นางสาวซูแค่อยากถอนหมั้น - ตอนที่ 290 ฮ่อหยุนเฉิงเกิดเรื่องแล้ว
ซูฉิงนั่งอยู่ด้านข้างฮ่อหยุนเฉิง หลังจากครุ่นคิดอย่างสงบเป็นเวลาห้านาที เธอก็มีความคิดเกิดขึ้น
แม้ว่าที่นี่จะเป็นป่า แต่ก็อยู่นอกเมือง จึงไม่ควรมีสัตว์ร้ายใด ๆ รวมทั้งซูฉิงยังมีความรู้เกี่ยวกับการเอาชีวิตรอดในป่าไม่น้อย ไม่น่าจะยากสำหรับเธอที่จะออกจากที่นี่คนเดียว
แต่ตอนนี้ฮ่อหยุนเฉิงหมดสติ เธอจะไม่มีวันทิ้งฮ่อหยุนเฉิง
ดังนั้นหากต้องไป เธอต้องทำแพ
แพนี้ไว้ลากฮ่อหยุนเฉิง พอดีกับพื้นที่ของที่นี่ ชืนและลื่นพอที่จะไถลได้ และยังมีเถาวัลย์ให้ใช้อีกจำนวนมาก
ความคล่องตัวของซูฉิงนั้นสูงมาก เธอพบว่ามีกิ่งไม้ร่วงอยารอบๆ จำนวนมาก กิ่งเหล่านี้มีขนาดประมาณแขนของผู้ใหญ่ และความยาวเพียงพอ ใช้เถาวัลย์มัดไว้ด้วยกันก็เพียงพอที่จะรองรับน้ำหนักของฮ่อหยุนเฉิง
เมื่อเธอผูกแพ เธอตระหนักว่าเถาวัลย์นั้นแข็งแร็งมาก ไม่น่าแปลกใจเลยที่รับน้ำหนักพวกเขาได้
นี่ถึงทำให้ซูฉิงวางใจ
แต่สิ่งที่เธอกังวลก็คือในเมื่อเธอและฮ่อหยุนเฉิงถูกพันด้วยเถาวัลย์ไว้จึงรอดตาย เกรงว่าคนบ้าอย่างอู๋ชิงหร่านเองก็คงไม่เป็นไร
ขอแค่อู๋ชิงหร่านยังมีชีวิตอยู่ หลังจากเธอออกไปได้ ไม่มีทางปล่อยอู๋ชิงหร่านไปแน่!
ซูฉิงยับยั้งจิตใจ ก้มหน้าก้มตาผูกแพ
แม้ว่ากิ่งไม้เหล่านี้จะหนา แต่มีความยาวต่างกัน ซูฉิงจำเป็นต้องฝนให้ยาวเท่ากัน เครื่องมือเพียงหนึ่งเดียวคือหิน แต่น่าเสียดายที่หินนั้นทื่อมาก เธอจึงใช้เวลาส่วนใหญ่ในการฝนกับหิน ทำให้นิ้วของเธอเสียดสีกับหินและกิ่งไม้จนได้รับบาดเจ็บ
หน้าผากซูฉิงมีเหงื่อเย็นๆ ผุดขึ้น กัดฟันทำต่ออย่างแน่วแน่
ฮ่อหยุนเฉิงสละชีวิตเพื่อเธอได้แล้วทำไมเธอจะทำไม่ได้?
ใช้เวลาไปประมาณชั่วโมงกว่า นิ้วทั้งสิบของซูฉิงฝนจนเลือดออก ในที่สุดก็ต่อแพเสร็จ
เธอใช้กำลังทั้งหมดนำฮ่อหยุนเฉิงไปวางบนแพร จากนั้นใช้เถาวัลย์มัดเขาให้ติดกับตัวแพ
เมื่อทำแบบนี้ขณะซูฉิงลากแพ เขาจะได้ไม่ไถลลงมาเพราะแรงสั่นสะเทือน
หลังจากทำทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย ซูฉิงก็ไปยังที่ที่เธอสามารถมองเห็นท้องฟ้าเพื่อคำนวณเวลา อีกประมาณสามหรือสี่ชั่วโมงฟ้าจะมืด พอดีบนท้องฟ้ายังสามารถมองเห็นแสงตะวันรอน ทำให้ซูฉิงวิเคราะห์ทิศทางได้
ซูฉิงคำนวณไว้ว่าหากโชคดี เธอจะสามารถพาฮ่อหยุนเฉิงออกจากป่าผืนนี้ก่อนฟ้ามืด
แต่ถ้าหากโชคไม่ดี
……
ซูฉิงหยุดคิดในใจ ผูกปลายเถาวัลย์ด้านหนึ่งไว้ที่เอว และเดินไปยังทิศที่เธอเลือกอย่างยากลำบาก
ทว่าซูฉิงประเมินน้ำหนักรวมของแพและฮ่อหยุนเฉิงต่ำไป รวมแล้วถึงร้อยกิโลกรัม กินแรงอย่างมากเมื่อเธอลากมัน
แต่ซูฉิงกัดริมฝีปากแน่น กัดจนเลือดออก ในปากคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นเลือด เธอยังคงแน่วแน่อย่างมาก
ราวกับได้รับการสนับสนุนจากเจตจำนงอันแข็งแกร่ง ชูชิงก็ก้าวไปทีละก้าว
ไม่รู้ว่าเมื่อไรที่ซูฉิงมองสิ่งที่เห็นเบื้องหน้าไม่ชัดเจน ท้องฟ้าที่ไม่ทราบเวลาก็มืดสนิทลง
หรือพวกเขาจะต้องตายในสถานที่แบบนี้หรือ?
ไม่ ไม่ได้!
เธอจะปล่อยให้ฮ่อหยุนเฉิงตายไม่ได้!
ซูฉิงยิ่งหมดแรงไปเรื่อยๆ รองเท้าที่เธอสวมเมื่อตอนตกจากหน้าผานั้นก็ไม่รู้ว่าร่วงตรงไหนไปนานแล้ว
เธอเลยเท้าเปลือยเปลา ตลอดทาง เท้าของเธอก็ถูกเสียดสีจนไร้ความรู้สึก
เรี่ยวแรงที่สูญเสีย สายตาที่พร่าเบลอ ทั้งยังกระหายน้ำอย่างที่สุด ค่อยๆ ทรมานซูฉิงทีละนิด
เธอกัดฟันมุ่งมั่นต่อ
ปึก
เธอบังเอิญสะดุดก้อนหินที่ใต้เท้าของเธอ ทั้งตัวล้มลงไปกับพื้น
ซูฉิงล้มลงกับพื้น มองไปทางฮ่อหยุนเฉิงที่ยังคงหมดสติใบหน้าไร้สีเลือดบนแพ ความสิ้นหวังที่เธอไม่เคยพบพานมาก่อน แพร่ไปทั่วทุกเซลล์ในร่างกายของเธอ
ซูฉิงเลียริมฝีปากที่แตกและซีดขาวของเธอเบา ๆ พยายามลุกขึ้น
เธอบอกตนเองว่า ต้องลุกขึ้นสู้ต่อไป
ซูฉิงลุกขึ้นอย่างโงนเงน ลากแพอีกครั้ง ก้าวไปข้างหน้าอย่างยากลำบาก
ทุกๆ ก้าว ล้วนยากลำบากแบบนั้น
ซูฉิงรู้สึกเหนื่อยล้า เหนื่อยมาก
ในขณที่สติพร่าเลือน ซูฉิงราวกับได้ยินคนตะโกนเรียกชื่อเธอกับฮ่อหยุนเฉิง
นี่เธอคิดไปเองหรือเปล่า?
ในเวลานี้ยังจะมีคนมาช่วยเธอกับฮ่อหยุนเฉิงอีกเหรอ?
สายตาซูฉิงดับมืดลง หมดสติไป
โรงพยาบาล
ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด
เสียงของเครื่องติดตามสัญญาณชีพดังเข้ามาในหูของซูฉิงทีละน้อย เธอค่อยๆ ได้สติฟื้นขึ้นมา
เปิดเปลือกตาขึ้นก็เห็นใบหน้าวิตกกังวลของยวี๋น่า “ซูฉิง ในที่สุดเธอก็ตื่นแล้ว ฉันเป็นห่วงเธอจtตายแล้ว!”
“ฉันยังไม่ตายเหรอ?” ซูฉิงชะงักไป ถามอย่างสงสัย
“ตายอะไรล่ะ อย่าพูดคำอัปมงคลประเภทนั้นนะ!” ยวี๋น่าอุดปากซูฉิงแน่น
“ฮ่อหยุนเฉิงล่ะ?” ซูฉิงมองไปรอบกาย ถามอย่างกังวล
“เขาฟื้นแล้ว” นัยน์ตายวี๋น่าปรากฏแววคลุมเครือ แล้วพูดว่า “เธอรู้มั้ย ตอนที่ฉันเห็นเธอกับฮ่อหยุนเฉิงตกหน้าผาไป ฉันตกใจจนหัวใจจะหยุดเต้นอยู่แล้ว!”
เมื่อคิดถึงเหตุการณ์ตอนนั้น ยวี๋น่าก็ยังคงหวาดผวาอยู่
“ขอโทษนะ ที่ฉันดึงเธอเข้าไปเกี่ยวข้อง” ยวี๋น่าพูดอย่างรู้สึกผิด
หากไม่ใช่เพราะเธอถูกอู๋ชิงหร่านลักพาตัว ใช้เธอมาขมขู่ซูฉิง ซูฉิงกับฮ่อหยุนฉฺงคงไม่ตกไปหน้าผาไปแบบนั้น
ซูฉิงสั่นศีรษะ “ไม่ เป็นฉันที่ดึงเธอเข้าไปพัวพันถึงจะถูก เป้าหมายของอู๋ชิงหร่านคือฉัน หากไม่ใช่เพราะฉัน อู๋ชิงหร่านคงไม่คุ้มคลั่งจนลักพาตัวเธอ”
“อู๋ชิงหร่านเสียสติไปแล้ว!” ยวี๋น่าถอนหายใจ “โชคดีที่เธอสองคนโชคดี มีเถาวัลย์พันด้านล่างนั่นพันอยู่พวกเธอไว้ คุณเลยไม่ตกลงไปตาย เธอยังสามารถช่วยตัวเอง พาฮ่อหยุนเฉิงมาได้อีกช่วงหนึ่ง เจอเข้าพอดีกับกู้ภัย”
ที่แท้ก็เป็นแบบนี้เอง
เธอยังโชคดีจริงๆ
เมื่อคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ซูฉิงก็รู้สึกกลัวอยู่ครู่หนึ่ง
“นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้เห็นผู้ชายรักผู้หญิงคนหนึ่ง รักจนไม่ห่วงตนเอง จนสามารถสละชีวิตได้ ซูฉิง ฮ่อหยุนเฉิงเป็นผู้ชายที่เยี่ยมยอดจริงๆ เพื่อเธอแล้วเขายแลกทุกอย่าง รวมถึงชีวิตเขา.”
ซูฉิงก้มหน้าก้มตา ฟังคำพูดของยวี๋น่าอย่างเงียบๆ
เธอคิดไว้นานแล้ว ในเมื่อเธอยังไม่ตาย เธอก็จะตอบรับคำขอของฮ่อหยุนเฉิง ตกลงที่จะกลับไปอยู่เคียงข้างเขา
ซูฉิงจำได้ตั้งแต่แรกที่เธอตื่นขึ้นมาไต้หน้าผา เธอก็แน่ใจและตัดสินใจ ในใจของเธอเอง
“เขาล่ะ?”
ยวี๋น่ารู้ว่าเธอหมายถึงฮ่อหยุนเฉิง สีหน้าค้างไปเล็กน้อย “เขา…”
เห็นยวี๋น่าชะงักไป ซูฉิงกไล่ถามอย่างกังวลว่า “เขา…เป็นยังไง?”
ชูชิงมองไปที่ใบหน้าของยวี๋น่า ทันใดนั้นในใจก็ปรากฏความรู้สึกไม่ต่อยดี
หรือว่าฮ่อหยุนเฉิงเกิดเรื่องแล้ว?
เป็นไปไม่ได้ ยวี๋น่าเพิ่งพูดไปว่าเขาฟื้นแล้ว
นัยน์ตายวี๋ย่าปรากฏแววคลุมเครือ จากนั้นพูดว่า “คนน่ะช่วยไว้ได้แล้ว แต่สถานการณ์ของเขาไม่ค่อยดี รายละเอียดฉันคงพูดไม่ได้ เธอไปดูเองดีกว่า เขาฟื้นก่อนเธอ อยู่ในห้องคนเดียว ใครก็ไม่ให้เข้าไปรบกวนเขา”
ซูฉิงได้ยินคำพูดนั้น ใจสับสนวุ่นวาย
แท้จริงแล้วเขาเป็นยังไง? เขาเกิดเรื่องอะไรขึ้น?