นางสาวซูแค่อยากถอนหมั้น - ตอนที่ 177 เคยเจอพ่อแม่หนูไหม
พวกเขาทั้งสามเดินไปข้างหน้า ตอนนี้น้ำแข็งและหิมะยังละลายไม่หมด เดินไปไม่ราบรื่นจนซูฉิงเดินได้อย่างยากลำบาก
“ถ้ารู้ว่าเป็นแบบนี้คงให้ฮ่อหยุนเฉิงใช้เฮลิคอปเตอร์มาส่งพวกเราแล้ว” ยวี๋น่าบ่นโอดครวญ
ให้ถังรั่วอิงคอยกวนใจฮ่อหยุนเฉิงสู้ให้เขาไปส่งเราเพื่อตามหาอาจารย์ฉียังดีเสียกว่า
ยังไงจุดประสงค์ในการมาตามหาอาจารย์ฉีก็เพื่อช่วยท่านผู้เฒ่าฮ่อ
ฮ่อหยุนเฉิงมีหน้าที่มาส่งพวกเขาที่นี่
ใบหน้าของซูฉิงนิ่งค้างก่อนจะขมวดคิ้วและมองไปรอบๆ “น่าจะอยู่แถวนี้นะ”
“เธอแน่ใจเหรอ?” ยวี๋น่าถามด้วยความสงสัย “มีแต่หิมะทุกทั้งนั้น มองไปทางไหนก็ดูไม่เหมือนมีร่องรอยคนเลยนะ”
“ตามที่พี่หลิวพูดก่อนหน้านี้ ต้องอยู่นี่ไม่ผิดแน่” ซูฉิงชะงักฝีเท้า
เฉินจุนเหยียนที่เงียบไปพักหนึ่ง จู่ๆ ก็พูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นและชี้ไปที่ด้านหน้า “ซูฉิง ตรงนั้นหรือเปล่า?”
มองตามที่เฉินจุนเหยียนชี้ไป ด้านหลังป่าทึบซึ่งอยู่ไม่ไกลนักมีบ้านไม้หลังเล็กตั้งตระหง่านอยู่
ผ่านป่าไป อีกด้านของป่ามีถ้ำที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
“น่าจะเป็นตรงนั้นไม่ผิดแน่!” น้ำเสียงของซูฉิงเกิดความตื่นเต้นเล็กน้อย
เธอก้าวไปข้างหน้าและเคาะประตู “มีใครอยู่ไหมคะ?”
ไม่มีเสียงตอบรับ
“ไม่ใช่ที่นี่หรือเปล่า?” ยวี๋น่าถามอย่างกังวล
ใบหน้าของซูฉิงนิ่งลง และยังคงเคาะประตูต่อไปอย่างไม่ย่อท้อก่อนจะเบ่งเสียงดังขึ้น “มีใครอยู่ไหม? คุณอาฉีอยู่ข้างในหรือเปล่าคะ?”
หลังจากนั้นไม่นานประตูไม้ก็เปิดออก ชายวัยกลางคนที่มีผมหงอกก็ปรากฏตัวขึ้นในสายตาของซูฉิง
คิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน ใบหน้ามีแต่เคราเต็มหน้า ดูเหมือนกับคุณอาฉีในความทรงจำ แต่แค่แก่กว่ามาก
เป็นเขา!
เป็นคุณอาฉีจริงด้วย!
คุณปู่ฮ่อรอดแล้ว!
ซูฉิงพูดอย่างตื่นเต้น “คุณอาฉียังจำหนูได้ไหมคะ?”
“อาเสว่ใช่ไหม” ฉียวี่ชูหรี่ตาด้วยความตกใจ จ้องไปที่ซูฉิงที่ยืนอยู่ตรงประตูก่อนจะพึมพำกับตัวเองอย่างตื่นเต้น “อาเสว่ อาเสว่…”
อาเสว่??
ใครกันล่ะนั่น?
ซูฉิงตกใจ “คุณอาฉีจำหนูไม่ได้เหรอคะ หนูซูฉิงไงคะ”
“ซูฉิง?” ฉียวี่ซูได้สติก่อนดวงตาของเขาจะฉายแววผิดหวังและพูดเบาๆ “ที่แท้ก็เป็นเธอเองหรอกเหรอ”
“ค่ะ คุณอาฉีจะหนูได้หรือเปล่า? ตอนเด็กที่หนูป่วยหนัก เป็นคุณอาที่ช่วยหนูเอาไว้ ทั้งยังสอนทักษะทางการแพทย์ให้หนูด้วย” ซูฉิงพูดอย่างกระตือรือร้น เพราะกลัวว่าฉียวี่ชูจะจำเธอไม่ได้
ฉียวี่ชูพยักหน้า ก่อนจะกวาดสายตามองซูฉิงและพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น “เธอโตขนาดนี้แล้วเหรอเนี่ย เข้ามาคุยสิ”
เมื่อเห็นว่าฉียวี่ชูยังจำตัวเองได้ ซูฉิงก็โล่งใจก่อนจะหันไปพูดกับยวี๋น่าและเฉินจุนเหยียน “พวกเธอรอฉันอยู่ข้างนอกนะ”
เธอรู้จักนิสัยที่ชอบชอบเจอคนแปลกหน้าของคุณอาฉีดี
เมื่อซูฉิงเดินเข้าไปในห้องไม้ ฉียวี่ชูก็ปิดประตูเสียงดังปัง
“นั่งสิ” ฉียวี่ซูชี้ไปที่ม้านั่งไม้ในห้อง “เธอรู้ได้ไงว่าฉันอยู่ที่นี่?”
ซูฉิงนั่งลงและพูดอย่างตรงไปตรงมา “คุณอาฉี อันที่จริงที่หนูมาหาเพราะมีเรื่องอยากให้ช่วยน่ะค่ะ”
“ให้ฉันไปรักษา?” ฉียวี่ชูเดาเจตนาของซูฉิงแต่แล้วกลับปฏิเสธ “กลับไปเถอะ ฉันจะไม่ออกไปจากที่นี่”
ซูฉิงอ้อนวอน “คุณอาฉี หนูรู้ว่าคำขอของหนูมันกะทันหัน แต่คุณปู่ฮ่อกำลังแย่ และมีเพียงคุณอาเท่านั้นที่ช่วยเขาได้ คุณอาช่วยหนูหน่อยได้ไหมคะ?”
“คุณปู่ฮ่อ เธอกำลังพูดถึงท่านฮ่อแห่งตระกูลฮ่อกรุ๊ปอย่างนั้นเหรอ” ฉียวี่ชูขมวดคิ้ว
“ใช่ค่ะ คุณปู่ฮ่อกับคุณปู่หนูเป็นเพื่อนกัน คุณอาฉีเห็นแก่หน้าคุณปู่ไปช่วยคุณปู่ฮ่อทีได้ไหมคะ?” ซูฉิงคว้าแขนของฉียวี่ชู และพูดขอร้องอย่างจริงจัง
เพราะเธอมีส่วนต้องรับผิดชอบต่ออาการป่วยของท่านผู้เฒ่าฮ่อ ถ้าคุณอาฉีปฏิเสธเธอ…เธอคงต้องรู้สึกผิดไปตลอดชีวิต
เมื่อรู้สึกถึงอุณหภูมิบนมือของซูฉิง ความคิดของฉียวี่ชูก็หลุดลอยไป
“ยวี่ชู ช่วยเขา ช่วยเขาทีนะ ขอร้อง…”
ย้อนกลับไปในตอนนั้น อาเสว่ก็จับแขนของเขาและขอร้องให้เขาช่วยคนรักของเธอแบบนี้
มองไปที่ใบหน้าที่คล้ายกับอาเสว่ ฉียวี่ชูถอนหายใจ ครุ่นคิดครู่หนึ่งและในที่สุดก็พยักหน้า
“คุณอาฉีตกลงแล้วใช่ไหมคะ?” ซูฉิงรู้สึกยินดีมาก
“อืม” ฉียวี่ชูตอบเบาๆ
“ขอบคุณนะคะคุณอาฉี” หินก้อนใหญ่ในใจของซูฉิงก็ร่วงหล่นลงไปแล้ว
เธออมยิ้ม “เรารีบไปเมือง A เลยได้ไหมคะ?”
ตอนนี้เจอตัวคุณอาฉีแล้ว หากรีบกลับไปเมือง A คุณปู่ฮ่อก็จะสามารถฟื้นได้เร็วขึ้น
“ฉันจะไปเก็บของ” ฉียวี่ชูยืนขึ้นก่อนจะไปหยิบกล่องไม้ในห้องแล้วสะพายไว้ที่หลัง
ซูฉิงรู้ว่ามันคือกล่องยาของฉียวี่ชู
“ซูฉิง เธอนึกเรื่องอดีตได้หรือยัง?” ฉียวี่ชูพูดทันที
เรื่องอดีต…หมายถึงก่อนป่วยหนักงั้นเหรอ?
ดวงตาของซูฉิงหรี่ลง “คุณอาฉี หนูจำเรื่องวัยเด็กไม่ได้เลยค่ะ คุณปู่บอกว่าเป็นผลมาจากตอนที่ป่วยหนัก จริงหรือเปล่าคะ?”
“อืม” ฉียวี่ชูแกล้งเออออพยักหน้าไป “เราไปกันเถอะ!”
“คุณอาฉีเคยเจอพ่อแม่หนูไหมคะ หน้าตาพวกเขาเป็นยังไงเหรอ?” ซูฉิงลังเลอยู่สักพักจึงเอ่ยถาม
เธอเคยถามคำถามนี้กับปู่แล้ว แต่ทุกครั้งคุณปู่จะเปลี่ยนเรื่องหรือไม่ก็โกรธ
ซูฉิงจึงไม่กล้าถามอีก เพราะกลัวจะทำให้ปู่เสียใจ
บางทีคุณอาฉีอาจจะรู้อะไรบางอย่าง?
“ไม่รู้หรอก ตอนที่ฉันไปบ้านเธอก็มีแค่เธอกับคุณปู่เธอสองคน” นัยน์ตาของฉียวี่ชูสั่นไหว
คำตอบของเขาทำให้ชูฉิงผิดหวัง
สัญชาตญาณบอกซูฉิงว่าคุณอาฉีต้องปิดบังอะไรเธออยู่แน่
แล้วมันคืออะไรกันล่ะ?
ซูฉิงรู้นิสัยของฉียวี่ชูดี ถ้าเขาจะไม่พูด เธอจะถามให้ตายยังไงก็ไร้ประโยชน์
ช่างเถอะ สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้คือรีบกลับไปที่เมือง A และให้คุณอาฉีช่วยท่านผู้เฒ่าฮ่อให้ได้ก่อน
ซูฉิงและฉียวีชูเดินออกจากบ้านไม้เคียงข้างกัน ยวี๋น่าและเฉินจุนเหยียนก็รีบปรี่เข้ามาทักทาย
“นี่คือคุณอาฉี” ซูฉิงแนะนำด้วยรอยยิ้ม “คุณอาฉีคะ พวกเขาเป็นเพื่อนของหนูเอง ยวี๋น่าและเฉินจุนเหยียนค่ะ”
“อาจารย์ฉี ได้ยินชื่อเสียงมานานแล้วล่ะค่ะ” ยวี๋น่าและเฉินจุนเหยียนต่างชื่นชมทักษะทางการแพทย์ของฉียวี่ชูกันมาก
แต่ฉียวี่ชูเพียงแค่เหลือบมองพวกเขานิ่งๆอย่างไม่แยแส
ยวี๋น่าและเฉินจุนเหยียนได้ยินเรื่องนิสัยแปลกๆ ของฉียวี่ชูมาจากซูฉิงแล้ว พวกเขามองหน้ากันและเดินตามหลังซูฉิงไปเงียบๆ
กลับมาที่หมู่บ้าน ทันทีที่ถึงสี่แยก ร่างสูงก็มาปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าซูฉิงและหยุดเธอไว้
ซูฉิงขมวดคิ้ว “ฮ่อหยุนเฉิง นายจะทำอะไร?”
“ฉันรอเธออยู่” ฮ่อหยุนเฉิงพูดด้วยน้ำเสียงทุ้ม
“ไม่ต้องห่วง ฉันเจอคุณอาฉีแล้ว เขาตกลงกับฉันว่าจะกลับไปช่วยปู่ของนายที่เมือง A” ซูฉิงกล่าวเสียงเรียบ