นางสาวซูแค่อยากถอนหมั้น - ตอนที่ 356 ตามหาอู๋เทียนเหอเจอแล้ว
“……..เอาอย่างนั้นก็ได้”ฮ่อหยุนเฉิงจ้องซูฉิงนิ่งสักครู่ ไฟที่ลุกโชนในดวงตายังไม่หายไป แต่สุดท้ายก็ยอม
เขาปล่อยแขนแล้วยืดตัวขึ้น แล้วมานั่งข้างๆ ซูฉิงอย่างจนใจ
ซูฉิงเห็นเขามีท่าทางต้องอดทน ก็รู้สึกทนไม่ไหวยื่นแขนเรียวโอบไหล่ฮ่อหยุนเฉิง ขยับให้เข้าไปชิดตัวเขามากขึ้นแล้วหันมองหน้าเขา”พวกเรามีเวลาอีกนาน ที่จะเรียนรู้กันไปนะ ”
ฮ่อหยุนเฉิงหันไปมองใบหน้ารูปไข่ของซูฉิง แล้วก็จูบที่หน้าผาก”อืม มีเวลาเรียนรู้กันอีกนาน”
………..
เฉินจุนเหยียนออกมาจากบ้านและเดินมาอยู่ใต้แสงไฟข้างถนน และที่ตรงนี้สามารถมองเห็นห้องรับแขกของบ้านซูฉิง เขาอดที่จะเงยหน้าขึ้นมองไม่ได้ ซึ่งด้านในของหน้าต่างมีแสงไฟส่องสว่างจากโคมไฟ
ตอนนี้ฮ่อหยุนเฉิงจะต้องอยู่กับซูฉิงมั้ยนะ
บางทีพวกเขาทั้งสองคนอาจจะยัง…..
เฉินจุนเหยียนก็รู้สึกเจ็บแป๊บขึ้นมาในใจ ความรู้สึกจิ๊ดๆ ชาๆ
เขาสะบัดหัว ไม่กล้าที่จะคิดต่อ จนสุดท้ายก็ก้มหน้าลง แล้วหัวเราะเยาะตัวเอง
แต่ว่าพอคิดถึงตอนที่ซูฉิงจะคลอเคลียอยู่ในอ้อมกอดของฮ่อหยุนเฉิง ทั้งสองคนพูดคุยหยอกล้อกัน ใจของเขาก็เกิดความรู้สึกที่ทั้งเจ็บและทรมาน
มือทั้งสองข้างกำหมัดแน่น สุดท้ายก็ล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกง แล้วเดินออกไป
ไม่รู้ทำไม อยู่ดีๆ เฉินจุนเหยียนก็นึกถึงคำพูดของสวีหว่านเอ๋อร์ขึ้นมา
“พวกเราร่วมมือกัน นายช่วยฉันให้ได้ฮ่อหยุนเฉิง ส่วนซูฉิงก็จะเป็นของนาย”
คำพูดนี้วนเวียนอยู่ในหัวของเขาขึ้นมา เฉินจุนเหยียนก็รู้สึกหงุดหงิด เขาสูดลมหายใจเข้าปอดลึก แล้วรีบไล่ความคิดนี้ออกไป
เฉินจุนเหยียนนายคิดอะไรอยู่เนี่ย
เขาไม่หันกลับไปมองไปทางด้านของบ้านซูฉิงอีก แล้วพยายามหยุดความคิดฟุ้งซ่านนั้นไป แล้วรีบเดินออกไป
หลายวันมานี้ ซูฉิงกับยวี๋น่าไม่ยอมแพ้ที่จะตามหาร่องรอยอู๋เทียนเหอ ซูฉิงที่มองดูยวี๋น่าที่ตอนนี้ยิ่งร้อนใจ ซูฉิงก็รู้สึกทนไม่ได้
“ซูฉิง เธอว่า อู๋เทียนเหอเขาไปไหนนะ”ยวี๋น่าที่ขอบตาแดงก่ำ และรู้สึกเหนื่อยล้ากายใจ
ซูฉิงก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ แล้วพูดปลอบ”ยวี๋น่า เธอไปพักผ่อนก่อนเถอะ เธอวางใจเถอะ ฉันจะต้องช่วยเธอตามหาอู๋เทียนเหอให้เจอ”
“จริงนะ “ยวี๋น่ากัดริมฝีปาก
ซูฉิงพยักหน้า แล้วก็จูงมือยวี๋น่าไปที่เตียง เพื่อให้เธอได้พักผ่อน”เธอพักผ่อนให้เต็มที่ ถึงจะได้ออกตาหาอู๋เทียนหอ”
ซูฉิงมองยวี๋น่าที่หลับไปแล้วถึงได้เดินออกมา และเดินไปไม่กี่ก้าวก็มีคนโทรมา “คุณซู พวกเราเจออู๋เทียนเหอแล้ว!”
“จริงหรอคะ”ซูฉิงเผยแววตาดีใจออกมา “เขาอยู่ที่ไหน”
“อยู่ที่เมือง B ครับ “บอดี้การ์ดที่อยู่ปลายสายบอกที่อู๋เทียนเหอพักอยู่
“อืม อืม …..โอเค ฉันรู้แล้ว ฉันจะรีบไป”ซูฉิงพูดรับคำ แล้วรีบกลับไปที่โรงแรมที่ยวี๋น่าพักอยู่
เธอเข้ามาปลุกยวี๋น่า
“ยวี๋น่า ตื่นเร็ว เจอร่องรอยของอู๋เทียนเหอแล้ว!”
ยวี๋น่าที่พอได้ยินชื่ออู่เทียนเหอ ก็ลืมตาและลุกขึ้นทันที
“จริงหรอ แล้วตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน ”
“บอดี้การ์ดที่ตามหาเขาเจอบอกว่า เขาพบอู๋เทียนเหอที่เขตชานเมือง B ตอนนี้เขาน่าจะยังไปไม่ไกล เมือง B ไม่ไกล ถ้าพวกเราไปตอนนี้ ใช้เวลาสองชั่วโมงก็ถึงแล้ว!”
ยวี๋น่ารีบตั้งงสติแล้วเดินตามซูฉิงออกไปข้างนอก “งั้นพวกเราก็รีบไปกันเถอะ!”
หนึ่งชั่วโมงต่อมา พวกเธอสองคนก็มาถึงเมือง B แล้ว ซูฉิงรีบติดต่อบอดี้การ์ดที่เธอหาเธอเพื่อจะไปรวมตัวกัน
“อู๋เทียนเหออยู่ที่ไหน “พอเห็นบอดี้การ์ดยวี๋น่าก็รีบเดินเข้าไปถามทันที
ชายวัยกลางคนที่อยู่ข้างๆ บอดี้การ์ดพูด”คนที่พวกตามหานั้น ก่อนหน้านี้ฉันเห็นเขามานั่งตกปลาอยู่ที่เขตชานเมืองครั้งหนึ่ง ที่นั่นห่างจากเขตเมืองไปนั่งรถประมาณครึ่งชั่วโมง อ้อ และแถวนั้นก็มีคนทำงานดูแลทะเลสาบ น่าจะหาได้ง่าย”
ยวี๋น่าก็รู้สึกตื่นเต้นดีใจ ทั้งร้องไห้ทั้งยิ้มออกมาอย่างเก็บอารมณ์ไม่อยู่ พร้อมทั้งจับมือซูฉิงแน่น ซูฉิงก็ตบไหล่เธอเบาๆ แล้วถามรายละเอียดของเส้นทางกับชายวัยกลางคนคนนั้น จากนั้นทั้งหมดก็รีบขับรถไปตามทางที่เขาบอก
และตอนนี้แถวนอกชานเมืองก็มีคนอยู่ไม่เยอะ ซูฉิงกับพวกที่พอลงรถก็เริ่มตามหาร่างรอยของอู๋เทียนเหอ ยวี๋น่าเดินไปทางเนินเล็กๆ และซูฉิงก็เดินตามหาอยู่ใกล้ๆ แถวนั้น
เธอเดินไปตรงเนินเขาเล็กก็พบเข้าไปกระท่อมเล็กๆ ดูจากภายนอกเก่าและโทรมมาก เหมือนไม่มีคนอยู่ ยวี๋น่าเดินไปหยุดหน้าประตู คิดอยู่ชั่วครู่และกำลังจะหันหลังกลับ ก็ได้ยินเสียงดังมาจากข้างใน
เหมือนจะเป็นเสียงจานร่วงลงพื้น
ยวี๋น่าหยุดเดิน แล้วก็ผลักประตูเข้าไปอย่างไม่ลังเล และสิ่งที่ปรากฏตรงหน้าของเธอก็คืออู๋เทียนเหอที่ยืนนิ่งอยู่กับที่อย่างประหม่า
“ทะ……ทะเทียนเหอ ในที่สุดฉันก็หานายจนเจอแล้ว!”
ยวี๋น่าที่ตอนนี้ขอบตาแดงก่ำ ตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก แล้วก็เดินเข้าไปกอดอู๋เทียนเหอแน่น
อู๋เทียนเหออึ้งตกใจ จากนั้นก็รีบผลักยวี๋น่าออกจากตัวอย่างรวดเร็ว เขาพยายามขยับถอยหลังไปเพื่อผลักยวี๋น่าออก ทั้งที่ขาข้างขวาของเขาก็ยังเจ็บอยู่
“เธอมาทำไม ฉันไม่ใช่บอกเลิกกับเธอแล้วหรอ พวกเราไม่มีความเกี่ยวข้องต่อกันแล้ว เธอรีบกลับไปเถอะ ”
เขาพยายามขยับตัวไปอีกด้าน ควบคุมตัวเองไม่ให้มองหน้ายวี๋น่า น้ำเสียงก็เปลี่ยนเป็นเย็นชา
ยวี๋น่ามองอู๋เทียนเหออย่างไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรผิด แล้วส่ายหน้า อยากจะจับมือของอู๋เทียนเหอ “ไม่ เทียนเหอ ขาของนายยังไม่หาย และไม่ได้รับการรักษาใช่มั้ย ลุงฉีมาที่เมือง A แล้ว นายรีบกลับไปกับพวกเรา อย่างน้อยจะได้รักษาขาของนายให้หายดี….”
“ไม่ต้อง ! “อู๋เทียนเหอที่ที่อารมณ์ฉุนเฉียวมากกว่าเดิม แล้วก็ตกคอกเสียงดังใส่ยวี๋น่า”ตอนนี้ฉันเป็นคนพิการไปแล้ว เธอจะมายุ่งกับฉันอีกทำไม! ฉันไม่กลับไปกับเธอหรอก!”
และในตอนที่ทั้งสองกำลังตกลงกันไม่ได้อยู่นั้น ทันใดนั้นประตูของกระท่อมก็ถูกผลักเข้ามา โดยซูฉิง
ยวี๋น่าที่พอมองเห็นซูฉิงราวกับเห็นตัวช่วย มือข้างหนึ่งที่จับมืออู๋เทียนเหอไว้ ทั้งพูดกับซูฉิง “ซูฉิง เธอรีบมาช่วยฉันพูดกล่อมเขาหน่อย เทียนเหอเขาบอกว่าจะไม่กลับไปเมือง A กับเรา เขาไม่อยากจะรักษาขาของเขา…..”
“เธอฟังภาษาคนพูดไม่รู้เรื่องรึไง ฉันไม่กลับไป พวกเธอไม่ว่าใครก็กล่อมฉันไม่ได้หรอก!”
อู๋เทียนเหอที่ตอนนี้อารมณ์โมโหยิ่งกว่าเดิม ราวกับคนคลั่ง ซูฉิงคิ้วขมวดมองเขา ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหวังดี และส่งสัญญาณให้กับบอดี้การ์ดที่อยู่ข้างหลังก้าวเข้ามาข้างหน้า แล้วไปจับแขนทั้งสองข้างของอู๋เทียนเหอ จากนั้นก็จับเขาออกไปจากกระท่อมเพื่อขึ้นไปบนรถของพวกเขา
ตอนที่เดินออกมาขึ้นรถ อู๋เทียนเหอพยายามดิ้นจนมาถึงบนรถ เขาถึงได้หยุด แต่ก็ยังขัดขืนไม่พูดอะไร และก็ไม่สนใจยวี๋น่า มีเพียงมองออกไปทางนอกหน้าต่างรถ
หลังจากกลับมาถึงเมือง A แล้ว ซูฉิงก็ได้ติดต่อฉียวี่ชู อีกทั้งร่วมมือกับยวี๋น่าพาอู๋เทียนเหอกลับมาที่โรงแรมที่ฉียวี่ชูพักอยู่
“ลุงฉี นี่คืออู๋เทียนเหอ พวกเราตามหาเขาเจอแล้วค่ะ รบกวนคุณลงช่วยตรวจดูอาการขาของเขาตอนนี้หน่อยค่ะ”่