นางสาวซูแค่อยากถอนหมั้น - ตอนที่ 337 กู้ภัยอย่างยากลำบาก
“นี่ช่อดอกลิลลี่ไฟครับ อีกเดี๋ยวคุณมอบให้เธอนะครับ” สวีมู่หยางหยิบช่อดอกไม้ออกจากรถแล้วมอบให้ฮ่อหยุนเฉิง
มันคือลิลลี่ไฟที่สวีหว่านเอ๋อร์ชื่นชอบมากที่สุด ถ้าฮ่อหยุนเฉิงมอบให้เธอเองกับมือ หว่านเอ๋อร์ต้องมีความสุขมากแน่
ฮ่อหยุนเฉิงขมวดคิ้วก่อนจะรับช่อดอกไม้
เมื่อฮ่อหยุนเฉิงมาถึงห้อง สวีหว่านเอ๋อร์กำลังนอนอยู่บนเตียงอย่างอ่อนแรง ในใจก็ยังคิดถึงฮ่อหยุนเฉิง
เมื่อได้ยินเสียง สวีหว่านเอ๋อร์ที่เงยหน้าขึ้นก่อนจะเห็นร่างเปล่งปลั่งของฮ่อหยุนเฉิงยืนอยู่ตรงประตูห้องก็ดีใจมาก
“หยุนเฉิง ในที่สุดคุณก็มาหาฉัน!” สวีหว่านเอ๋อร์ลุกขึ้นนั่งโดยไม่สนใจความเจ็บปวด ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความสุข
ดวงตาของฮ่อหยุนเฉิงตกลงไปอยู่ที่ข้อมือของสวีหว่านเอ๋อร์
ไม่คิดว่าเธอจะกรีดข้อมือฆ่าตัวตาย และจากคำบอกเล่าของสวีมู่หยาง บาดแผลนั้นลึกมากจนแทบช่วยไม่ได้
ทั้งโง่ทั้งเซ่อซ่าจริงๆ
ฮ่อหยุนเฉิงส่งช่อลิลลี่ไฟให้สวีหว่านเอ๋อร์ก่อนจะพูดอย่างเย็นชาว่า “วันหลังอย่าทำเรื่องโง่เขลาอีก”
ทว่าสวีหว่านเอ๋อร์กลับเข้าใจผิด คิดว่าฮ่อหยุนเฉิงกำลังห่วงใยเธอ
“หยุนเฉิง ขอบคุณนะ! คุณรู้ได้ไงว่าฉันชอบลิลลี่ไฟมากที่สุด” สวีหว่านเอ๋อร์จ้องไปที่ฮ่อหยุนเฉิงและถามอย่างมีความสุข
“เธอพักผ่อนเถอะ ฉันมีธุระต้องขอตัวก่อน” ฮ่อหยุนเฉิงกลับตอบไม่ตรงคำถามและหันหลังจากไป
เมื่อเห็นการท่าทีไม่แยแสและเหินห่างของฮ่อหยุนเฉิง หัวใจของเธอก็ดิ่งลงทันที
ฮ่อหยุนเฉิง เธอจะไม่ยอมแพ้แบบนี้แน่!
…
เมือง Y เทือกเขาไห่หลิน
เฮลิคอปเตอร์ลงจอดอย่างช้าๆ ในที่สุดซูฉิง ยวี๋น่าและคนอื่นๆ ก็มาถึงภูเขาไห่หลินสักที
แม้ว่าจะเตรียมใจมาพร้อม แต่ซูฉิงก็ยังตกตะลึงกับภาพตรงหน้า
หมู่บ้านที่ตีนเขาถูกปกคลุมไปด้วยฝุ่น ตามถนนมีอาคารไม้ผุพัง บ้านเรือนส่วนใหญ่พังทลาย หินบนภูเขากลิ้งลงมา มีการไว้ทุกข์อยู่ทุกที่ มีแม้กระทั่งซากศพของปศุสัตว์และผู้คนมากมาย
เมื่อเห็นภาพอย่างนั้น ร่างกายของยวี๋น่าก็สั่นเทาจนแทบจะเป็นลม
ซูฉิงรีบประคองเธอ “ยวี๋น่า ไม่ต้องกลัวนะ”
ยวี๋น่าสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะพยักหน้า
“น่าจะใช่ที่นี่แหละ” ซูฉิงมองเข็มทิศและพูดด้วยน้ำเสียงลึกล้ำ
เทือกเขาไห่หลินมีขนาดใหญ่มาก ก่อนหน้านี้ซูฉิงเคยขอให้แอนโธนี่ค้นหาตำแหน่งโดยประมาณของอู๋เทียนเหอแล้ว
“เราออกค้นหากันเถอะ” ซูฉิงผลักกิ่งไม้ออกก่อนจะหันไปบอกข้างหลัง
แต่ข้างๆ เธอคือยวี๋น่าที่หมดแรงแต่ก็ยังอดทนอยู่
ข้างหลังพวกเธอคือบอดี้การ์ดที่ติดตามมา และยังมีทีมกู้ภัยชั้นนำที่ซูฉิงพามาจากเมืองด้วย
แผ่นดินไหวที่เทือกเขาไห่หลินครั้งนี้รุนแรงและเป็นแผ่นดินไหวระดับสูงที่หาได้ยากในแง่ของการจำแนกประเภท ตอนนี้มาถึงที่นี่แล้ว สถานการณ์ก็ยากเกินกว่าที่คาดไว้
“อู๋เทียนเหอ นายอยู่ที่ไหน?” ยวี๋น่าพึมพำกับตัวเอง “นายห้ามเป็นไรไปเด็ดขาดนะ!”
“ยวี๋น่า เรารีบหาเขาเถอะ ฉันเชื่อว่ายังไงเราก็เจอ” ซูฉิงปลอบยวี๋น่า
เธอรู้ว่าการช่วยชีวิตคนเป็นสิ่งสำคัญในตอนนี้ โดยเฉพาะแผ่นดินไหวช่วงแรกผ่านไป แต่ก็ไม่รู้ว่าอาฟเตอร์ช็อกจะมาอีกเมื่อไร
หากพวกเขาล่าช้า ไม่แน่อาจมีการเสียชีวิตมากขึ้น
พวกเธอต้องหาอู๋เทียนเหอและช่วยเขาให้เร็วที่สุด
ซูฉิงกำลังจะยกขาก้าวไปข้างหน้า แต่กลับเห็นว่ายวี๋น่ายืนอึ้งอยู่ที่เดิม
ซูฉิงคว้าแขนของเธอและพูดขณะที่เดินไปข้างหน้าด้วย “ยังไม่รีบเดินไปอีก ตามแผนที่จะมีหมู่บ้านอยู่ข้างหน้า อู๋เทียนเหอน่าจะอยู่ที่นั่น เราไปตามหากันเถอะ”
จากนั้นยวี๋น่าถึงได้สติและตามซูฉิงไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
หมู่บ้านอยู่ไม่ไกลจากที่ที่พวกเขาอยู่ตอนนี้ เพียงแต่การเดินทางนั้นยากลำบากมาก
“พี่ฉิง พี่น่า รอผมด้วย!” หลินหนานเองก็ตกตะลึงกับภาพตรงหน้า ยืนอึ้งอยู่นานกว่าจะได้สติ
เมื่อกลุ่มคนเดินไปถึงทางเข้าหมู่บ้าน ซูฉิงก็ตกตะลึง
บ้านส่วนใหญ่ที่ปากทางเข้าหมู่บ้านได้ถล่มไปแล้ว บางที่ยังควันดำลอยมา มีแต่กองเศษซากอยู่ทุกที่ ไม่เห็นแม้แต่เงาคน
ระหว่างทางมาหมู่บ้านนี้ พวกเขาเห็นคนแก่และเด็กๆ บาดเจ็บจากแผ่นดินไหวเป็นจำนวนมาก เรียกได้ว่าทีมกู้ภัยยุ่งกันตลอดทาง โชคดีที่ยา ผ้าก๊อซและไอโอดีนได้เตรียมไว้แล้ว
“เทียนเหอ! เทียนเหอ!” ยวี๋น่าไม่มีกะจิตกะใจคิดเรื่องอื่น เพราะในใจคิดถึงแต่อู๋เทียนเหอ
มีคำเดียวที่อธิบายได้คือ: กระวนกระวายใจ
ทันทีที่เธอเห็นฉากหมู่บ้าน หัวใจของเธอก็ยิ่งกังวล ก่อนจะวิ่งไปข้างหน้าสองสามก้าวและมองไปรอบๆ
ซูฉิงเม้มริมฝีปาก บอดี้การ์ดบางคนที่ติดตามเธอได้ช่วยเหลือชาวบ้านคนอื่นๆ แล้ว แพทย์ในทีมกู้ภัยก็กระจัดกระจายไปเพื่อจะรักษาผู้บาดเจ็บ
“รบกวนพวกคุณไปพันแผลให้เด็กๆ ตรงนั้นนะคะ ฉันว่าพวกเขาน่าจะบาดเจ็บสาหัสเหมือนกัน…”
ยวี๋น่าออกตามหาอยู่ตลอดแต่ก็ไม่เป็นผล ซูฉิงเองก็ร้อนใจ แต่ก็ไม่เป็นผล แต่เธอไม่สามารถทิ้งไม่สนใจสถานการ์ได้ เธอจึงพูดกับแพทย์ของทีมกู้ภัยที่อยู่ข้างๆ เธอสั้นๆ
“ได้ครับคุณซู เป็นหน้าที่ของเราที่จะต้องช่วยชีวิตและช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ เราจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อช่วยเหลือพวกเขาครับ” หมอพยักหน้า
เมื่อเห็นอีกฝ่ายตกลง ซูฉิงถึงถอนหายใจก่อนจะวิ่งไปด้านข้างยวี๋น่า
“ซูฉิง เธอว่าอู๋เทียนเหอเขาไปอยู่ไหน? เขาคงไม่ได้…” ยวี๋น่าพูดจบก็แสบจมูกและน้ำตาก็ไหลออกมา
ซูฉิงวางมือบนไหล่และปลอบโยน “ตอนนี้แผ่นดินไหวรุนแรงแลไม่รู้ว่าจะเกิดอาฟเตอร์ช็อกอีกเมื่อไหร่ พวกเขากำลังค้นหาคนที่อยู่ใต้ซากปรักหักพังอยู่ เธออย่าร้อนใจไปเลย…”
“จะไม่ให้ฉันร้อนใจได้ไง!” เสียงของยวี๋น่าสั่นเทา “ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับอู๋เทียนเหอแล้วฉันจะทำไงล่ะ?”
เมื่อเห็นท่าทางเจ็บปวดของยวี๋น่า ซูฉิงจึงถอนหายใจเบาๆ
ความจริงแล้ว สถานการณ์ตอนนี้ไม่มีใครรับประกันได้ว่าอู่เทียนเหอจะได้รับการช่วยเหลือ
แม้กระทั้งจะเจอตัวอู๋เทียนเหอไหมก็ยังไม่รู้เลย
เพราะยังไงตำแหน่งของแอนโธนี่ก็ไม่ใช่เล็กๆ เลย
บอดี้การ์ดและคนจากทีมกู้ภัยยังคงตรวจด้วยเครื่องตรวจจับชีพจร และทันใดนั้นเครื่องมือก็เกิดเสียง
“มีคนอยู่ข้างล่างนี้!” บอดี้การ์ดตะโกนเสียงดัง
ทั้งซูฉิงและยวี๋น่ารีบวิ่งไปทันที
เป็นบ้านที่พังทลาย มีทั้งแผ่นไม้และอิฐกองอยู่บนพื้น
ใต้นั่นมีคนรอดชีวิต
“ขุดเร็วเข้า!” สีหน้าของซูฉิงเคร่งขรึมและพูดอย่างเย็นชา
ยวี๋น่ารู้สึกประหม่ามากขึ้น เธอจับมือของซูฉิง “ซูฉิง เธอว่าจะใช่อู่เทียนเหอไหม?”
“ไม่ว่าจะใช่หรือไม่ ตราบใดที่ยังมีชีวิต เราไม่มีทางยอมแพ้หรอก” ซูฉิงเม้มริมฝีปากและพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
บอดี้การ์ดหลายคนและทีมกู้ภัยเริ่มทำงาน กลัวว่าจะไปทำร้ายคนที่ถูกฝังด้านล่างเข้า ทุกคนจึงระมัดระวังเป็นพิเศษ
ผ่านไปครู่หนึ่ง เสียงร้องของเด็กก็ดังมาจากด้านล่างเบาๆ
“เด็กนี่” ยวี๋น่าหรี่ตาลงเล็กน้อย
คนที่ฝังอยู่ด้านล่างไม่ใช่อู๋เทียนเหอ