นางสาวซูแค่อยากถอนหมั้น - ตอนที่ 178 ฝันร้ายติดๆกัน
ดวงตาที่ลึกล้ำของฮ่อหยุนเฉิงเปล่งประกายด้วยความประหลาดใจ ก่อนจะสายตาจะตกไปอยู่ที่ชายวัยกลางคนที่อยู่ด้านหลังซูฉิง
ถ้าเขาเดาไม่ผิด ผู้ชายที่ดูเหมือนไม่เด่นคนนี้คงจะเป็นอาจารย์ฉี
ฮ่อหยุนเฉิงก้าวไปข้างหน้าและพูดด้วยความเคารพ “ขอบคุณนะครับอาจารย์ฉี”
ฉียวี่ชูพ่นลมอย่างเย็นชา “ถ้าอยากจะขอบคุณก็ขอบคุณซูฉิงเถอะ”
ฮ่อหยุนเฉิงที่ห่างเหินมาตลอดก็กระตุกมุมปากอย่างทำตัวไม่ถูก
นิสัยของหมออัจฉริยะดูแปลกๆ ไปหน่อย
ไม่อย่างนั้นฉียวี่ชูที่มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยมคงไม่ซ่อนตัวอยู่ในโลกที่เยือกเย็นนี้โดยไม่มีเหตุผลหรอก
พอนึกได้อย่างนั้น ฮ่อหยุนเฉิงก็เข้าใจได้ ใจเขาเอาแต่กังวลเรื่อวอาการของท่านผู้เฒ่าฮ่อ “ซูฉิง ยังไม่สายเกินไป เรารีบออกเดินทางกันเถอะ”
ซูฉิงพยักหน้าเบาๆ “ไปกันเถอะ!”
เธอเองก็อยากรีบกลับไปรักษาท่านผู้เฒ่าฮ่อที่เมือง A ให้เร็วที่สุด
ฮ่อหยุนเฉิงหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาและกำลังจะโทรหาหลินเหยียนเฟิง ทันใดนั้นถังรั่วอิงก็วิ่งมาจากด้านข้างของเขาก่อนจะคว้าแขนเขาไว้และพูดเสียงเบา “พี่เฉิง”
ผมของเธอยุ่งเหยิง สวมรองเท้าแตะผ้าฝ้าย ดูเขินอายเล็กน้อย
“ถังถัง เธอเป็นอะไรน่ะ?” ฮ่อหยุนเฉิงตะลึง ก่อนริมฝีปากบางจะกระตุก
ถังรั่วอิงเหลือบมองซูฉิงอย่างระมัดระวังและมือเล็กๆ จับแขนฮ่อหยุนเฉิงแน่นขึ้น “ฉันตื่นมาไม่เห็นพี่เลยไปตามหาทุกที่เลย ที่แท้ก็มาอยู่นี่นี่เอง”
ฮ่อหยุนเฉิงฉวยโอกาสตอนเธอหลับออกมา ตอนนี้เมื่อเห็นท่าทางที่ไม่สบายใจของเธอ เขาตบไหล่ของเธอด้วยมือใหญ่ “ถังถัง ซูฉิงเจออาจารย์ฉีแล้วและตอนนี้เราต้องรีบกลับไปที่เมือง A ทันที ร่างกายเธอยังไม่หายดี พักที่นี่ไปสองสามวันก่อน แล้วฉันจะให้หลินเหยียนเฟิงมารับ”
“ไม่เอานะพี่เฉิง ฉันไม่อยากอยู่คนเดียว ฉันจะกลับไปพร้อมพี่” ถังถังส่ายหัวอย่างแรง
เธอจะปล่อยให้ฮ่อหยุนเฉิงไปกับซูฉิงได้ไง เธอจะไม่ปล่อยโอกาสให้ซูฉิงได้เข้าใกล้ฮ่อหยุนเฉิงหรอก!
“แต่ร่างกายของเธอ…” ฮ่อหยุนเฉิงลังเล
ถังรั่วอิงมองเขาด้วยน้ำตาคลอเบ้าและพูดอย่างน่าสงสารว่า “ฉันสบายดี ฉันไม่อยากถูกทิ้งให้อยู่ตามลำพัง ฉันกลัว…”
เมื่อเห็นท่าทีเสแสร้งและอ่อนแอของถังรั่วอิง ใบหน้าซูฉิงก็นิ่งมากขึ้นก็จะพูดเร่งอย่างไม่สบอารมณ์ “ฮ่อหยุนเฉิง สรุปนายจะไปไหม!”
“ไปสิ” ท่าทีของฮ่อหยุนเฉิงหยุดนิ่ง
คนกลุ่มนี้ใช้เครื่องบินส่วนตัวของฮ่อหยุนเฉิงและบินไปทางเมือง A
“ฮ่อหยุนเฉิง เครื่องบินของคุณลำนี้โอเคใช่ไหม?” ยวี๋น่านั่งที่นั่งข้างซูฉิงมองไปรอบๆ อย่างกังวล “คงจะไม่เกิดอุบัติเหตุอีกใช่ไหม?”
ก่อนหน้านี้ที่ซูฉิงจะเครื่องบินตกจนสถานการณ์อันตราย ยวี๋น่าก็ตกใจแทบหัวใจวาย
ตอนนี้มานั่งบนเครื่องบินส่วนตัวของฮ่อหยุนเฉิง แม้แต่ยวี๋น่าเองก็เกือบจะกลัวความสูง
ฮ่อหยุนเฉิงนั่งที่ที่นั่งด้านหน้าของซูฉิงและยวี๋น่า เขาหันหลังมาก่อนที่ดวงตาที่ลึกล้ำของเขาจะมองไปยังใบหน้าของชูฉิง
สายตาสองคู่สบกันก่อนซูฉิงจะหลับตาลง
ใบหน้าหล่อเหลาของฮ่อหยุนเฉิงนิ่งขรึมและพูดอย่างขุ่นเคือง “ทำไมเหรอครับ คุณยวี๋คิดว่าผมเป็นคนทำอะไรผิดพลาดซ้ำสองงั้นเหรอครับ?”
หลินเหยียนเฟิงกล่าวเสริม “คุณยวี๋ไม่ต้องกังวลนะครับ ผมให้คนตรวจสอบแล้ว เครื่องบินลำนี้ปลอดภัยมากและไม่มีทางมีปัญหาครับ”
“ถ้างั้นก็ดีค่ะ” ยวี๋น่ายักไหล่
“พี่เฉิง จะไม่มีปัญหาจริงๆ ใช่ไหม?” ถังรั่วอิงที่นั่งข้างฮ่อหยุนเฉิงและเกาะติดเขาตลอดทางราวกับขนมหนิวผีถัง
“อืม ไม่มี” ฮ่อหยุนเฉิงพูดเสียงเรียบ
ถังรั่วอิงเหลือบมองชายที่อยู่ข้างๆ ก่อนจะเอนหัวซบไหล่อีกคน “พี่เฉิง พี่รู้ไหมว่าตอนที่ฉันตกจากหน้าผา ตั้งแต่นั้นมาฉันก็กลัวที่สูงๆ แล้วก็กลัวเครื่องบินด้วย”
จู่ๆ หัวใจของฮ่อหยุนเฉิงก็เต้นแรง
กลัวความสูง กลัวเครื่องบิน…ซูฉิงเองก็กลัวความสูงเหมือนกัน
ถังถังและซูฉิงนั้นช่างมีความคล้ายกันหลายอย่าง
ถังรั่วอิงพูดต่อเมื่อไม่ได้รู้สึกถึงอาการแปลๆ ของชายข้างๆ “แต่ว่าตอนนี้มีพี่อยู่ข้างๆ ฉันก็ไม่กลัวอะไรแล้ว”
“อืม” ฮ่อหยุนเฉิงตอบเสียงเบาและพูดอย่างไม่ใส่ใจ “ยังมีเวลาอีกสองชั่วโมงกว่าจะถึงเมือง A เธอพักผ่อนเถอะ”
ร่างกายของเธอสั่น ก่อนจะที่ถังรั่วอิงจะเคลื่อนเข้าไปในอ้อมแขนของฮ่อหยุนเฉิง “พี่เฉิง ฉันหนาวจัง…”
ถังรั่วอิงติดเขาแจ ความรู้สึกนี้ทำฮ่อหยุนเฉิงรู้สึกอึดอัด
เขาค่อยๆ ดันถังรั่วอิงออกก่อนจะถอดเสื้อสูทแล้วสวมให้เธอ “แบบนี้อุ่นกว่า”
รู้สึกถึงความเหินห่างของฮ่อหยุนเฉิงที่มีต่อเธอ สีหน้าเธอก็เปลี่ยนไปเล็กน้องก่อนจะเหลือหางตามองซูฉิงที่สีหน้าไร้อารมณ์ตรงเบาะหลังก่อนจะยิ้มอย่างพอใจ “พี่เฉิง พี่ดีกับฉันจัง”
ฉากนี้เข้าตาของซูฉิงจังๆ จนรู้สึกเสียดแทงลูกตา
ซูฉิงรีบหลับตาลง ไม่เห็นก็ไม่รู้สึกรำคาญ
แต่ในหัวกลับอดนึกถึงตอนที่เครื่องตกที่ฝรั่งเศษกับฮ่อหยุนเฉิงไม่ได้
อันที่จริงเพิ่งผ่านไปแค่ครึ่งเดือนเท่านั้น แต่พอมานึกเอาตอนนี้ก็รู้สึกเหมือนกับผ่านมาแล้วทั้งชีวิต
ในตอนนั้น คำพูดที่ฮ่อหยุนเฉิงพูดกับเธออย่างจริงจังนั้นมีความจริงใจบ้างหรือเปล่านะ?
ซูฉิงขมวดคิ้วและสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อขับอารมณ์ที่อธิบายไม่ได้ออก
ไม่รู้ว่าฮ่อหยุนเฉิงหาตัวฆาตกรที่อยู่เบื้องหลังเครื่องบินตกหรือยัง?
สรุปแล้วใช่หลินเจียต้งหรือเปล่า?
ถ้าใช่ ทำไมเธอไม่ได้ยินอะไรเกี่ยวกับหลินเจียต้งเลย?
ถ้าไม่ใช่ แล้วจะเป็นใครกัน?
เมื่อคิดอย่างเงียบๆ เปลือกตาของซูฉิงก็หนักขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดเธอก็ทนไม่ไหวจนผล็อยหลับไป
เธอนอนหลับไม่สนิท
ขณะหลับ เหมือนเธอถูกขังอยู่ในห้องมืดที่ไร้ซึ่งแสงแดดส่องถึง
มีหลายคนข่มขู่เธอและทุบตีเธอ
เธอคิดจะต่อสู้ แต่กลับทำไม่ได้
ภาพเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน และเป็นเธอที่วิ่งเข้าไปในป่าอย่างล้มลุกคลุกคลาน
มีคนชั่วอีกหลายคนที่ไล่ตามเธอ
เมื่อเห็นว่าคนเหล่านั้นกำลังจะตามเธอทัน ซูฉิงจึงวิ่งไปข้างหน้าอย่างสิ้นหวัง
แต่ทว่า…
ข้างหน้า เป็นหน้าผา…
เธอก้มมองลงไปและเห็นเป็นสีดำที่หยั่งไม่ถึง
กลับไม่ได้ ไปไม่ถึง เธอไม่มีที่ไปแล้ว!
ในขณะที่เธอตกอยู่ในอาการมึนงง หญิงสาวร่างสูงสวมรองเท้าส้นสูง เดินมาหาพร้อมแสยะยิ้ม
ถังรั่วอิง!
เธอเดินไปหาซูฉิงทีละก้าว ใบหน้าอันบอบบางบิดเบี้ยว และริมฝีปากสีแดงก็พ่นคำพูดราวกับงูพิษ “พี่เฉิงเป็นของฉัน ไม่ว่าใครก็ห้ามแย่งไป! ซูฉิง รวมทั้งเธอด้วย!”
สิ้นเสียง ถังรั่วอิงก็เหยียดมือผลักซูฉิงลงไปที่หน้าผาอย่างแรง!
“อา! ไม่นะ!!” ความรู้สึกกลัวที่จะตกลงไปแผ่ซ่านจนซูฉิงอุทานออกมา และทันใดนั้นก็ตื่นขึ้น