นางสาวซูแค่อยากถอนหมั้น - ตอนที่ 190 จะต้องได้เจอกันในไม่ช้าแน่
เสียงแหลมดังมาจากด้านหลัง ก็ทำให้ซูฉิงหยุดเดิน
เธอหันไปมอง ก็เห็นว่าผู้ชายคนนี้ฟื้นแล้ว คิ้วขมวดเป็นปม เม้มปากเป็นเส้นตรง แววตาคมจ้องมองมาที่ซูฉิง
ซูฉิงยิ้มแล้วพูดอธิบาย “คุณคะ เมื่อกี้คุณเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ ฉันเลยนำตัวคุณมาส่งโรงพยาบาล”
ผู้ชายคนนี้ได้ยินอย่างนั้นก็กะพริบตาลงเล็กน้อย แล้วเอ่ยถาม”จริงหรอ”
ซูฉิงพยักหน้า “วางใจเถอะ คุณหมอได้ตรวจดูอาการของคุณอย่างละเอียดแล้ว ไม่เป็นอะไรมาก คุณสามารถติดต่อญาติของคุณมาเฝ้าคุณได้เลย.
ซูฉิงยกโทรศัพท์ขึ้นดูเวลาก็พูดต่อ “ตอนนี้ก็ดึกมาแล้ว หากคุณไม่มีอะไรอีกละก็ ฉันต้องขอตัวก่อนแล้ว พักผ่อนเยอะๆ นะ”
พอพูดจบซูฉิงก็หันหลังเดินออกมา
แววตาของผู้ชายคนนี้ก็จ้องเบื้องหลังของซูฉิง แล้วก็ยกยิ้มขึ้นมา
ซูฉิงหรอ
เชื่อว่าจะจะต้องได้เจอกับอีกในเร็วๆ นี้แน่
เช้าวันต่อมา เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์พอดี
อีกสองวันเธอก็น่าจะต้องไปฝังเข็มให้กับคุณปู่ฮ่อที่โรงพยาบาล
ซูฉิงรู้สึกประหม่า เพราะนี่มันเกี่ยวข้องกับชีวิตของคน อีกทั้งคนไข้ก็คือคุณปู่ฮ่อ เธอจะพลาดไม่ได้
ดังนั้นซูฮิงก็หยิบเอากล่องพยาบาลที่ลุงฉีเอาไว้ให้เธอ แล้วก็ข้อมูลการแพทย์ต่างๆ ทำการศึกษาเพื่อทำความเข้าใจ
นึกถึงวิธีการตอนที่ลุงฉีฝังเข็มให้กับคุณปู่ฮ่อโรงพยาบาลในวันนั้น ซูฉิงก็ลองใช้กับตัวเองด้วยหลายครั้ง ก็สามารถหาตำแหน่งจุดฝังเข็มได้อย่างรวดเร็ว
เธอถอนหายใจโล่ง น่าจะไม่มีปัญหาแล้ว
จากนั้นซูฉิงก็ลองฝึกทำอยู่หลายรอบ แล้วก็เก็บของ มองดูเวลายังเช้าอยู่ เลยจะออกไปชอบปิ้งก่อน ไปหาซื้อของขวัญวันเกิดให้กับเฉินจุนเหยียน
เธอเดินมาที่ร้านเสื้อผ้า
“คุณลูกค้า อยากได้อะไรคะ “พนักงานของร้านออกมาถามอย่างเป็นมิตร
“ฉันขอดูก่อน”ซูฉิงยิ้มแล้วตอบกลับไป
พนักงานก็ยิ้มพยักหน้าเบาๆ อย่างมีมารยาท”ถ้าหากต้องการอะไร เรียกฉันได้เลยนะคะ”
ซูฉิงยิ้ม”ขอบคุณค่ะ!”
ทันใดนั้นเอง ประตูร้านบูติกก็ถูกผลักเข้ามา คนที่เดินเข้ามา เป็นผู้หญิง เป็นผู้หญิงวัยรุ่นสวมชุดราตรีสีขาวเดินเข้ามาอย่างสวยงามดูมีระดับ
ตอนที่เดินผ่านชูฉิงงั้นก็ได้หยุดมองชูชิงด้วยสายตาไม่เป็นมิตร
ชูฉิงก็เงยหน้าขึ้นมองเธอ
รู้สึกหน้าคุ้นคุ้น
เหมือนจะเป็นนักเปียโนที่กำลังมีชื่อเสียงในตอนนี้ชื่อว่าอู๋ชิงหร่าน
“คุณอู๋คะ ไม่ทราบว่ามีอะไรให้ช่วยมั้ยคะ”พนักงานรู้จักอู๋ชิงหร่านก็รีบเดินเข้ามาต้อนรับเธอทันที
อู่ชิงหร่านชักสายตากลับแล้วตอบเสียงเรียบว่า”ฉันอยากได้ผ้าพันคอผืนนั้น”
ซูฉิงที่เห็นว่าอู๋ชิงหร่านไม่ได้จ้องเธอแล้ว เธอก็ไม่ได้สนใจแล้วเลือกของขวัญให้เฉินจุนเหยียนต่อ
สุดท้ายเธอก็ได้เลือกเนกไทหนึ่งผืน “พี่คะ ช่วยหยิบเอาเนกไทผืนนั้นมาให้ฉันอยากดูหน่อย”
ทันใดนั้นประตูร้านเสื้อผ้าก็ถูกผลักให้เปิดออก และก็เป็นสวีหว่านเอ๋อร์กับไป๋หลานที่เดินเข้ามา
“หว่านเอ๋อร์ นั่นไม่ใช่ชูฉิงหรอ” ไป๋หลานที่เห็นชูทิ้งก็หยุดฝีเท้าเดินทันที
สวีหว่านเอ๋อร์มองตามและก็เห็นว่าเป็นซูฉิงจริงๆ ด้วย
“เธอมาทำอะไรที่นี่ ” สวีหว่านเอ๋อร์หรี่ตามองแล้วเอ่ยถามเสียงเรียบ
ไป๋หลานตอบกลับ”น่าจะมาซื้อของมั้ง”
“พวกเราเข้าไปดูกันเถอะ” สวีหว่านเอ๋อร์พูดเสียงเรียบ
เมื่อก่อนซูชิงอยู่ในฐานะคู่หมั้นของฮ่อหยุนเฉิงและมีฮ่อหยุนเฉิงคอยสนับสนุน โดยไม่เห็นเธออยู่ในสายตาหลายครั้ง
ตอนนี้ซูชิงถูกฮ่อหยุนเฉิงสลัดทิ้งแล้ว เธอไม่ใช่อยู่ในฐานะอะไรทั้งนั้น เธอก็เป็นแค่ผู้หญิงแพศยาบ้านนอก ดูซิว่าเธอจะทำเป็นเก่งขนาดไหน!
พอคิดมาถึงตอนนี้สวีหว่านเอ๋อร์ก็เดินเหยียบรองเท้าส้นสูงไปหาซูชิงพร้อมกับไป๋หลานด้วยท่าทีเย่อหยิ่งยโสแล้วก็ชี้ไปที่เนกไทผืนนั้น”ฉันจะเอาเนกไทผืนนี้ แล้ว! ”
เสียงคุ้นหูของสวีหว่านเอ๋อร์ดังเข้ามาในโสตประสาทหูของชูฉิง เธอเลยเงยหน้าขึ้นมอง ก็เห็นเป็นสวีหว่านเอ๋อร์กับไป๋หลานยืนอยู่ตรงหน้าเธอด้วยใบหน้าเย่อหยิ่งยโส
พนักงานมองหน้าสวีหว่านเอ๋อร์ด้วยสีหน้าลำบากใจ แล้วก็เอ่ยด้วยความระมัดระวังว่า”คุณหนูซูคะ คือว่าเนกไทผืนนี้คุณผู้หญิงท่านนี้รับแล้วค่ะ”
“ฉันให้ราคาเป็นสองเท่า”สวีหว่านเอ๋อร์จ้องหน้าซูชิงอย่างจะกินเลือดกินเนื้อ
เมื่อก่อน ตอนที่เธออยู่ร้านเสือผ้า Rd เธอชอบชุดราตรีสีขาว ก็แย่งไม่สู้ซูฉิง ก็รู้สึกแค้นใจไม่หาย
ตอนนี้ไม่มีฮ่อหยุนเฉิงคอยให้ท้าย ดูซิว่าชูชิงจะมีสิทธิ์มาแย่งกับเธอไหม!
วันนี้เธอจะต้องชนะให้ได้!
“เออ………”พนักงานมองชูฉิงด้วยสายตาอ้อนวอน “คุณผู้หญิงคะ งั้นคุณเลือกสินค้าอื่นดีมั้ยคะ”
เธอเป็นแค่พนักงานตัวเล็กๆ ไม่กล้ามีเรื่องกับคุณหนูสวีหรอก
ซูฉิงกวาดสายตามองสวีหว่านเอ๋อร์ “ในเมื่อเธออยากได้ งั้นเธอก็เอาไปเถอะ ถึงยังไงก็ไม่ได้ชอบอยู่แล้ว”
พอพูดจบ ซูฉิงก็ไม่ได้สนใจสวีหว่านเอ๋อร์อีก แล้วก็ชี้เนกไทอีกผืน แล้วพูดกับพนักงานว่า”เอาผืนนั้นมาให้ฉันดูหน่อย”
สวีหว่านเอ๋อรก็เอ่ยพูดท้าทาย”ผืนนั้นฉันก็เอาแล้ว ใส่ถุงให้ฉันด้วย!”
ซูฉิงคิ้วขมวดสวีหว่านเอ๋อจะมาแย่งของกับเธออีกแล้วหรอ
เดิมทีเธอไม่ได้จะสนใจสวีหว่านเอ๋อรแล้ว แต่ในเมื่อสวีหว่านเอ๋อเข้ามาหาเรื่องตนเอง งั้นเธอก็จะไม่เกรงใจแล้วอาจจะให้สวีหว่านเอ๋อร์เสียเลือดเสียเนื้อสักหน่อย!
ซูฉิง ก็ชี้ไปที่เนกไทผืนที่แพงที่สุดของร้าน แล้วก็พูดกับพนักงานว่า”รบกวนเอาผืนนั้นมาให้ฉันหน่อยค่ะ”
“ขอแค่ซูฉิงชอบ ฉันล้วนจะเอาทั้งหมด”สวีหว่านอ๋อร์มองซูฉิงอย่างท้าทายแล้วยกยิ้มอย่างได้ใจ
ซูฉิงระบายยิ้มออกมาแล้วก็ชี้มั่วไปทั่ว “อันนี้ อันนี้ แล้วก็อันนี้ ………ของทั้งหมดในร้าน ฉันชอบหมด”
“ใส่ถุงให้ฉันด้วย!”สวีหว่านเอ๋อร์คิ้วกระตุก แล้วก็พูดอย่างอวดรวย
ไป๋หลานดึงแขนสวีหว่านเอ๋อร์ไว้ แล้วกระซิบเบาๆ “หว่าเอ๋อร์ ซูฉิงตั้งใจยั่วเธอนะ เธออย่าไปตามน้ำสิ”
“ทำไม คิดว่าฉันไม่มีเงินซื้อหรอ”สวีหว่านเอ๋อร์จ้องไป๋หลายตาเขม็ง
บ้านตระกูลสวีนั้นรวยมาก เธอสวีหว่านเอ๋อร์เงินไม่เคยขาดมือ ขอแค่ทำให้ซูฉิงไม่สมหวัง ไม่ได้อะไรกลับมา เสียเงินเท่าไหร่ก็ไม่ว่ากัน เธอดีใจก็พอ!
ซูฉิงมองสวีหว่านเอ๋อร์ราวกับมองคนโง่ ไม่อยากจะมาเสียเวลากับสองคนนี้แล้ว ก็เดินหันหลังออกจากร้านไป
“ซูฉิง เธอจะไปอย่างนี้หรอ”ไป๋หลานก้าวมาข้างหน้า แล้วขวางซูฉิงไว้
ซูฉิงคิ้วขมวดแล้วพูดเสียงเรียบ”หลีกทาง!”
“ฉันขอเตือนเธอไว้นะว่าอย่ามายุ่งกับเฉินจุนเหยียน!”ไป๋หลานมองด้วยสายตาริษยาที่เก็บไม่มิด
ช่วงนี้ มีข่าวบันเทิงซุบซิบเรื่องของชูชิงกับเฉินจุนเหยียนไม่เว้นแต่ละวัน
โดยเฉพาะ ข่าวที่เห็นซูฉิงเข้าไปพักในบ้านที่เฉิงตงฮว๋าหยวนของเฉินจุนเหยียน ไป๋หลานยิ่งรู้สึกอิจฉาริษยามากยิ่งขึ้น
ชูชิงก็เป็นเพียงผู้หญิงบ้านนอกคนหนึ่ง อีกทั้งยังถูกฮ่อหยุนเฉิงสลัดทิ้งอย่างไร้เยื่อใย แล้วเธอมีสิทธิ์อะไร
พอได้ยินคำว่าเฉินจุนเหยียน อู๋ชิงหร่านที่อยู่ข้างๆก็เงยหน้าขึ้นมาจ้องซูชิ ดวงตาสวยก็เกิดเป็นแววตาริษยาเหมือนกับไป๋หลาน