นางสาวซูแค่อยากถอนหมั้น - ตอนที่ 283 เลือดเย็น
“โอเค “เฉินจุนเหยียนมองหน้าเธอด้วยนัยน์ตาที่เศร้าลงแล้วหันหลังเดินออกไป
เมื่อกี้ฮ่อหยุนเฉิงเรียกซูฉิงว่าคู่หมั้น ซูฉิงก็ไม่ได้โต้แย้ง
ก็แสดงว่าเธอ…..ยอมรับแล้วหรอ
เฉินจุนเหยียนรู้สึกทรมานใจมาก
แต่ว่า ครั้งนี้อยู่ต่อหน้าฮ่อหยุนเฉิง เขานั้นก็ไม่มีเหตุผลจริงๆ
เพราะว่า ที่ซูฉิงได้รับบาดเจ็บสาหัสครั้งนี้ เขาต้องรับผิดชอบ
อู๋ชิงหร่านยังบ้าเอ๊ย!
เฉินจุนเหยียนที่เอาแต่โทษตัวเอง เขาไม่ได้จัดการเรื่องความสัมพันธ์ของเขากับอู๋ชิงหร่านให้ชัดเจน จนทำให้ซูฉิงพลอยลำบากไปด้วย
พอเฉินจุนเหยียนเดินออกไป ซูฉิงก็จ้องฮ่อหยุนเฉิงทันที แววตาใสจ้องไม่พอใจ “ฉันไม่รู้ว่าฉันกลับไปอยู่ฐานะคู่หมั้นคุณชายฮ่อตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วพูดเองว่าฉันเป็นคู่หมั้นของนายแล้ว?”
แววตานิ่งขรึมของฮ่อหยุนเฉิงมองมา แล้วก็เอ่ยขึ้น”เธอนี่เลือดเย็นจังเลย”
ซูฉิง:???
” ดูท่าเธอคงลืมแล้ว”ฮ่อหยุนเฉิงเผยสีหน้าหมดหวัง สองมือล้วงกระเป๋า ก้มลงมาใกล้กับซูฉิง
ใบหน้าหล่อของเขาก็ใกล้เข้ามาใกล้เรื่อยๆ ซูฉิงก็เอนหลังไปพิงด้านหลัง “ฉันลืมอะไร”
ฮ่อหยุนเฉิงเข้ามาใกล้เธอพร้อมกับมองด้วยแววตานิ่งขรึม แล้วเอ่ย”ตอนที่ฉันช่วยเธอออกมา แล้วนำตัวเธอส่งพยาบาล ตอนที่เธอไม่ได้สติไข้ขึ้นสูงไม่หยุด เธอจับมือฉันไม่วางเลยพร้อบบอกว่าชั่วชีวิตนี้จะต้องแต่งงานกับฉัน”
แววตาใสของซูฉิงก็ไม่เชื่อว่าตอนที่ตัวเองไม่ได้สติจะพูดออกมาอย่างนั้น
เธอเม้มปากพูดปฏิเสธ”เป็นไปไม่ได้”
“ดังนั้นเธอเลยเป็นคนเลือดเย็นไง “ฮ่อหยุนเฉิง มองเธอด้วยสายตาราวกับว่าจะดูดวิญญาณเธอเข้าไปก็ไม่ปาน”แต่ว่า นี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอเป็นอย่างนี้ ฉันชินแล้ว เวลาจะพิสูจน์เอง ว่าใจของเธอนั้นมีแต่ฉัน”
เขาแน่ใจขนาดนั้นเชียว
ซูฉิงเบะปาก ผู้ชายคนนี้ช่างหลงตัวเองจริงๆ
ถึงแม้บอกว่าในใจของเธอนั้นมีเขาอยู่จริงๆ แต่พอเห็นเขามีท่าทางความมั่นใจ เธอเลยไม่อยากยอมรับ
ย่นคอถอยไปข้างหลังเล็กน้อย เธอกับเขาที่รักษาระยะห่าง “งั้นก็ไม่แน่ แต่ว่ามั่นใจมากเกินไประวังหน้าแตกนะ”
ซูฉิงที่ทั้งพูดทั้งหยิบเอาขนมจิ้งเกาขึ้นมา
ขนมจิ้งเกาที่ทั้งนุ่มทั้งหอมถูกส่งเข้าไปในปาก ก็รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมาทันที
และทันใดนั้นเอง โทรศัพท์ของซูฉิงก็ดังขึ้น
ซูฉิงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ก้มมองดู
ก็เห็นเป็นข้อความของยวี๋น่าส่งมา [เพื่อนรัก ครั้งที่แล้วที่ฉันคุยกับเธอ เรื่องงานแข่งขันออกแบบแฟชั่นปารีส เธอพิจารณาไปถึงไหนแล้ว]
ซูฉิงเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย หลายวันมานี้เกิดเรื่องขึ้นมากมาย เธอนั้นไม่ได้คิดเรื่องการแข่งขันการออกแบบเลย
ซูฉิงคิดอยู่ชั่วครู่ก็พิมพ์ตอบกลับไป [ช่วงนี้ฉันยุ่งมากเลย ยังไม่ได้คิดเลย]
ไม่นานยวี๋น่าก็ตอบกลับมา [งั้นช่วงนี้ฉันไปหาเธอที่เมือง a ดีมั้ย พวกเราก็จะได้มาคุยกันเรื่องนี้]
ซูฉิงตอบกลับไป [ได้] และเงยหน้ามองฮ่อหยุนเฉิงที่อยู่ตรงหน้า “คุณหมอจะให้ฉันออกจากโรงพยาบาลได้เมื่อไหร่”
“จะต้องรอตรวจ แผลของเธอยังไม่หายดี ไม่ต้องรีบร้อน เรื่องของอู๋ชิงหร่านฉันจะเป็นคนช่วยเธอสืบหาแทน “ฮ่อหยุนเฉิงพูดปลอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
พอพูดถึงอู๋ชิงหร่าน แววตาของฮ่อหยุนเฉิงก็เปลี่ยนเป็นแข็งกร้าวขึ้นมาทันที
ผู้หญิงคนนี้เกือบจะทำให้ซูฉิงจากเขาไป
ถ้าหากว่าเขาไม่เป็นห่วงซูฉิง กลับมาเซอร์ไพรส์ซูฉิงล่วงหน้า เขาก็คงมาช่วยชีวิตเธอไม่ทันแน่
พอคิดมาถึงเหตุการณ์เรื่องที่เกิดขึ้นตอนนั้น ฮ่อหยุนเฉิงก็รู้สึกใจหวาดกลัวขึ้นมา
อู๋ชิงหร่านยัยโรคจิต เขาไม่ปล่อยเธอไว้แน่!
“หวังว่าจะได้ออกจากโรงพยาบาลเร็วๆนะ “ซูฉิงไม่ชอบสภาพแวดล้อมที่โรงพยาบาล และยิ่งไปกว่านั้น เธอยังมีเรื่องที่จะต้องทำมากมาย ไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว
“พรุ่งนี้ออกโรงพยาบาลเลยได้มั้ย”เธอที่ทั้งพูดทั้งกินขนมจิ้งเกา
“ไม่เร็วขนาดนั้นหรอก” เห็นเธอที่ใจร้อน แววตาอ่อนโยนของฮ่อหยุนเฉิงที่มองซูฉิง”นอกจากขนมจิ้งเกาแล้ว ยังอยากกินอะไรอีกมั้ย ฉันจะได้ให้แม่บ้านหวังทำมาให้เธอกิน”
ฮ่อหยุนเฉิงที่ทั้งพูดทั้งเดินไปนั่งตรงโซฟาที่อยู่ข้างๆ ซูฉิงถึงได้เห็นว่าบนโต๊ะเต็มไปด้วยกองเอกสาร และยังมีโน๊ตบุ๊คที่กำลังทำงานอยู่
เธอสลบไปสองวัน เขาก็อยู่เฝ้าเธอไม่ห่างไปไหน และเอางานที่บริษัทมาทำถึงที่นี่
ซูฉิงรู้สึกซึ้งใจขึ้นมา “ตอนนี้ฉันไม่ได้เป็นอะไรแล้ว ที่จริงนายก็สามารถกลับไปได้แล้ว ไม่ต้องมาอยู่ที่นี่หรอก ฉันดูแลตัวเองได้”
มือของฮ่อหยุนเฉิงที่กำลังเปิดเอกสารอยู่ก็หยุดชะงัก แล้วเงยหน้าขึ้นมามอง เขาเลิกคิ้วขึ้นถามด้วยน้ำเสียงชัดเจน”เธอไม่อยากเจอหน้าฉันขนาดนั้นเลยหรอ”
ซูฉิงอธิบายหน้าเรียบ”ไม่ใช่ ฉันกลัวทำให้นายเสียเวลา”
สุดท้าย เธอก็ไม่มีเหตุผลที่จะทำให้ฮ่อหยุนเฉิงกลับไปได้ เลยได้แต่นอนพักผ่อนเงียบๆ มองดูเขานั่งเปิดเอกสารดูไปเรื่อยๆ จนเผลอหลับไป
และพอตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ก็ได้กลิ่นหอมฉุยของอาหาร ซูฉิงที่ตื่นขึ้นมาเพราะความหิวแล้ว
ซูฉิงที่พึ่งลืมตาขึ้น ก็เห็นตรงหน้าของเธอเป็นซุปซี่โครงหมูโสม ผัดเลือดหมู ผัดแครอท มีหน่อไม้และยังมีข้าวสวยที่กำลังร้อนๆ
ล้วนเป็นของที่เธอชอบทั้งนั้นเลย!
จากนั้นก็ได้ยินเสียงดึงดูดของฮ่อหยุนเฉิงดังอยู่ข้างๆ หู “ตื่นแล้วหรอ มาฉันป้อนเธอ”
ซูฉิง:……….
ฮ่อหยุนเฉิงที่หมดคำจะพูดกับการสะเพร่าของเธอ แล้วก็ตักซุปยื่นไปตรงหน้าซูฉิง คนน้ำซุป
เขาก้มหน้าลงมาเป่าเบาๆ แล้วป้อนเข้าปากของเธอ”มา ลองชิมดู”
น้ำเสียงที่น่าดึงดูดของเขา ราวกับเป็นเสียงบังคับก็ไม่ปาน ทำให้ซูฉิงที่สติยังไม่ครบถ้วนต้องอ้าปากอย่างว่าง่าย
พอเห็นผู้หญิงตรงหน้าทำตามอย่างว่าง่าย ฮ่อหยุนเฉิงก็ยิ้มอย่างพอใจ
ซูฮิงที่กินไปหลายช้อน ฮ่อหยุนเฉิงก็วางถ้วยลง แล้วหยิบถ้วยข้างขึ้นมา
เตรียมจะป้อนเธอหรอ
มองดูแววตาที่แฝงไปด้วยความอบอุ่น ซูฉิงก็ตั้งสติ”ฉันกินเองดีหว่า!”
“เธอบาดเจ็บอยู่ ฉันป้อนเธอ “ฮ่อหยุนเฉิงที่พูด พร้อมกับเอาช้อนตักข้าวขึ้นมา แล้วป้อนเข้าไปซูฉิง
“ฉันกินเองได้ ฉันก็แค่บาดเจ็บ ไม่ใช่คนพิการซะหน่อย”ซูฉิงที่แย่งช้อนมาจากมือของฮ่อหยุนเฉิงแล้วก็หยิบตะเกียบมากินข้าวอย่างเงียบๆ
ฮ่อหยุนเฉิงก็ทำหน้าเรียบ
ผู้หญิงคนนี้ไม่รู้จักความหวังดีเลย
หลังจากที่กินอย่างเสือหิวจนถึงคำสุดท้าย ซูฉิงก็ถึงกับถอนหายใจยาวออกมาแล้วว่างถ้วยและตะเกียบลง หันไปมองฮ่อหยุนเฉิงแล้วพูด”เรียบร้อยแล้ว ฉันอิ่มแล้ว นายเอาไปเก็บเถอะ ฉันจะนอนแล้ว”
ซูฉิงที่ยืดเอวบิดขี้เกียจ รู้สึกง่วงขึ้นมาอีก
ตอนนี้ร่างกายของเธออยู่ในช่วงพักฟื้น จะต้องพักผ่อนให้มากๆ
“เดี๋ยวก่อน “ซูฉิงที่กำลังจะเอนตัวลงนอน ฮ่อหยุนเฉิงก็ยกมือขึ้นมา แล้วจับเขาที่เอวของเธอ ทันใดนั้นทั้งสองก็อยู่ใกล้ชิดกัน
“นายจะทำอะไร”
ซูฉิงตกตะลึง แล้วก็ย่นคอกลับ มองฮ่อหยุนเฉิงอย่างระมัดระวัง เพื่อรักษาระยะห่างจากเขา
“เธอ…….”ริมฝีปากบางของฮ่อหยุนเฉิง ยกมือเข้ามาใกล้เธอ
ท่าทางนี้ เหมือนจะให้ซูฉิงคิดว่าเขาจะจูบเธอ เลยรีบผลักเขาแล้วพูดเสียงขรึม”ฮ่อหยุนเฉิง นายอย่ามาทำเป็นรุ่มร่ามนะ”