นางสาวซูแค่อยากถอนหมั้น - ตอนที่ 169 ฉันจะต้องช่วยซูฉิงให้ได้
“โทรแจ้งตำรวจ! รีบไปแจ้งตำรวจ!” ยวี๋น่ากังวลมาก เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ พยายามสงบสติอารมณ์
เธอพยายามขยับนิ้วของเธอ เพื่อกดโทรเรียกตำรวจ
ผู้ชายสองสามคนส่ายหัวและถอนหายใจอย่างเสียใจ “ไม่มีประโยชน์ที่จะแจ้งตำรวจ นี่มันหิมะถล่ม แปดสิบเปอร์เซ็นต์ที่คนจะไม่รอด…”
ยวี๋น่าตระโกน “เป็นไปไม่ได้ อย่าพูดไร้สาระ! ซูฉิงจะต้องไม่เป็นไร!”
ทุกคนที่อยู่ในตอนนี้ต่างตกตะลึงกับการท่าทีของยวี๋น่าในตอนนี้
พี่หลิวก้าวไปข้างหน้า ตบไหล่ยวี๋น่าและปลอบโยน “คุณยวี๋ ใจเย็นๆ บางทีอาจมีปาฏิหาริย์”
ยวี๋น่าพยักหน้าและรีบติดต่อทีมค้นหาและกู้ภัย “พวกคุณรีบมาที่นี่เร็วๆเลยนะคะ เพื่อนของฉันติดอยู่บนภูเขากำลังเจอหิมะถล่ม!”
ผู้คนจากทีมค้นหาและกู้ภัยมาอย่างรีบเร่ง แต่ลมและหิมะตกหนักเกินไป
กัปตันมองไปที่ลมและหิมะที่โหมกระหน่ำ และพูดกับยวี๋น่าด้วยใบหน้าเย็นชาว่า “ขออภัย คุณยวี๋ สภาพอากาศเลวร้ายในปัตอนนี้ไม่เอื้อต่อการค้นหาและกู้ภัยจริงๆครับ”
“แต่ว่าเพื่อนของฉันตกอยู่ในอันตราย และฉันต้องหาเธอให้พบโดยเร็วที่สุด!” ยวี๋น่าพูดอย่างกังวล
“คุณยวี๋ ผมเข้าใจความรู้สึกของคุณ แต่ผมต้องดูแลความปลอดภัยของสมาชิกในทีม” กัปตันพูดอย่างเคร่งขรึม “พายุหิมะยังไม่หยุด และหิมะถล่มครั้งที่สองอาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ”
ยวี๋น่าเข้าใจความจริงนี้ดี แต่เธอจะเพิกเฉยต่อซูฉิงได้อย่างไร ในเมื่อเธอตกอยู่ในอันตราย?
แม้ว่า… ฉันไม่รู้ว่าตอนนี้ซูฉิงยังมีชีวิตอยู่หรือตายไปแล้ว
ยวี๋น่ากังวลมาก เธอคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วโทรหาฮ่อหยุนเฉิง
แม้ว่าซูฉิงจะเคยบอกว่าเธอไม่ต้องการให้ฮ่อหยุนเฉิงรู้เรื่องนี้ เธอไม่ต้องการให้ฮ่อหยุนเฉิงรู้สึกว่าเขาเป็นหนี้อะไรกับเธอ
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เป็นเรื่องความเป็นความตาย ยวี๋น่าไม่สนใจอะไรทั้งนั้น
ตึกฮ่อ ณ ห้องผู้บริหาร
ฮ่อหยุนเฉิงกำลังจดจ่ออยู่กับงาน ถังรั่วอิงเคาะประตู “พี่เฉิง ”
“เข้ามา” ฮ่อหยุนเฉิงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
ถังรั่วอิงผลักเปิดประตูและเข้าไป
“ถังถัง มีอะไรเรื่องอะไรหรือเปล่า?” ฮ่อหยุนเฉิงเงยหน้าขึ้นและถามเบา ๆ
ถังรั่วอิงเดินไปหาฮ่อหยุนเฉิงพร้อมเอกสารในมือและพูดเบา ๆ ว่า “พี่เฉิงฉันไม่เข้าใจตรงนี้ พี่ช่วยสอนฉันได้ไหม?”
ฮ่อหยุนเฉิงเหลือบมองเอกสารในมือของถังรั่วอิง”ถังถังเอกสารนี้เนื้อหานั้นลึกเกินไป เธอพึ่งมาสามารถอ่านข้อมูลง่ายๆก่อนได้”
ถังรั่งอิงกัดริมฝีปากของเธอ “ฉันอยากจะเรียนรู้ให้เร็วที่สุดนี่คะ”
“เอาอย่างนี้ละกัน ฉันจะขอให้หลินเหยียนเฟิงจัดพนักงานอาวุโสที่ให้เธอ หากเธอไม่เข้าใจอะไร ก็สามารถถามเขาได้เลย” ฮ่อหยุนเฉิงคิดครู่หนึ่งและพูดด้วยน้ำเสียงของเขาอย่างเฉยเมย เช่นเคย
“อ่อ” ถังรั่วอิงผิดหวังเล็กน้อย เดิมทีเธอต้องการใช้โอกาสนี้เพื่อเข้าใกล้ฮ่อหยุนเฉิง แต่เธอไม่ได้คาดคิดว่าเขาจะส่งเธอออกไปด้วยคำพูดสองสามคำ
เมื่อเห็นท่าทางยุ่งของฮ่อหยุนเฉิง ถังรั่วอิงกล่าวเบา ๆ ว่า “ฉันไม่มีเรื่องอะไรแล้ว ขอตัวก่อนนะคะ ฉันไม่อยากรบกวนพี่เฉิง”
“อืม” ฮ่อหยุนเฉิงเปล่งเสียงพยางค์เดียวอย่างแผ่วเบา
ถังรั่วอิงหันหลังกลับและจากไป ขณะที่เธอเดินไปที่ประตู เธอก็ได้ยินเสียงเรียกของฮ่อหยุนเฉิง “ถังถัง”
ถังรั่วอิงหยุดด้วยความดีใจ
เธอหันมองไปที่ใบหน้าที่หล่อเหลาของฮั่วหยุนเฉิง ซึ่งหล่อมากจนต้องใจเต้น
ดวงตาของถังรั่วอิงไม่สามารถซ่อนความชื่นชมของเธอได้ “พี่เฉิง มีอะไรคะ?”
ฮ่อหยุนเฉิงยืนขึ้น ขดริมฝีปากแล้วพูดว่า “ฉันให้คนเช่าบ้านใหม่ให้คุณ หลังเลิกงาน ฉันพาเธอไป เธอไปดูว่าพอใจไหม”
ความชื่นชมยินดีแผ่ขยายไปอย่างเงียบ ๆ ในทุก ๆ อณูในตัวของถังรั่วอิง
ความจริงอยู่ตรงหน้าเธอ ฮ่อหยุนเฉิงไม่ได้ไร้ความรู้สึกกับเธอ
อย่างน้อยก็ห่วงใยเธอ และคิดถึงเธออยู่ในใจ
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ถังรั่วอิงก็คว้าแขนของฮ่อหยุนเฉิงและพูดด้วยน้ำเสียงเขินอายว่า “พี่เฉิง พี่ดีกับฉันมาก … ”
ก่อนที่เธอจะพูดจบประโยค โทรศัพท์มือถือของฮ่อหยุนเฉิงก็ดังขึ้นอย่างขัดบรรยากาศ
ฮ่อหยุนเฉิงดึงแขนออกอย่างเฉยเมย หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาดู
เป็นหมายเลขที่ไม่คุ้น ฮ่อหยุนเฉิงคิดว่าเป็นการโทรที่ก่อกวนจากโฆษณา เขาจึงไม่รับสาย
แต่อีกฝ่ายยังคงโทรหามือถือของเขา ราวกับว่าจะไม่ยอมแพ้หากเขาไม่รับสาย
หลังจากดังขึ้นหลายครั้ง ฮ่อหยุนเฉิงขมวดคิ้ว และในที่สุดนิ้วที่เรียวยาวของเขาก็กดปุ่มตอบรับในที่สุด
เสียงในโทรศัพท์ค่อนข้างคุ้นเคย พูดด้วยความตื่นตระหนกเล็กน้อย “ฮ่อหยุนเฉิงหรือเปล่า?”
“ใช่ ฉันเอง” ฮ่อหยุนเฉิงพูดอย่างเคร่งขรึม
เสียงยวี๋น่าที่ปลายสายโทรศัพท์มาพร้อมกับเสียงร้องไห้ “ฉันยวี๋น่า เกิดเรื่องขึ้นกับซูฉิง!”
“อะไรนะ!” หัวใจของฮ่อหยุนเฉิงเต้นเป็นจังหวะ “เกิดอะไรขึ้นกับซูฉิง?”
“ซูฉิง… โดยหิมะถล่ม!” ยวี๋น่ากล่าวเสียงดัง
แค่คิดว่าตอนนี้ซูฉิงจะเป็นหรือตายก็ยังไม่รู้ และทีมกู้ภัยไม่สามารถเข้าไปค้นหาและช่วยเหลือได้ อารมณ์ของยวี๋น่าก็แตกสลายเล็กน้อย
หิมะถล่ม???
หลังจากได้ยินคำนี้ ดวงตาของฮั่วหยุนเฉิงก็เต็มไปด้วยความตึงเครียดและความกังวล และคำถามมากมายก็โพล่งออกมา “หิมะถล่ม เกิดอะไรขึ้น คุณอยู่ที่ไหน ซูฉิงอยู่ที่ไหน”
ซูฉิงหายไปไหน?
อยู่ดีๆ จะมีหิมะถล่มได้อย่างไร?
ยวี๋น่าหายใจเข้าลึก ๆ สงบสติอารมณ์ลงเล็กน้อยแล้วพูดว่า “เรื่องมันเป็นแบบนี้ ซูฉิงไปที่ภูเขาฉางไป๋กับฉันเพื่อตามหาอาจารย์ฉีเพื่อมารักษาท่านผู้เฒ่าฮ่อ เธอเข้าไปในภูเขาเพียงลำพังเพื่อตามหาอาจารย์ฉี แต่…”
“แต่อะไร?” ฮ่อหยุนเฉิงอดที่จะถามไม่ได้
“แต่ว่า สภาพแวดล้อมที่นั่นแย่มาก พายุหิมะเริ่มขึ้นไม่นานหลังจากที่ซูฉิงเข้าไปในภูเขา เช้านี้ฉันได้ยินว่ามีหิมะถล่มบนภูเขา ฉันไม่สามารถติดต่อกับซูฉิงได้ และที่ที่เกิดหิมะถล่ม ก็เป็นที่เดียวกับที่ซูฉิงไปตามหาอาจารย์ฉี”
ต้องมีบางอย่างเกิดขึ้นกับเธอแน่ๆ ไม่อย่างนั้นจะไม่เงียบแน่นอน ”
นิ้วของฮ่อหยุนเฉิงที่ถือโทรศัพท์กำแน่นขึ้นเล็กน้อย
เพื่อที่จะตามหาอาจารย์ฉี ให้กับคุณปู่ ซูฉิงถึงกับต้องไปที่ภูเขาฉางไป๋ เข้าไปในภูเขาลึกเพียงลำพัง และพบกับหิมะถล่ม!
ทำไมเธอโง่ขนาดนี้?
เมื่อคิดถึงตอนที่ซูฉิงไปที่โรงพยาบาลเพื่อไปเยี่ยมคุณปู่ แต่ถูกเขาขับไล่ออกไปอย่างไร้ความปรานี หัวใจของ ฮ่อหยุนเฉิงดูเหมือนจะถูกฉีกออกเป็นชิ้น ๆ ด้วยมือคู่ใหญ่ และมันก็เจ็บปวดเหลือเกิน
“ผมจะพาคนมาที่นี่ทันที” ฮ่อหยุนเฉิงคิดสักครู่แล้วพูดอย่างเย็นชา “ยวี๋น่า ฟังฉันนะ ผมจะติดต่อทีมค้นหาและทีมกู้ภัยในพื้นที่ทันที คุณไปที่ภูเขาพร้อมกับทีมค้นหาและกู้ภัยเพื่อค้นหาซูฉิงและผมจะเข้าร่วมกับคุณหลังจากที่ผมมาถึง ”
“ฉันพาทีมค้นหาและกู้ภัยมาแล้ว แต่พายุหิมะยังไม่หยุด สภาพแวดล้อมเลวร้ายเกินไป ทีมค้นหาและกู้ภัยไม่สามารถเข้าไปค้นหาและกู้ภัยได้” ยวี๋น่าพูดอย่างช่วยไม่ได้
“ให้พวกเขาหาทางเข้าไป!” ใบหน้าหล่อเหลาของฮั่วหยุนเฉิงทรุดลง และเสียงของเขาก็ทนไม่ไหว
ยวี๋น่าพยักหน้า “ฉันจะพยายามโน้มน้าวพวกเขาอีกครั้ง”
หลังจากหยุดครู่หนึ่ง ยวี๋น่าก็ขึ้นเสียงของเธอเล็กน้อย “ฮ่อหยุนเฉิง คุณต้องช่วยซูฉิง คุณต้องช่วยเธอให้ได้!”
“ผมจะทำอย่างแน่นอน!” ฮ่อหยุนเฉิงกล่าวโดยไม่ลังเล