นางสาวซูแค่อยากถอนหมั้น - ตอนที่ 318 จูบแบบไม่ขอความเห็น
“งั้นก็ได้”
เมื่อเห็นว่าเธอยืนยันที่จะทำเช่นนี้ เฉินจุนเหยียนจึงถอนหายใจเล็กน้อย “ฉันแค่ไม่อยากให้เธอเจ็บตัว”
“เจ็บตัว? ถ้าฉันถูกโจมตีเพราะคำพูดของคนอื่น นายคิดว่าฉันจะยังเป็นซูฉิงคนปัจจุบันได้เหรอ?” ซูฉิงกล่าวก่อนจะเปิดคอมพิวเตอร์และเปิดสคริปต์
เฉินจุนเหยียนที่อย่างจะพูดแต่ทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตู
“เข้ามาได้ค่ะ” ซูฉิงพูดเสียงเบา
ประตูถูกเปิดออก และยวี๋น่าที่สวมชุดเดรสสีดำแบบมืออาชีพก็เข้ามาอย่างเร่งรีบ
“ซูฉิง ข่าวในอินเทอร์เน็ตมันเป็นมายังไงน่ะ? ฉันจะติดต่อทีมประชาสัมพันธ์ที่ดีที่สุดให้” ยวี๋น่าหยิบโทรศัพท์มือถือของเธอขึ้นมาเพื่อโทรออก
ซูฉิงกดเธอเบาๆ ก่อนจะพูดเสียงเรียบ “ไม่ต้องหรอก”
“ทำไม?” ยวี๋น่าขมวดคิ้ว หรือว่าซูฉิงไม่เห็นที่คนในอินเทอร์เน็ตด่าเธอมากแค่ไหน?
ซูฉิงดึงยวี๋น่าก่อนจะกระตุกริมฝีปากยิ้ม “จริงๆ แล้วนี่เป็นแผนของฉันเอง”
“แผน?” ยวี๋น่ารู้สึกงุนงง
ซูฉิงตบไหล่ยวี๋น่า “ฉันจะไม่ลงรายละเอียดแล้วกัน เธออยู่กับฉันมาหลายปี เธอน่าจะรู้ความสามารถของฉันดี”
“ค่ะ” ในที่สุดยวี๋น่าก็สงบลง
เธอเข้าใจดีว่าซูฉิงไม่มีทางทำในสิ่งที่เธอไม่แน่ใจ ในเมื่อทำไปแล้วก็ต้องบรรลุถึงความสมบูรณ์แบบอย่างแน่นอน
แต่ในฐานะเพื่อน เธอกังวลถึงข่าวบนอินเตอร์เน็ตที่รายงานข่าวบิดเบือดของซูฉิง
ทันใดนั้นสายตาของเธอก็จ้องไปที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ของซูฉิง: “พ่าหวังเปี๋ยจี”
“นี่คือ…?” ยวี๋น่าขมวดคิ้วก่อนจะมองไปที่ซูฉิงและเฉินจุนเหยียนอย่างสงสัย
“นี่เป็นสคริปต์ใหม่ที่ฉันคิดขึ้น นี่เป็นบทที่ฉันชอบที่สุด เป็นภาพชีวิตของนักแสดงที่เล่นเป็นยวี๋จีในทศวรรษ 1980 และในสมัยของเขาก็เกิดความรู้สึกที่ไม่ควรจะเกิดขึ้น”
“ภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องใช้เอฟเฟกต์พิเศษอะไร มันเป็นภาพยนตร์วรรณกรรมและวงจรการผลิตก็สั้นด้วย ตราบใดที่ฝีมือการแสดงถึงก็ใช้ได้แล้วล่ะ” ซูฉิงกล่าวก่อนจะหันความสนใจไปที่เฉินจุนเหยียน
ดวงตาของเฉินจุนเหยียนมืดมน “เธอมีความทะเยอทะยานที่จะได้รับรางวัลขนาดนี้ ถ้าฉันไม่ตั้งใจแสดง คงได้เป็นการเสียมารายาทแน่ทั้งทีเธอเป็นคนเขียนบทและกำกับเองขนาดนี้”
“งั้นช่วงนี้นายก็ลองดูสคริปต์ก่อน มันท้าทายดีนะ” รอยยิ้มลึกลับของซูฉิงทำให้เฉินจุนเหยียนเสียอาการ
“ฉันไปก่อนนะ” เธอเหลือบมองเวลา ถังรั่วอิงคงใกล้ฟื้นแล้ว
“ไม่หรอกมั้ง คงไม่ใช่หรอกมั้ง บอสใหญ่ของเราเป็นมือที่สามจริงเหรอ?”
“ยังบังคับให้รักแรกของประธานฮ่อโดดตึกอีกเนี่ยนะ รักแรกคนนี้เป็นมะเร็งระยะสุดท้าย และเหลือเวลาอีกเพียงเดือนเดียว เธอยังคงบังคับคนแบบนี้ ช่าง…”
บางคนก็สนับสนุนซูฉิง “พวกนายคิดอะไรกัน บอสเราจะไปเป็นมือที่สามได้ยังไง คนเขาเป็นถึงคู่หมั้นประธานฮ่อเลยนะ”
แต่ก็มีคนโต้กลับอย่างรวดเร็ว:
“คู่หมั้นแล้วทำไมล่ะ ชีวิตมนุษย์ไม่สำคัญเหรอ? ยิ่งถังรั่วอิงเคยช่วยชีวิตประธานฮ่อด้วย ประธานฮ่อเองก็เคยบอกว่าจะแต่งกับคนที่เคยช่วยชีวิตเขา ไม่ใช่บอสเราสักหน่อย”
“ใช่แล้ว บอสเราแค่พยายามเอาชนะไม่ใช่เหรอ คนเขาถึงทางตันแล้ว เธอต้องหมั้นกับประธานฮ่อให้สำเร็จในสิ้นเดือนนี้ เธอยังจะบังคับให้รักแรกตายเพื่อ!”
“เฮ้ ลองคิดดูสิ หมั้นปลายเดือนหมายความว่ายังเหลือเวลาอีกเดือนหนึ่ง อาการป่วยของถังรั่วอิงก็เหลือเพียงเดือนเดียว นี่ไม่ใช่การเอาเปรียบหรือไง!”
ซูฉิงขมวดคิ้ว ก่อนจะเดินเข้าไปพูดอย่างเย็นชา “คราวหน้าถ้าฉันได้ยินว่าใครกำลังพูดถึงเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องในเวลางาน ก็ไม่ต้องมาทำงานอีก!”
ทุกคนที่ไม่คาดคิดว่าซูฉิงจะปรากฏตัวขึ้นกระทันหัน พวกเขาจึงพากันอ้าปากค้างและไม่กล้าแม้จะหายใจ “คุณซู คราวหน้าไม่มีแล้วค่ะ”
ซูฉิงขับรถไปโรงพยาบาล ทันทีที่เธอเดินเข้าประตูโรงพยาบาล ฮ่อหยุนเฉิงก็ดึงซูฉิงเข้าไปในห้องที่ไม่มีใครอยู่
“นายจะทำอะไรน่ะ?” ซูฉิงเงยหน้าขึ้นก็เจอเข้ากับใบหน้าที่เข้มงวดของชายตรงหน้า
ฮ่อหยุนเฉิงมองลงไปที่ซูฉิงด้วยดวงตาที่ฉายถึงความหึงหวง “เธอกับเฉินจุนเหยียนมีเรื่องคุยกันมากหรือไงถึงไปนานขนาดนั้น?”
“ประธานฮ่อคะ ตอนนี้เราเลิกกันแล้ว คุณเข้ามาใกล้ฉันขนาดนี้ ถ้าถูกเจอตัวขึ้นมาจะแย่เอานะคะ” เมื่อเห็นความหึงหวงของเขา ซูฉิงก็กระตุกริมฝีปาก
ผู้ชายคนนี้ช่างใจแคบเสียจริง
ขนาดพูดว่าเป็นการแสดงยังหึงขนาดนี้
เธอยังไม่เคยหึงเขากับถังรั่วอิงเลยนะ!
ประธานฮ่อ?
ฮ่อหยุนเฉิงไม่คิดว่าเธอจะเรียกเขาด้วยชื่อที่ไม่คุ้นเคยแบบนี้ ใบหน้าของเขาก็นิ่งลงทันที “ซูฉิง เธอรู้ตัวไหมว่าพูดอะไรออกมา?”
“ฉันรู้สิ” ใบหน้าของซูฉิงไร้เดียงสา และในตอนท้ายเธอก็กล่าวเสริมว่าประธานฮ่อ
ฮ่อหยุนเฉิงที่ถูกเธอทำให้หงุดหงิดจนก้มศีรษะไปชิงริมฝีปากสีชมพูอ่อนนุ่มของเธออย่างแรง
“อื้อ อื้อ…” ดวงตาของซูฉิงเบิกกว้าง ผู้ชายคนนี้จะจูบแบบไม่ขอความเห็นกันเลยเนี่ยนะ!
“พอแล้ว ถังถังของนายน่าจะตื่นแล้ว นายรีบกลับไปที่ห้องได้แล้ว!” ซูฉิงดันฮ่อหยุนเฉิงออกก่อนจะมองเวลาแล้วพูดว่า “อย่าพลาดงานนี้ล่ะ”
จากนั้นฮ่อหยุนเฉิงถึงปล่อยตัวซูฉิงอย่างไม่เต็มใจพร้อมเอ่ยเตือน “คราวหน้าอยู่ให้ห่างเฉินจุนเหยียน”
ซูฉิง: !!!
ฮ่อหยุนเฉิงหันกลับเดินไปที่ห้องของถังรั่วอิง
“ถังรั่วอิงเธอเป็นยังไงบ้าง?” ฮ่อหยุนเฉิงถามหมอเสียงเรียบ
“คุณถังยังอยู่ในอาการโคม่าอยู่เลยครับ แต่ไม่น่ามีอะไรมากแล้วล่ะครับ” หมอพูดอย่างระมัดระวัง “โชคดีที่เธอตกลงบนเบาะลม เลยมีแค่แผลถลอกเล็กน้อยครับ”
“อืม” ฮ่อหยุนเฉิงตอบ
ดีที่ถังรั่วอิงไม่เป็นอะไร
ไม่ว่าเธอจะใช่ถังถังจริงหรือไม่ ในเวลานี้ฮ่อหยุนเฉิงก็ไม่ได้อยากให้ถังรั่วอิงต้องตกลงไปตายจริง
เพราะยังไงก็ยังมีอีกหลายเรื่องที่ยังไม่ชัดเจน
แม้ว่าถังรั่วอิงจะเป็นถังถังตัวปลอม เขาและซูฉิงก็จะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อค้นหาว่าใครอยู่เบื้องหลังถังรั่วอิง
ถ้าถังรั่วอิงตายไปจะไม่น่าเสียดายหรือไงกัน?
ขณะที่ฮ่อหยุนเฉิงกำลังครุ่นคิด ถังรั่วอิงซึ่งนอนอยู่บนเตียงก็ตื่นขึ้น
สิ่งที่ดึงดูดสายตาคือร่างสูงใหญ่ของฮ่อหยุนเฉิง
เมื่อขมวดคิ้ว ความทรงจำก็ค่อยๆ กลับคืนมา และถังรั่วอิงก็มีความสุขเหลือเกิน
เธอจำได้ว่าเธอยืนอยู่บนขอบดาดฟ้าและจะแกล้งทำเป็นว่ากระโดดลงจากตึกเพื่อลงใจฮ่อหยุนเฉิง
โชคดีที่เธอไม่ตกลงไปตาย
ตอนนี้ยังตื่นขึ้นมาพร้อมกับได้เห็นท่าทีที่ฮ่อหยุนเฉิงเป็นห่วงเธอ
ดูท่าว่าฮ่อหยุนเฉิงจะห่วงใยเธอจริงๆ
เมื่อคิดได้ดังนั้น รอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าที่ซีดเผือดของถังรั่วอิง “พี่เฉิง ทำไมพี่ถึงมาอยู่ที่นี่?”
“ถังถัง เธอฟื้นแล้วเหรอ?” ฮ่อหยุนเฉิงที่ได้ยินเสียงก็ก้าวไปด้านหน้าพร้อมก้มมองถังรั่วอิง
ถังรั่วอิงมองไปรอบๆ และพูดอย่างแผ่วเบา “พี่เฉิง ฉันยังไม่ตายเหรอ? ฉันโดดตึกแล้วไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงอยู่ที่โรงพยาบาลล่ะ?”
“ถังถัง ฉันจะไม่ยอมให้เธอตายหรอก” ฮ่อหยุนเฉิงกล่าวเสียงเข้ม
ถังรั่วอิงเม้มปาก “แต่ถ้าฉันไม่ตาย คุณซูก็จะโกรธ ฉันไม่อยากเห็นพวกคุณทะเลาะกันเพราะฉัน”
“อย่าพูดถึงเธอ” สีหน้าไม่สบอารมณ์ฉายวาบบนใบหน้าหล่อเหลาของฮ่อหยุนเฉิง
ถังรั่วอิงแอบยินดี
ดูเหมือนว่าเธอจะใช้อุบายได้ถูกแล้ว
ฮ่อหยุนเฉิงเริ่มเกลียดซูฉิงแล้ว
ตราบใดที่เธอพยายามมากขึ้น ผู้ชายยอดเยี่ยมอย่างฮ่อหยุนเฉิงก็จะอยู่ในกำมือของเธอได้ไม่ใช่หรือไง?