นางสาวซูแค่อยากถอนหมั้น - ตอนที่ 310 จะต้องใช้ไม้ตายแล้วละ
ฮ่อหยุนเฉิงมองถังรั่วอิงด้วยสายตาเย็นชา เลิกคิ้วขึ้นพูดด้วยน้ำเสียงขรึม”ถ้าหากเธอเสียใจ ต่อไปเธอก็ไม่ต้องมา ที่นี่ไม่ต้องการให้เธอดูแล”
“พี่เฉิง พี่ยังโกรธฉันอยู่อีกหรอ ………”ถังรั่วอิงก้มหน้าพูดเบาๆ ด้วยน้ำเสียงสั่น
ฮ่อหยุนเฉิงจะต้องโกรธเธอเรื่องเมื่อคืนแน่
คิดว่าเธอตั้งใจใส่ร้ายซูฉิงกับเฉินจุนเหยียนเข้าไปเปิดห้อง
แต่ก็เห็นอยู่ว่าซูฉิงเป็นคนวางแผนกับดัก ใส่ร้ายเธอ!
ซูฉิง!
แพศยาคนนี้ เธอไม่ปล่อยซูฉิงไว้แน่!!
ถังรั่วอิงที่ตอนนี้นี้โกรธแค้นถึงขั้นขีดสุด แต่อยู่ต่อหน้าฮ่อหยุนเฉิงกลับไม่กล้าแสดงอะไรออกมาได้
เธอสูดลมหายใจเข้า พยายามควบคุมอารมณ์ให้คงที่
“พี่เฉิง เมื่อวานฉันเห็นซูฉิงอยู่กับเฉิงเหยียนจุนอยู่ด้วยกันจริงๆ นะ มีหลักฐานเป็นคลิปวิดีโอ ซูฉิงจะต้องเห็นฉันแน่ แล้วก็…….”ถังรั่วอิงที่ตาแดงก่่ำ จากนั้นน้ำตาเม็ดเท่าถั่วก็ไหลอาบแก้มลงมา พร้อมกับทำหน้าตาน่าสงสาร ใครที่ได้เห็นก็ทนใจแข็งต่อไม่ได้
แต่ฮ่อหยุนเฉิงกลับไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ออกมา ใบหน้านิ่งขรึมของเขาพูดแทรกถังรั่วอิงอย่างทนไม่ไหว”เรื่องเมื่อคืนฉันไม่อยากพูดถึงมันอีก”
“คุณผู้ชาย ผมเอาข้าวมาให้แล้วครับ “พ่อบ้านหลี่ที่ถอนหายใจมองดูอยู่ข้างๆ แต่ไม่พูดอะไร พูดแค่ประโยคเดียวแล้วก็เดินออกไป
ถังรั่วอิงที่ร้องไห้อยู่นาน จับเสื้อแน่ ท่าทางอย่างนี้เธอทำฝึกอยู่หน้ากระจกอยู่ตั้งหลายรอบ
ทำให้สวยเป็นธรรมชาติ ไม่ว่าผู้ชายคนไหนที่ได้เห็นจะต้องสงสารแน่
แต่กับฮ่อหยุนเฉิงกลับไม่ใช่ แม้แต่คุณปู่ฮ่อก็ไม่พูดอะไร
ทำให้ถังรั่วอิงรู้สึกผิดคาด ฮ่อหยุนไม่พูดอะไรก็ช่วง
แม้แต่ตาเฒ่าที่นั่งอยู่บนเตียงก็ไม่พูดอะไรเลย!
เธออุตส่าห์ทำอาหารมาส่งด้วยตัวเอง เขายังไม่ช่วยเธอพูดอะไรอีก เสียเวลาเธอแสดงทำเป็นไร้เดียงสาอยู่ตั้งนาน!
ถังรั่วอิงทำได้เพียงพูดในใจ แล้วก็เก็บเอากล่องอาการใส่ถุงด้วยท่าทีประหม่า
เธอมองฮ่อหยุนเหิง เหมือนจะพูดอะไรแล้วก็หยุด สุดท้ายก็มองไปที่คุณปู่ฮ่อ “คุณปู่ฮ่อคะ งั้นหนูของตัวก่อนนะคะ คุณปู่ต้องดูแลตัวเองให้ดีนะคะ เดี๋ยววันหลังหนูจะมาเยี่ยมใหม่นะคะ”
พอพูดจบ เธอก็หันหลังเดินออกไป
ย่างก้าวเดินออกไปอย่างช้าๆ
เธอหวังให้ฮ่อหยุนเฉิงเรียกเธอไว้
แต่เธอเดินรอจนมาถึงหน้าประตูก็ไม่ได้ยิน……
ถังรั่วอิงคิ้วขมวด กัดริมฝีปากแน่น เห็นท่าเธอจะต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว
ถ้าหากยังเป็นอย่างนี้ จะต้องถูกซูฉิงบีบให้ตายแน่!
คิดถึงว่าวันนั้นที่ซูฉิงพูดว่าให้เธอต่อหน้า และบวกกับท่าทางของฮ่อหยุนเฉิง ถังรั่วอิงก็กำกระเป๋าถือแน่น
เธอไม่ยอม!
ฟุบ!
ทันใดนั้นตัวของถังรั่วอิงก็เซ แล้วก็ร่วงลงกับพื้น
เธอจับเข้าที่กรอบประตู มือป้องปากไอออกมา
แล้วก็มีเลือดไหลออกมาด้วย
อาการที่เกิดขึ้นกะทันหัน ถังรั่วอิงร่วงลงไปกองกับพื้นอย่างน่าสงสาร
พยาบาลที่เดินผ่านหน้าประตูก็ตกใจร้องเสียงหลง แล้วรีบเข้าไปดู”คุณคะ คุณเป็นอะไรมั้ยคะ’
ฮ่อหยุนเฉิงที่เห็นถังรั่วอิงเป็นอย่างนั้นก็ตกใจ คิ้วขมวด คิดอยู่สักพัก แล้วถึงได้เดินเข้าไปดู”ถังถัง เธอเป็นอะไร”
“พี่เฉิง ฉัน ฉัน……”เห็นฮ่อหยุนเฉิงที่ถามเธออย่างเป็นห่วง ถังรั่วอิงก็รู้สึกดีใจขึ้นมา แล้วจับมือของเขา อยากจะพูดอะไร แต่ก็ไอขึ้นมาก่อน
ใบหน้าเธอซีดเผือด เงยหน้าขึ้นมาฮ่อหยุนเฉิง พูดเสียงเบา”พี่เฉิง ฉันรู้สึกทรมานมาก ฉันใกล้จะตายแล้วใช่มั้ย…….”
“ไม่ ไม่หรอก ถังถัง ฉันไม่ยอมให้เธอตายหรอ!”เห็นท่าทางอย่างนั้นของถังรั่วอิง ฮ่อหยุนเฉิงก็รู้สึกร้อนใจขึ้นมา “ถังถัง เธอจะต้องไม่เป็นอะไร”
“พี่เฉิง ขอบคุณนะคะ……..”ถังรั่วอิงพูดยังไม่ทันจบ ก็สลบไป
พยาบาลเรียกคนมาแล้วน้ำตัวถังรัวอิงยกขึ้นเปลนำไปส่งที่ห้องแผนกฉุกเฉิน
ฮ่อหยุนเฉิงก็ก้าวเท้ายาวๆ ตามไปด้วย
แม้ซูฉิงจะเคยบอกว่าเธออาจจะไม่ใช่ถังถัง
แต่ว่ายังไม่มีความจริงมายืนยัน เขาก็ยังต้องรักษาชีวิตของเธอไว้
เพราะว่าก่อนหน้านี้ถังรั่วอิงได้เล่าเรื่องที่พวกเขาเคยถูกจับลักพาตัวไปได้ละเอียด ถ้าหากว่าเธอคือถังถังจริง……
ฮ่อหยุนเฉิงที่กำลังคิดอยู่นั้น พยาบาลก็รีบเดินออกมาจากห้องฉุกเฉินอย่างร้อนใจ “ประธานฮ่อ คุณรู้จักญาติคนไข้มั้ยคะ”
“มีอะไรหรอครับ”ฮ่อหยุนเฉิงเงยหน้าถามเธอเสียงเรียบ
พยาบาลที่เกรงกลัวในฐานะของเขา พูดอึกอัก”คนไข้อาการไม่ดีเลยค่ะ คุณหมอบอกว่าคุณไข้มีก้อนเนื้อที่ส่วนของลำไส้ อาจจะเป็นเนื้องอกที่ไม่ได้ขับออกมา ตอนนี้ต้องทำการตรวจให้ละเอียดทั้งหมด ดังนั้นจะต้องได้รับการเซ็นยินยอมจากญาติ
ฮ่อหยุนเฉิงคิ้วขมวด “งั้นก็ทำการตรวจเลย”
ฮ่อหยุนเฉิงพูดมาอย่างนี้ พยาบาลก็พยักหน้ารับคำทันที “ค่ะ ประธานฮ่อ ฉันเข้าใจแล้ว”
พูดจบ พยาบาลก็หันหลังเดินกลับเข้าไปในห้องฉุกเฉิน
ถังรั่วอิงที่นอนสลบอยู่ให้ห้องฉุกเฉินด้วยใบหน้าซีดเผือดจนถึงตอนแสงตะวันใกล้จะลับฟ้าแล้ว ก็ถูกเข็นออกมาจากห้องฉุกเฉิน
“เธอเป็นไงบ้างครับ”ฮ่อหยุนเฉิงมองตาม เห็นถังรั่วอิงที่นอนนิ่งไม่ขยับ ยังไม่ฟื้น
คุณหมอถอนหายใจออกมาแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเสียดาย”ประธานฮ่อ เมื่อกี้ผลตรวจพึ่งออกมา คนไข้เป็นโรคมะเร็งลำไส้ระยะสุดท้าย ทำได้เพียงรักษาตามอาการ น่าจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่เกินสองปี ถ้าหากไม่รับการรักษา อาจจะมีชีวิตอยู่ได้ประมาณหนึ่งเดือน”
คุณหมอยังพูดอีกว่า”อายุยังน้อยอยู่เลย ก็ใกล้ถึงความตายแล้ว น่าเสียดายจริงๆ”
มะเร็งลำไส้งั้นหรอ
ฮ่อหยุนเฉิงคิ้วขมวด
“ประธานฮ่อ คุณคิดว่าเราจะใช้วิธีการรักษาไหนถึงจะได้ผลดี “คุณหมอถามเอย่างระวัง
ฮ่อหยุนเฉิงอ้าปากพูดออกมาเบาๆ “เลือกวิธีการรักษาแบบไหนก็แล้วแต่เธอ”
ตอนนี้สำหรับเขาแล้ว ถังรั่วอิงก็เป็นเพียงคนที่มีบุญคุณเคยช่วยชีวิตเขา เขานั้นหมดรักเธอไปตั้งนานแล้ว
สิ่งเดียวที่เขาพอจะทำได้ก็คือ ตอนที่เขายังมีชีวิตอยู่ เธออยากได้อะไร และเขาสามารถทำให้ได้เขาก็จะทำ
“ครับ……..”คุณหมอก็ไม่กล้าพูดอะไรอีก “อีกประเดี๋ยวคนไข้ก็คงจะฟื้นแล้ว เรื่องนี้คงจะต้องเป็นคุณที่บอกกับเธอเองน่าจะดีกว่า”
พอคุณหมอพูดจบก็เดินจากไป
ฮ่อหยุนเฉิงผลักประตูเข้ามาในห้องคนไข้ เพราะว่าฉีดยาสลบเข้าไป ถังรั่วอิงเลยยังไม่ฟื้น
“เธอเป็นถังถังจริงๆ หรอ “ฮ่อหยุนเฉิงมองผู้หญิงที่นอนสลบอยู่บนเตียงแล้วเอ่ยถามออกมาเบาๆ ในหัวของเขาตอนนี้ก็เกิดภาพเมื่อแปดปีก่อน ที่เป็นเด็กผู้หญิงที่อยู่ในความทรงจำของเขามาตลอด
แต่ว่า แต่กลับไม่สามารถนำผู้หญิงตรงหน้ามาผสานเป็นคนคนเดียวกันได้
ฮ่อหยุนเฉิงหน้านิ่งขรึม แล้วก็เดินออกไปจากห้องคนไข้
ฮ่อหยุนเฉิงขับรถไปที่บริษัทฮ่อกรุ๊ป เพราะว่าก่อนหน้านี้ที่เข้าได้ช่วยชีวิตซูฉิงที่ตกหน้าผาจนทำให้ได้รับบาดเจ็บ จนหลายวันมานี้ไม่ได้ไปบริษัทเลย
พอเข้ามาให้ห้องทำงาน ฮ่อหยุนเฉิงก็เรียกหลินเหยียนเฟิงเข้ามา”ช่วงนี้บริษัทเป็นยังไงบ้าง”
“ทั้งหมดเป็นปกติดีครับ”หลินเหยียนเฟิงโค้งคำนับตอบ
เขาหยุดพูดอยู่สักพักแล้วพูดต่อว่า”เพียงแต่ว่า……..”