นางสาวซูแค่อยากถอนหมั้น - ตอนที่ 349 ความเฉยเมยของอู๋เทียนเหอ
ยวี๋น่าจับมืออู๋เทียนเหอไว้แน่น เมื่อกี้นิ้วเขาขยับ เพียงแวบเดียวก็ตื่นขึ้น
เมื่อลืมตาขึ้นก็เห็นอู๋เทียนเหอตื่นแล้ว
หัวใจของยวี๋น่าที่แขวนลอยในที่สุดก็ร่วงลงพื้นแล้ว
เธอกอดอู๋เทียนเหออย่างตื่นเต้นและมีความสุข ดวงตาแดงก่ำ และกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่
“เทียนเหอ นายตื่นแล้ว ในที่สุดนายก็ตื่นแล้ว! ดีจริงๆ…ฉันเป็นห่วงแทบแย่เลยนะ!”
อู๋เทียนเหอขมวดคิ้ว รู้สึกแค่เจ็บปวดไปทั้งร่างกายโดยเฉพาะขาขวา
เขาเป็นอะไรน่ะ?
ความทรงจำค่อยๆ กลับมา อู๋เทียนเหอนึกขึ้นได้ว่าก่อนหน้านี้ตอนที่เขาสอนในห้องได้เกิดแผ่นดินไหวกระทันหัน
เขาจัดนักเรียนให้ออกไปนอกห้องเรียน แต่ตัวเองก็หนีไม่ทัน และถูกห้องถล่มอยู่ใต้ซากปรักหักพัง
ในตอนนั้นเองที่คิดว่าตัวเองไม่รอก จึงใช้สติที่เหลืออยู่โทรหายวี๋น่า
แล้วทำไมตอนนี้ยวี๋น่าถึงมาอยู่ตรงหน้าเขาได้?
อู๋เทียนเหอหันศีรษะก็เห็นยวี๋น่าอยู่ข้างๆ แววตาจึงเกิดความประหลาดใจ จากนั้นก็สงบลงและพูดเสียงเรียบ “ยวี๋น่า? เธอมาอยู่นี่ได้ไง?”
ยวี๋น่ามองอู๋เทียนเหอด้วยน้ำตาคลอเบ้า มีความสุข ตื่นเต้น ทั้งยังเป็นห่วง…อารมณ์ต่างๆ นานาปะปนอยู่ในหัวใจ
“ฉันเป็นห่วงนายนี่…โชคดีที่นายไม่เป็นไร ดีสุดๆ ไปเลย…เทียนเหอ ไม่ต้องห่วงนะ ขาขวานายต้องไม่เป็นไร…มีฉันอยู่ทั้งคน”
คำพูดของยวี๋น่าขาดห่วง ทั้งยังมีเสียงสะอื้รจนแทบพูดไม่รู้เรื่องอยู่แล้ว
“เทียนเหอ นายฟื้นขึ้นมาก็ได้แล้ว ฉันกลับแทบแย่เลยนะ! ไม่รู้เลยตอนที่ได้รับโทรศัพท์จากนายและรู้ว่านายอยู่ในเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ ฉันกลัวและเป็นห่วงแค่ไหน ฉันกับซูฉิงรีบมาเมือง Y เพื่อตามหานายเลยนะ ในที่สุดก็เจอนายสักที!”
อู๋เทียนเหอหลุบตาลงมองไปที่ขาขวาที่มีผ้าพันแผลแน่น ก่อนจะตั้งใจมองออกไปที่ที่โล่ง
“ทำไมถึงต้องช่วยฉันด้วย?”
“อะไรนะ…” ยวี๋น่าตกใจ และมองอย่างไม่เข้าใจ “นายพูดอะไรน่ะ?”
อู๋เทียนเหอหันมามองเธอ ปิดบังความทุกข์ในสายตา ปรับอารมณ์และพูดต่อไปอย่างเฉยเมย “ฉันพูดว่า ทำไมเธอต้องมาช่วยฉัน เราไม่ได้เลิกกันแล้วเหรอ ฉันกับเธอไม่ได้เป็นอะไรกันแล้วนี่”
เขายังไม่ได้มองเข้าไปในดวงตาของยวี๋น่าและพยายามควบคุมอารมณ์ตัวเองอย่างเต็มที่
จู่ๆ หัวใจของยวี๋น่าก็ดิ่งลงสู่ก้นหุบเขาราวกับถูกโยนลงจากท้องฟ้า เธอตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่ขึ้นจมูกว่า “ไม่ ไม่ใช่นะเทียนเหอซซซฉันเป็นห่วงนายมาก นายก็แค่อารมณ์ชั่ววูบ ไม่ได้คิดจะเลิกกับฉันจริงนี่ ใช่ไหม?”
“ฉันไม่เชื่อว่านายรักคนอื่น นั่นเป็นแค่ข้ออ้าง…”
ยวี๋น่ามองอู๋เทียนเหออย่างอ้อนวอน
อู๋เทียนเหอหลับตาลงอย่างเหนื่อยล้า ระงับความอยากจะเข้าไปกอดยวี๋น่า หยุดไปชั่วครู่ก่อนจะมีสาวตาห่างเหิน “ก่อนหน้านี้ที่ฉันบอกเธอยังไม่ชัดพออีกเหรอ? ฉันชอบคนอื่นไปแล้ว เธอไม่ต้องมาเสียเวลากับฉันแล้ว”
“ไม่ ไม่ได้!”
เมื่อยวี๋น่าได้ยินประโยคนั้น ใบหน้าของเธอแดงก่ำราวกับว่าเธอถูกกระตุ้น ทั้งยังน้ำตายังไหลออกมา
“เราคบกันมาห้าปีแล้วนะ…ห้าปีแล้ว นายจะไปรักคนอื่นได้ไง ไม่มีทางหรอก…”
ซูฉิงและหลินหนานที่นั่งข้างๆ ดวงตาของหลินหนานเต็มไปด้วยความเจ็บปวด
อู๋เทียนเหอไอ้บ้านี่ ทำไมทำกับยวี๋น่าแบบนี้?!
ซูฉิงเองก็ขมวดคิ้ว เธอก้าวไปข้างหน้าและโอบไหล่ยวี๋น่า ก่อนจะตบหลังเธอเบาๆ “ยวี๋น่า ไม่ต้องร้องนะ”
พูดจบซูฉิงก็ก้มศีรษะลง มองไปยังอู๋เทียนเหอที่นอนอยู่บนเปล และพูดอย่างเย็นชาว่า “อู๋เทียนเหอ ที่จริงวันนี้ฉันไม่ควรพูดอะไรแบบนี้ แต่สิ่งที่นายพูดมันทำร้ายจิตใจเกินไปนะ
นายที่สอนอยู่ในพื้นที่เทือกเขา ทันทีที่ยวี๋น่าได้ยินเรื่องแผ่นดินไหวที่เขตเทือกเขา เธอก็ขอให้ฉันมาตามหานายเพียงในชั่วข้ามคืนทันที นายเองก็รู้สถานการณ์ในเขตเทือกเขาดีว่ายังคงมีอาเตอร์ช็อกไม่หยุด…เราตามหานายอย่างเอาเป็นเอาตาย ยวี๋น่าเองก็ตามหานายจนเกือบประสบอุบัติเหตุนะ!
แค่นี้นายใจไม่รู้ดีหรือไง? นายน่าจะรู้ความรู้สึกที่เธอมีต่อนายดีนะ”
อู๋เทียนเหอที่ได้ยินซูฉิงพูด ใจเขาก็บิดไปบิดมา เขาลืมตามองไปยังยวี๋น่าจนใจอ่อน
แต่สุดท้ายเขาก็แค่ขยับริมฝีปากไม่พูดอะไร
พ่อแม่ของยวี๋น่าพูดถูก ตอนนี้เขาเป็นแค่เด็กยากจน เมื่อเทียบกับเงื่อนไขในตระกูลของยวี๋น่าแล้ว เขานั้นแตกต่างอย่างมาก และเขาไม่สามารถให้ความสุขกับเธอได้เลย
ยิ่งกว่านั้นหลังจากแผ่นดินไหว ขาขวาตัวเองก็บาดเจ็บหนักมาก และตอนนี้ไม่รู้สึกอะไรเลยด้วยซ้ำ เกรงว่าต่อไปคงจะเป็นคนพิการ…
เขาไม่คู่ควรกับยวี๋น่า ไม่อยากเป็นตัวถ่วงของเธอ
“แล้วไงล่ะ?” อู๋เทียนเหอยิ้มอย่างดูถูกก่อนจะถามซูฉิงกลับ
หลังจากหยุดไปพักหนึ่ง อู๋เทียนเหอก็พูดอย่างเย็นชาว่า “ฉันบอกเลิกเธอแล้ว จะเจอแผ่นดินไหวก็เป็นเรื่องของฉัน ฉันไม่ได้ขอร้องเธอสักหน่อย แล้วก็ไม่ได้ให้เธอมาตามหาหรือมาช่วยฉันด้วยซ้ำ แม้ว่าเธอร้องไห้ หรือเกือบตายแล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉันล่ะ? ไม่ใช่ว่าเธอยินยอมเองหรือไง”
ยวี๋น่าเงยหน้ามองไปยังอู๋เทียนเหอด้วยความประหลาดใจ และไม่ไม่เชื่อว่านี่คือคำพูดที่ออกจากปากของเขา
ทำไม?
ทำไมตอนนี้อู๋เทียนเหอถึงกลายเป็นแบบนี้!
ซูฉิงเองก็ขมวดคิ้วและกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ไม่คาดคิดว่าหลนหนานจะลุกขึ้นกระทันหันและมองไปยังอู๋เทียนเหออย่างโกรธจัด
เขาชี้ไปยังอู๋เทียนเหอ ก่อนจะกัดฟันและพูดว่า “อู๋เทียนเหอ อย่ามาทำไม่รู้ไม่ชี้เลยดีกว่า!”
อู๋เทียนเหอเยาะเย้ยและมองไปที่ชายตรงหน้าอย่างดูถูก “ทำไม? อยากทวงความยุติธรรมให้ยวี๋น่าหรือไง?”
“นาย!” หลินหนานหน้าแดงด้วยความโกรธก่อนจะง้างมือ แต่กลับถูกซูฉิงรั้งไว้
ซูฉิงคว้าข้อมือของหลินหนานและพูดเกลี้ยกล่อม “ใจเย็นๆ อย่าลงไม้ลงมือ…กลับไปถึงเมือง A แล้วค่อยคุยกันนะ”
เธอเคยได้ยินยวี๋น่าพูดถึงเรื่องก่อนหน้านี้ของอู๋เทียนเหอ เธอจึงสงสัยว่าคงจะน่าจะมีเรื่องอะไรซ่อนอยู่
หลินหนานที่ได้ยินก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องยอมแพ้ และกลับไปนั่งที่เก้าอี้อย่างไม่พอใจ
ดวงตาของยวี๋น่าแดง และอยากถามอู่เทียนเหอให้รู้เรื่อง แต่เขากลับหลับตาไม่สนใจเธอ
เมื่อเห็นท่าทีโศกเศร้าของยวี๋น่า ซูชิงก็ถอนหายใจ
สามชั่วโมงต่อมา เครื่องบินก็ได้ลงจอดและต่างคนก็พากันออกจากสนามบิน
ระหว่างทางไปโรงพยาบาล อู๋เทียนเหอคอยแต่หลับตาและไม่พูดอะไรกับยวี๋น่าเลย
หลังจากส่งอู๋เทียนเหอเข้าห้องผู้ป่วย ซูฉิงถึงได้ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ยวี๋น่าพูดอย่างกังวล “ไม่รู้ว่าคุณอาฉีจะมาเมื่อไหร่ ขาของเทียนเหอ…”
หลินหนานที่ทนฟังไม่ไหวก็เอ่ยปากโต้กลับ “ผมว่าหมอนั่นสมควรโดนแล้ว เขาพูดถึงพี่แบบนั้น ทำไมพี่น่าต้องห่วงเขาขนาดนี้ด้วย?”
“หยุดพูดได้แล้ว” ซูฉิงขมวดคิ้วมองหลินหนาน “หลินหนาน ถ้านายไม่มีไรแล้วก็กลับบริษัทไปได้เเล้ว!”