นางสาวซูแค่อยากถอนหมั้น - ตอนที่ 189 บังเอิญเจอที่สนามบิน
ทำไมถึงวันเกิดของเฉินจุนเหยียนเร็วจัง
ซูฉิงเอียงหัวคิดเหมือนจะใช้จริงๆ
เธอก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมา
เพราะว่างานวันเกิดของเฉินจุนเหยีนทุกปี เขามักจะสารภาพรักกับเธอตลอด
และทุกครั้งซูฉิงก็ปฏิเสธอย่างอ้อมค้อม บอกกับเขาอย่างชัดเจน แต่เฉินจุนเหยียนกลับยังตื๊อไม่เลิก
“ซูฉิง” ปลายสายเรียก เฉินจุนเหยียนถามอย่างตื่นเต้น “ซูฉิงเธอเป็นอะไรรึเปล่า เธอยังอยู่มั้ย”
“ฉันยังอยู่ ฉันจะไปร่วมงานแน่นอน”ซูฉิงตอบเสียงเรียบ
“เมื่อถึงตอนนั้น ฉันจะบอกข่าวดีกับเธอด้วย” พอคิดว่าอีกสองวันจะได้เจอซูฉิง เฉินจุนเหยียนก็ยิ้มกว้างออกมา ด้วยใบหน้าดีใจ
“โอเค แล้วเจอกันวันนั้น”พอวางสาย ซูฉิงก็ถึงกับคิ้วขมวด ไม่รู้ว่าเรื่องที่เฉินจุนเหยียนจะบอกว่าเป็นข่าวดีคืออะไร
ขอแค่ไม่ใช่สารภาพรักเธอก็พอ
ซูฉิงกำพวงมาลัยแน่น แล้วขับรถพุ่งไปตามถนนเพื่อไปสนามบิน
เธอจอดรถแล้ว ก็เข้าไปส่งยวี๋น่าในสนามบิน
“ซูฉิง ที่จริงแล้ว ฉันคิดว่าฮ่อหยุนเฉิงยังแคร์เธออยู่นะ “ยวี๋น่ากับซูฉิงเดินเคียงไหล่เข้าไปในห้องผู้โดยสาร ก็อดที่จะพูดไม่ได้
ซูฉิงยิ้มบาง ไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ
“จริงๆ นะ “ยวี๋น่าพูดต่อ “เธอไม่รู้อะไร วันนั้นพอฉันบอกฮ่อหยุนเฉิงว่าเธอหายไปกับหิมะถล่ม เขาก็ร้อนใจ เขาพยายามเข้าไปตามหาเธอในป่าเขา ถ้าหากไม่ใช่เขา ผลจะเป็นยังไงก็ยังไม่รู้เลย”
“เขาช่วยฉัน ฉันซึ้งใจมาก”ซูฉิงพูดออกมาอย่างรู้สึกกลุ้ม
เพียงแต่ว่าที่ฮ่อหยุนเฉิงร้อนใจเข้าไปตามหาเธอ เพราะว่าเขาเป็นห่วงเธอจริงหรอ?
ไม่ใช่เพราะอาหารป่วยของคุณปู่ฮ่อใช่มั้ย
เพราะว่ามีเพียงเธอคนเดียวที่สามารถตามหาคุณลุงฉีได้ และมีเพียงคุณลุงฉีถึงจะรักษาคุณปู่ฮ่อได้
“ซูฉิง เธออย่าทำร้ายตัวเองนะ ฉันดูออกว่าที่จริงแล้วเธอยังรักฮ่อหยุนเฉิงอยู่ “ยวี๋น่าถอนหายใจออกมา “ไม่งั้นเธอคงไม่สนใจถังถังขนาดนี้หรอก”
พอถึงถังถังขึ้นมา ซูฉิงก็แสดงสีหน้าสับสนออกมา
แต่ว่า~~
ฮ่อหยุนเฉิงนั้นมีถังถังอยู่แล้ว
ถังรั่วอิงนั่น แสดงความรักกับฮ่อหยุนเฉิงต่อหน้าเธอไม่หยุด
บอกว่าไม่รู้สึกเจ็บก็คงไม่ใช่
นอกเสียจากว่า เธอจะพิสูจน์ได้ว่าถังรั่วอิงไม่ถังถัง
งั้น เรื่องทั้งหมดก็จะคลี่คลายลง
คิดเรื่องกลุ้มใจ ซูฉิงก็รู้สลัดความคิด หันมองยวี๋น่าและกำลังจะพูดอะไร ก็ได้ยินเสียงเธอชนเข้ากับของแข็งบางอย่าง
ซูฉิงรู้สึกเจ็บที่หัว แล้วเงยหน้าขึ้นมอง ที่แท้ก็เดินไม่ระวังชนเข้ากับผู้ชายคนหนึ่ง
ผู้ชายที่ถูกเธอเดินชนนั้นอายุราวประมาณสามสิบต้นๆ สวมแว่นตาดำ สวมชุดสูทสีเทา ร่างสูงใหญ่ ผิวสีแทนยิ่งทำให้เขาเป็นคนมีสุขภาพดี
เขาลากกระเป๋าเดินทางไปทางข้างนอก น่าจะพึ่งลงจากเครื่อง
“ขอโทษด้วยค่ะ “ซูฉิงพูดขอโทษไม่หยุด “คุณคะ ฉันไม่ทันระวังเลยชนคุณ คุณเป็นอะไรมั้ยคะ”
ผู้ชายสวมแว่นตาดำ แววตาแหลมคำมองหน้าซูฉิง ก็หยุดนิ่งไปหลายวินาที แล้วถึงพูดออกมาสั่นๆ”ไม่เป็นไร”
พอพูดจบ เขาก็จ้องมองซูฉิงแล้วถึงลากกระเป๋าเดินทางออกไป
ซูฉิงถอนหายใจโล่ง เธอเป็นอะไรไปเนี่ย เดินไม่ระวังไปชนคนอื่นเขา
“ซูฉิง เธอรู้จักเขาหรอ “ยวี๋น่าที่ยืนอยู่ข้างๆ เอ่ยถาม
ซูฉิงส่ายหน้า “ไม่รู้จัก”
“ทำไมรู้สึกว่าสายตาของคนนั้นมองเธอแปลกๆ ล่ะ”ยวี๋น่าหันไปมองเบื้องหลังของผู้ชายคนนั้นที่เดินออกไปอย่างรู้สึกแปลกใจ
ซูฉิงยักไหล่ “ใครจะไปรู้ล่ะ อยากไปสนใจเขาเลย”
ยวี๋น่าพยักหน้า งั้นมาพูดเรื่องเมื่อกี้ต่อกันเถอะ “ซูฉิง ที่จริงแล้วฮ่อหยุนเฉิงเป็นผู้ชายเป็นผู้ชายที่ดีมากคนหนึ่ง เธออย่าปล่อยเขาไปเด็ดขาดนะ”
“ฉันบอกเมื่อไหร่ว่าจะปล่อยเขาไป ” ซูฉิงยื่นมือออกมาแล้วสางผมหน้าม้าข้างหน้า ด้วยแววตานิ่งขรึม
ที่จริงแล้วในใจเธอยังรู้สึกโต้แย้งกันอยู่
ในความคิดของเธอ ฮ่อหยุนเฉิงตามหาถังถังเจอแล้ว และเขาก็รักถังถังมาตลอด
ความคิดที่ทะนงตนของเธอทำให้เธอไม่ยอมที่จะก้มหัวขอร้อง แล้วก็ลดตัวไปแย่งกับถังรั่วอิง
แต่ว่า ถ้าหากว่าปล่อยความรักครั้งนี้ไป ก็เหมือนกับว่าเธอจะทำไม่ได้
ดังนั้นตอนนี้ สิ่งที่ทำเธอได้ก็คือตามสืบเรื่องของถังรั่วอิง ให้ฮ่อหยุนเฉิงได้รู้จักฐานะจริงของถังรั่วอิงเร็วๆ
“อย่างนี้สิถึงจะถูก นี่สิถึงจะเป็นซูฉิงที่ฉันรู้จัก”ยวี๋น่าทำท่ากำกำปั้นแล้วยกแขนขึ้นเชียร์ “ตอนนี้ก็น่าจะได้เวลาแล้ว ฉันจะไปเช็กอินแล้ว”
“เดินทางโดยสวัสดิภาพนะ “ซูฉิงโบกมือลาให้ยวี๋น่า
ยวี๋น่ากันกลับไป”หวังว่าจะได้รับข่าวดีจากเธอเร็วๆ นะ”
ซูฉิงที่มองส่งยวี๋น่าขึ้นเครื่อง จากนั้นซูฉิงก็กลับออกจากสนามบินอย่างอาลัยอาวรณ์
มีเพื่อนดีๆ อย่างยวี๋น่า ถือว่าโชคดีแล้ว
ซูฉิงที่ขับรถจากสนามบินไปในเมือง
เวลานี้ก็ดึกดื่นแล้ว บนถนนทางด่วนรถก็น้อยมาก
ทันใดนั้น เธอก็มองเห็นรถมาฟาราติก็พุ่งมาตามทางด่วน
จนเกิดเสียงดังสนั่น เธอก็ชนเข้ากับขอบรั้วข้างทาง
เกิดอุบัติเหตุรถยนต์แล้ว!
ซูฉิงทำหน้าตกใจ ก็รีบเหยียบเบรกรถ จากนั้นก็ลงจากรถไปดู
เธอใช้แรงเปิดประตูรถฟาราติออก ก็เห็นผู้ชายที่จับพวงมาลัยอยู่ เหมือนจะหน้าตาคุ้นๆ นะ
“คุณคะ เป็นอะไรมั้ย”ซูฉิงตบไหล่ผู้ชายคนนั้นเบาๆ
แต่ผู้ชายคนนั้นก็ไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับ
ซูฉิงใช้แรงลากผู้ชายคนนั้นออกมา พอเห็นหน้าของเขาก็ถึงกับอึ้งตะลึงเล็กน้อย
เป็นผู้ชายที่เธอเดินชนที่สนามบินนี่
ทำไมบังเอิญจัง…..
ซูฉิงมองไปรอบๆ ไม่มีรถคันอื่นวิ่งผ่านมาเลย
หน้าผากของผู้ชายคนนี้บวมใหญ่ และยังมีเลือดไหล จะต้องรีบไปโรงพยาบาล
ซุฉิงใช้แรงพยุงเขาไปขึ้นรถของเธอ จากนั้นก็หยิบเอากล่องปฐมพยาบาลออกมาจากหลังรถ แล้วทำการห้ามเลือดที่หัวของเขา แล้วจัดการอย่างง่ายๆ จากนั้นก็รีบขับรถไปทางโรงพยาบาล
พอถึงโรงพยาบาล ก็ให้หมอทำการตรวจดูอาการของผู้ชายคนนี้โดยละเอียด หัวของเขาได้รับกระทบกระเทือน แต่ว่าก็ไม่ได้เป็นอะไรมาก ให้เขาอยู่รอดูอาการสักคืน อีกไม่นานก็น่าจะฟื้นแล้ว”
คุณหมอหยุดพูดแล้วกันไปมองซูฉิง “คุณเป็นญาติคนไข้รึเปล่า”
“ฉันไม่รู้จักเขาค่ะ “ซูฉิงยิ้ม “และก็ไม่รู้จะติดต่อญาติเขายังไง”
“อย่างนี้นี่เอง……..”คุณหมอจับแว่นขยับ รู้สึกลำบากใจ
ซูฉิงเลยเอ่ยปาก “เมื่อกี้ฉันแจ้งความแล้ว ทางตำรวจน่าจะติดต่อญาติเขาได้”
เมื่อกี้เธอได้ตรวจหาดูแล้ว ก็ไม่มีอะไรที่สามารถแสดงยืนยันตัวตนของเขาได้เลย ดูท่าต้องรอให้เขาฟื้นขึ้นมาก่อนหรือไม่ก็รอให้ตำรวจตามหาญาติเขาเจอ
“งั้นก็ดี “คุณหมอพยักหน้า แล้วก็เดินออกไปจากห้องผู้ป่วย
ซูฉิงมองดูเวลา ตอนนี้ก็เที่ยงคืนแล้ว ในเมื่อผู้ชายคนนี้ไม่เป็นอะไรมาก งั้นเธอก็ไม่จำเป็นที่ต้องอยู่รอ
และตอนนี้ซูฉิงกำลังจะเดินออกไปจากห้องคนไข้ ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงนิ่งขรึมดังมาจากด้านหลัง “หยุดนะ เธอเป็นใคร”