะมีความกล้าที่จะขโมยแหวนเพชรของสวีหว่านเอ๋อร์แล้วมาใส่ร้ายหล่อนได้ยังไง
และยิ่งไปกว่านั้นหล่อนก็ไม่มีความอดทนขนาดนั้น วางแผนได้แนบเนียนขนาดนี้
“ขอโทษ ต้องโทษฉันเองที่ผีโลภมากเข้าสิง ขโมยแหวนของคุณหนูสวี ” พนักงานที่ทั้งคุกเข่าก้มหน้าโขกหัวกับพื้นทั้งร้องไห้เสียใจ”ขอให้พวกคุณให้อภัยฉันด้วยเถอะค่ะ ฉันไม่ได้ตั้งใจ และก็จะไม่กล้าอีกแล้วค่ะ”
เห็นพนักงานยอมรับผิด สวีหว่านเอ๋อร์ก็ถึงได้ถอนหายใจโล่ง
“ในเมื่อเธอเป็นคนขโมย งั้นแหวนของฉันไปอยู่ในกระเป๋าของซูฉิงได้ยังไง”สวีหว่านเอ๋อร์รีบพูดให้ตัวเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ถามอย่างสงสัย