นางสาวซูแค่อยากถอนหมั้น - ตอนที่ 179 การฝังเข็มแบบพิเศษ
ลืมตาขึ้นทันใด และสิ่งที่ดึงดูดสายตาคือแสงบนห้องโดยสาร และเครื่องบินยังคงบินได้อย่างราบรื่น
ซูฉิงถอนหายใจยาว ที่แท้ก็ฝันร้าย…
“ซูฉิง เธอเป็นไงบ้าง” เสียงกังวลหลายเสียงดังขึ้นพร้อมกัน
ซูฉิงกุมหน้าอกก่อนจะส่ายหัวด้วยความกลัวและพูดว่า “ไม่มีอะไร เป็นแค่ฝันร้ายน่ะ”
ความฝันเมื่อกี้เหมือนจริงมาก
จริงมากราวกับว่ามันเคยเกิดขึ้นจริง
ทำไมเธอถึงฝันแปลกแบบนี้?
หรือเป็นเพราะช่วงนี้เธอถูกถังรั่วอิงรังเกียจมากเกินไป?
เฉินจุนเหยียนหันมองซูฉิง ก็เห็นเพียงใบหน้าเธอซีดและหน้าผากเต็มไปด้วยเหงื่อ
เขาพูดอย่างเป็นห่วง “ซูฉิง สีหน้าเธอดูไม่ดีเลย ไม่เป็นอะไรจริงเหรอ?”
ซูฉิงฝืนยิ้ม “ไม่เป็นไร”
“ไหนฉันดูหน่อย” ฉียวี่ชูยืนขึ้นและเดินไปตรงหน้าซูฉิง
เขาฌน้มตัวแล้ววางนิ้วชี้ของมือขวาเพื่อจับชีพจรของซูฉิง
สองนาทีต่อมา เขาก็ยิ้มและพูดว่า “ไม่เป็นไร อาจเป็นเพราะช่วงนี้เธอเหนื่อยเกินไปเลยเป็นแบบนี้ พักสักหน่อยก็ดีขึ้นแล้วล่ะ”
“ค่ะ” ซูฉิงเรียกสติกลับคืน “ขอบคุณคุณอาฉีนะคะ”
ช่วงนี้เธอเหนื่อยมากจริงๆ เธอติดอยู่ในถ้ำเพราะหิมะถล่ม หลังจากกังวลเป็นเวลาสองวัน ทันทีที่ถูกช่วยออกมาก็ตามหาฉียวี่ชูและรีบกลับไปที่เมือง A ทันที
ถึงสภาพร่างกายจะดีแค่ไหนก็ทนไม่ไหว
“ขอน้ำมะนาวหนึ่งแก้ว” ฮ่อหยุนเฉิงพูดกับแอร์โฮสเตสบนเครื่องบินด้วยเสียงทุ้ม
“กรุณารอสักครู่นะคะประธานฮ่อ” แอร์โฮสเตสกล่าวด้วยความเคารพพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้า
ไม่นานเธอก็นำน้ำมะนาวมายื่นให้ฮ่อหยุนเฉิง “น้ำมะนาวค่ะประธานฮ่อ”
ฮ่อหยุนเฉิงหยิบแกล้วแล้วหันไปยื่นให้ซูฉิง “น้ำมะนาวที่เธอชอบ ดื่มสักหน่อยจะได้รู้สึกสบายขึ้น”
ซูฉิงตกใจก่อนจะรับแก้วมาโดยไม่รู้ตัว
เมื่อปลายนิ้วสัมผัสอุณหภูมิฝ่ามือของฮ่อหยุนเฉิง หัวใจของซูฉิงก็เต้นผิดจังหวะ
ความรู้สึกคุ้นเคยนั้น…ทำให้ซูฉิงตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง
ฮ่อหยุนเฉิงยังจำได้ว่าเธอชอบดื่มน้ำมะนาว?
“พี่เฉิง ฉันก็อยากดื่มน้ำมะนาวด้วย” ถังรั่วหยิงกำมือแน่น ความหึงหวงฉายในดวงตาก่อนจะเขย่าแขนของฮ่อหยุนเฉิง
ฮั่วหยุนเฉิงพูดกับแอร์โฮสเตสอย่างไม่แสดงอารมณ์ “เอาน้ำมะนาวมาอีกแก้ว”
“ขอบคุณนะพี่เฉิง” ถังรั่วอิงโน้มตัวเข้าไปใกล้หูของฮ่อหยุนเฉิง และในสถานที่ที่มองไม่เห็น เธอก็ยกยิ้มยั่วยุให้ซูฉิง
ซูฉิงโมโหจนวางน้ำมะนาวไว้ด้านข้าง
ไม่ว่าเธอจะมองยังไง ถังรั่วอิงก็ไม่เหมือนสาวน้อยที่อ่อนโยน จิตใจดี อย่างที่ฮ่อหยุนเฉิงบอก
ดูเหมือนว่าเธอคงต้องตรวจสอบถังรั่วอิงคนนี้หน่อยแล้ว
หลังจากการเดินทางยาวนานเป็นเวลาหลายชั่วโมง ในที่สุดเครื่องบินก็ค่อยๆ ลงจอดที่สนามบินในเมือง A
“คุณอาฉี ตอนนี้เราไปดูคุณปู่ฮ่อที่โรงพยาบาลกันเถอะค่ะ” หลังจากลงจากเครื่องบิน ซูฉิงก็อยากรีบไปโรงพยาบาลอย่างอดใจรอไม่ไหว
ฉียวี่ชูพยักหน้า “ไปกันเถอะ”
หลินเหยียนเฟิงได้จัดรถให้แล้ว และคนทั้งกลุ่มก็รีบไปโรงพยาบาล
ในห้องผู้ป่วย หมอหนีที่ได้รับข่าวก็กำลังรอพวกเขาอยู่
นอกจากนี้ยังมีแม่ฮ่อและฮ่อเฉียนที่อยู่ในห้องผู้ป่วยคอยดูแลเคียงข้างท่านผู้เฒ่าฮ่อด้วย
“หมอหนี ปู่ฉันเป็นไงบ้าง” ฮ่อหยุนเฉิงถามอย่างกระตือรือร้นทันทีที่เขาเข้าไปในห้อง
“ยังคงเหมือนเดิมครับ” ดวงตาของหมอหนีจ้องไปที่ฉียวี่ชูที่อยู่หลังฮ่อหยุนเฉิง “อยู่ในอาการโคม่ามาตลอด แต่ตัวชี้วัดทั้งหมดยังคงปกติ อาจารย์ฉี คุณมาดูเขาสิครับ”
ฉียวี่ชูก้าวไปข้างหน้าและพูดอย่างเย็นชา “พวกคุณออกไปรอฉันข้างนอก”
คิ้วเรียวของฮ่อหยุนเฉิงขมวดเข้าหากันแน่น
แม้ว่าทุกคนจะบอกว่าทักษะทางการแพทย์ของฉียวี่ชูนั้นยอดเยี่ยมและสามารถชุบชีวิตคนตายได้ แต่ยังไงก็เป็นเพียงข่าวลือ
เขาไม่เคยเห็นด้วยตาตัวเอง
ถ้าเหลือเพียงเขากับปู่ในห้อว แล้วเกิดเป็นเรื่องอะไรขึ้นมา…
ในขณะนั้นเอง แม่ฮ่อก็พูดอย่างเย็นชาว่า “ให้พวกเราออกไปเนี่ยนะ? จะทำอย่างนั้นได้ยังไง?”
แม่ฮ่อกวาดสายตามองฉียวี่ชู “คุณคืออาจารย์ฉีงั้นเหรอ?”
สีหน้าฉียวี่ชูไร้ความรู้สึกและไม่สนใจเธอ
“หยุนเฉิง คนนี้ใช่อาจารย์ฉีจริงเหรอ เขาจะรักษาปู่ลูกได้?” แม่ฮ่อขึ้นเสียงก่อนจะขึ้นเสียงแหลม “ได้ยินมาว่าซูฉิงเป็นคนพามาสินะ อย่ามาเสียล่ะว่าซูฉิงเป็นคนทำร้ายปู่ของลูกจนเป็นแบบนี้ หล่อนจะใจดีหาคนมารักษาปู่ลูกได้ยังไงกัน?”
“คุณหญิงฮ่อ คุณอย่าพูดอะไรให้มันเกินเลยสิคะ คุณจะพูดยังไงกับฉันก็ได้ แต่คุณไม่มีสิทธิ์ไปสงสัยในตัวคุณอาฉี!” ซูฉิงไม่นึกว่าแม่ฮ่อจะพูดแบบนี้
จะมาสงสัยในการกระทำไม่ได้
หลังจากผ่านความยากลำบากมามากมาย ในที่สุดเธอก็เชิญคุณอาฉีมาได้ ไม่ได้จะมาให้แม่ฮ่อมาพูดจาแบบนี้ใส่
“แม่ อย่าพูดเยอะ” ฮ่อหยุนเฉิงเห็นสีหน้าฉียวี่ชูดูไม่ดีจึงพูดอย่างเย็นชา “เราออกไปกันได้แล้ว”
ไม่ว่ายังไง อาจารย์ฉีก็เป็นความหวังเดียวของคุณปู่แล้ว
เขายินดีที่จะเชื่อในตัวซูฉิงว่าฉียวี่ชูสามารถรักษาคุณปู่ได้
สีหน้าแม่ฮ่อเปลี่ยนไป และฮ่อเฉียนก็กล่าวว่า “พี่คพ คุณน้าพูดถูกนะคะ คุณปู่เป็นคนสูงศักดิ์ จะให้คนแบบนี้รักษาได้ไงกันคะ?”
“หุบปาก! มันถึงตาเธอพูดเรื่องของคุณปู่ตั้งแต่เมื่อไร?” ใบหน้าของฮ่อหยุนเฉิงตึงเครียด ก่อนจะให้บอดี้การ์ดลากตัวแม่ฮ่อและฮ่อเฉียนออกไป
“อาจารย์ฉี ช่วยปู่ผมด้วยนะครับ” ฮ่อหยุนเฉิงมองลึกลงไปที่ฉียวี่ชูก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงทุ้ม
จากนั้นเขาและทุกคนก็หันหลังเดินออกจากห้อง
ทันใดนั้นฉียวี่ชูก็พูดขึ้นว่า “ซูฉิงอยู่ก่อน”
ซูฉิงชะงักฝีเท้า “ได้ค่ะคุณอาฉี”
“ไม่ได้! ซูฉิงจะเข้าไปไม่ได้” แม่ฮ่อหยุดซูฉิงเอาไว้ “ยัยคนอันตราย เธอยังทำร้ายพวกเราไม่พออีกหรือไง!”
ฮ่อหยุนเฉิงดึงแม่ฮ่อออกไปด้วยสีหน้าเย็นชา “แม่ ช่วยเงียบหน่อยได้ไหม!”
“หยุนเฉิง ลูกลืมไปแล้วเหรอว่าปู่ของลูกล้มป่วยได้ยังไง? ตอนนี้ลูกต้องการให้ซูฉิงทำร้ายเขาอีกครั้งงั้นเหรอ?” แม่ฮ่อจ้องไปที่ซูฉิงก่อนจะพยายามจะหยุดเธออีกครั้ง แต่กลับถูกฮ่อหยุนเฉิงจับออกไป
ซูฉิงไม่สนใจแม่ฮ่อก่อนจะเดินเข้าไปในห้องผู้ป่วยและปิดประตูลง
“เป็นไงบ้างคะคุณอาฉี อาการของคุณปู่ฮ่อจะหายดีไหมคะ?” ซูฉิงจ้องไปที่ฉียวี่ชูด้วยความคาดหวัง
ฉียวี่ชูครุ่นคิดสักครู่แล้วพูดว่า “ได้สิ”
ซูฉิงรู้สึกโล่งใจ
เธอเชื่อในทักษะทางการแพทย์ของฉียวี่ชู ในเมื่อเขาพูดว่ารักษาได้ก็ต้องรักษาได้แน่นอน
ฉียวี่ชูเปิดกล่องยา ในนั้นมีเข็มเงินขนาดใหญ่และเล็กอยู่
“คุณอาฉีวางแผนจะใช้การฝังเข็มงั้นเหรอคะ?” ซูฉิงถาม
ก่อนหน้านี้เธอก็เคยคิดใช้การฝังเข็มรักษาคุณปู่ฮ่อ แต่ประการแรกคือเธอไม่แน่ใจ และประการที่สองคือเธอไม่มีโอกาส
ตอนนี้คุณอาฉีจะเป็นคนออกโรงฝังเข็มให้คุณปู่ฮ่อเอง ต้องรักษาได้แน่นอน
“ใช่แล้วล่ะ” ฉียวี่ชูพยักหน้า เลือกเข็มที่บางที่สุดสองสามเล่ม และหลังจากฆ่าเชื้อด้วยแอลกอฮอล์แล้ว เขาก็จิ้มไปที่จุดฝังเข็มบนหน้าอกของท่านผู้เฒ่าฮ่อ