นางสาวซูแค่อยากถอนหมั้น - ตอนที่ 358 ความผิดพลาดหลังจากดื่มจนเมา
“……หืม ไม่เมา ฉันไม่เมา……”ยวี๋น่าเหมือนจะได้ยินเสียงคน ก็หันไปมอง แล้วก็มองเห็นหน้าของหลินหนาน
เธอยิ้มออกมา หน้าแดงก่ำด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ ยื่นมือออกไปจับแขนเสื้อของหลินหนาน “โอ๊ะ หลินหนาน……นายอยู่ที่นี่ด้วยหรอ งั้นดีเลย มาดื่มเหล้าเป็นเพื่อนฉัน!”
ยวี๋น่าพูดด้วยน้ำเสียงรั้น หลินหนานก็จนปัญญา เลยได้แต่นั่งลงข้างเธอ
“มา เราชนกันหน่อย!”หยี๋น่ารินเหล้าใส่แก้วอีกใบแล้วหยิบแก้วเหล้าอีกใบยื่นให้กับหลินหนาน
หลินหนานไม่ได้ยื่นมือออกไปรับ ยังมองยวี๋น่าด้วยความเป็นห่วง เหมือนช่วงนี้เธอจะเสียใจมากไม่น้อย
ตอนที่ยวี๋น่ายกแก้วเหล้าขึ้นดื่มอีกครั้ง หลินหนานก็จับเข้าที่ข้อมือของเธอ”พี่น่า อย่าดื่มอีกเลย พี่เมาแล้วนะ ”
“ปล่อย ปล่อยมือนายเลยนะ!” ยวี๋น่าคิ้วขมวด ส่งเสียงว่าเขาอย่างหมดความอดทน แล้วสะบัดมือของเขาออก “นาย ถ้าหากนายยังเห็นว่าฉันเป็นเพื่อนละก็ ก็มาดื่มเป็นเพื่อนฉัน ไม่งั้น…….ก็ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน”
ยวี๋น่าที่พูดพร้อมกับดื่มเหล้าเข้าไปอีก
หลินหนานที่นั่งอยู่ข้างๆ ยวี๋น่าคิ้วขมวดเม้มริมฝีปาก มองเธอด้วยความสงสาร
เพื่ออู๋เทียนเหอเธอทำไมถึงได้กลายเป็นอย่างนี้……
หลินหนานหันไปมองแก้วเหล้าที่วางอยู่ ก็มีความคิดหนึ่งขึ้นมา แล้วหยิบแก้วเหล้าขึ้นมาดื่มจนหมด โดยไม่ลังเล
“ผมจะดื่มเป็นเพื่อนพี่เอง!”
ยวี๋น่าแววตาวาวยิ้มออกมา แล้วหยิบเอาแก้วเหล้าของตัวเองไปชนกับของหลินหนาน “นี่สิถึงจะถูกต้อง พวกเรามาดื่มกัน!”
………..
เช้าวันต่อมา ภายในห้องในโรงแรม
ม่านหน้าต่างที่ถูกเปิดออกไว้เพียงครึ่งเดียว แสงสว่างของดวงอาทิตย์สาดส่องเข้ามาภายในห้อง พื้นที่เป็นระเบียบ แต่บนเตียงมีชายหญิงคู่หนึ่งที่นอนอยู่ด้วยเสื้อผ้าหลุดลุ่ย
ยวี๋น่ากับหลินหนาน
อาจจะเป็นเพราะแสงแดดแรง เลยทำให้ยวี๋น่าคิ้วขมวดแล้วค่อยๆ ลืมตาขึ้น รู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันที
“อืม…..”
รู้สึกปวดไปทั้งตัวเลย เธอซูดปาก แล้วค่อยๆ ลุกขึ้น มองไปรอบๆ ก็เห็นว่าเป็นสถานที่แปลกตา
โรงแรมนี่ แล้วเธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง
“อืม……….”ทันใดนั้นก็มีเสียงผู้ชายดังขึ้นมาจากข้างๆ ยวี๋น่าใจกระตุก หันไปมองทันที ก็พบว่าผู้ชายที่นอนอยู่ข้างๆ คือหลินหนาน
ทำไมเธอถึงได้มานอนกับหลินหนานได้ละ?!
เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นกันนะ!
ยวี๋น่าตกใจอึ้ง เธอหลับตาลง ภาพปะติดปะต่อที่เกิดขึ้นเมื่อคืน วนเวียนอยู่ในหัวของเธอไปมา
เมื่อคืนเธอดื่มเหล้าที่ร้านบาร์ และก็ได้เจอกับหลินหนาน ทั้งสองก็ดื่มจนเมา ต่อมาก็เดินโซเซออกจากร้านบาร์ หลินหนานบอกว่าจะมาส่งเธอกลับ …….และพวกเขามาที่โรงแรม จากนั้นก็….
พระเจ้า!
เมื่อคืนเธอกับหลินหนานเกิดเรื่องอย่างนั้นขึ้น!
ตอนนี้ในหัวของยวี๋น่ามีแต่ความว่างเปล่า ทำไมถึงเป็นอย่างนี้ไปได้!
ถ้าหากอู๋เทียนเหอรู้เรื่องนี้เข้าจะทำยังไงดี
ตอนนี้หลินหนานก็ค่อยๆ รู้สึกตัวตื่นแล้ว เขามองเห็นยวี๋น่าก็ตกใจ
ภาพเหตุการณ์เมื่อคืนก็ย้อนเข้ามาในหัวเขา หลินหนานก็มองไปที่ยวี๋น่าด้วยความประหม่า “พี่น่า ผม……..”
หลินหนานที่ตอนนี้ทำตัวไม่ถูก เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้มันกะทันหันจนเขาไม่รู้จะพูดยังไง พูดอะไรออกมา สุดท้ายเลยพูดออกมาว่า
“พี่น่า ผมขอโทษ พี่วางใจเถอะ ผมจะรับผิดชอบพี่แน่”
ยวี๋น่าหลับตาลงด้วยความรู้สึกเสียใจ ตอนนี้เธอรู้สึกสับสน ในหัวมีแต่ภาพของอู๋เทียนเหอ เธอรักอู๋เทียนเหอมาก รับไม่ได้กับเรื่องที่เกิดขึ้น
หลินหนานมองยวี๋น่าซื่อๆ สุดท้ายยวี๋น่าก็สูดลมหายใจเข้าปอดแล้วเปิดผ้าห่มขึ้น หยิบเสื้อผ้าขึ้นมาสวมใส่
“เรื่องเมื่อคืน เรื่องที่เกิดขึ้นนั้น ฉันไม่ถือสา นายก็ลืมมันไปซะเถอะ ”
ยวี๋น่าสวมเสื้อผ้าเสร็จแล้ว ก็หยิบเอากระเป๋าเงินแล้วเดินออกไป ตอนนี้เธอจิตใจว้าวุ่นมาก ไม่อยากจะเจอหลินหนาน
พอแต่ตอนที่มาโรงพยาบาลเพื่อดูแลอู๋เทียนเหอนั้น ยวี๋น่าก็มีจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว จนนั่งเหม่อคนเดียวอยู่บ่อยๆ
อู๋เทียนเหอที่แม้จะย้ายจากโรงแรมมาที่โรงพยาบาล แต่ก็ยังทำตัวเย็นชากับยวี๋น่าอยู่ แต่ในใจของเขานั้นคิดถึงแต่เธอ
วันนี้ยวี๋น่ามีท่าทีแปลกๆ เธอเป็นอะไรไป
อู๋เทียนเหอแอบมองยวี๋น่าอยู่หลายครั้ง รู้สึกเป็นห่วง แต่ก็ไม่พูดอะไร
“ถ้าเธอไม่อยากมาดูแลฉันที่โรงพยาบาล ก็รีบกลับไปซะ จะได้ไม่ต้องมาวุ่นวายที่นี่ “อู่เทียนเหอพูดประชดออกไปเพื่อให้ยวี๋น่าเรียกสติกลับคืนมา
ยวี๋น่าเม้มปากอยู่นานเธอถึงได้เอ่ยปากพูด”เทียนเหอ “………นายไม่ต้องทำอย่างนี้กับฉันก็ได้ นายอยากเลิก ฉันตกลงจะเลิกกับนาย”
ตอนนี้ยวี๋น่าคิดดีแล้ว เธอขึ้นเตียงกับหลินหนาน ไม่กล้าสู้หน้าอู๋เทียนเหอหรอก สู้เลิกกันไปเลยดีกว่า ”
อู๋เทียนเหอรู้สึกเครียดขึ้นมา ควบคุมตัวเองไม่ให้วู่วามถามยวี๋น่าออกมา แล้วก็เอ่ยเสียงเรียบ”ในที่สุดเธอก็คิดได้แล้ว อย่างนี้ก็ดีแล้ว”
“แต่ว่า “ยวี๋น่ามองอู๋เทียนเหอ แล้วพูดอย่างจริงจัง “นายจะต้องนอนพักให้คุณหมอฉีรักษาที่โรงพยาบาล ขอแค่ขาของนายให้หายดี ต่อไปฉันจะไม่มาเจอนายอีก พวกเรา…….ก็ต่างคนต่างไป อย่างที่นายอย่างให้เป็น”
อู๋เทียนเหอรู้ว่าเธอพูดประโยคนี้ออกมานั้นจะเสียใจมากแค่ไหน จะทรมานใจมากแค่ไหน ก็ต้องทนไม่ให้ตัวเองร้องไห้ออกมา
อู๋เทียนเหอก็ไม่พูดอะไร ทำเพียงแค่ยินยอม
บ้านตระกูลไป๋
“คุณหนู คุณสวีมาแล้ว”พ่อบ้านได้ยินเสียงออดดัง ก็เห็นว่ามีคนมาหา และพอหันไปบอกทางไป๋หลานที่นั่งอ่านนิตยสารที่โซฟา
ไป๋หลานส่งเสียงหึ จากนั้นก็ได้ยินเสียงรองเท้าส้นสูงของสวีหว่านเอ๋อร์เดินเข้ามา เธอเงยหน้าขึ้น พร้อมกับรอยยิ้ม “หว่านเอ๋อร์ วันนี้ทำไมเธอมีเวลาว่างมาหาฉันได้ละ”
สวีหว่านเอ๋อร์ที่นั่งลงข้างๆ ด้วยท่าทีเย่อหยิ่ง ไม่เห็นไป๋หลานอยู่ในสายตาเหมือนเมื่อก่อน
“อย่าพูดว่ามีหรือไม่มีอะไรพวกนั้น วันนี้ที่ฉันมา เพราะมีเรื่องจะคุยกับเธอ”
“เรื่องอะไรหรอ”ไป๋หลานทำเป็นอยากรู้ แล้วกันไปจ้องสวีหว่านเอ๋อร์
แต่ที่จริงแล้วเธอนั้นรู้อยู่แล้ว นอกจากเรื่องซูฉิง จะมีเรื่องอะไรอีกที่สวีหว่านเอ๋อร์จะมาหาเธอถึงที่
สวีหว่านเอ๋อร์หันไปมองเธอ เผยแววตาร้ายออกมา แม้แต่มือที่วางอยู่บนตักของเธอก็กำแน่น จนเกิดเสียงแต่ก็ไม่ดังเท่าเสียงกัดฟันกรอด
“ไป๋หลาน ฉันอยากจะให้เธอคิดหาวิธี ช่วยฉันทำลายชื่อเสียงของยัยแพศยาซูฉิงนั่น ฉันไม่อยากเห็นหน้ามันอยู่ข้างๆ ฮ่อหยุนเฉิงอีก”
และก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ
ไป๋หลานแอบยิ้มในใจ สวีหว่านเอ๋อร์นี่โง่มาก ตอนนี้ยังวิ่งแจ้นมาขอให้เธอช่วยอีก
เธอก้มหน้าลง ริมฝีปากยกยิ้มเยาะ
“เธอกำลังคิดอะไรอยู่ เธออย่าบอกฉันนะว่าไม่มีวิธี “สวีหว่านเอ๋อร์ที่เห็นไป๋หลานเงียบไป ก็อดที่จะคิ้วขมวด แล้วถามออกไป
“ไม่ใช่ๆ “ไปหลานรีบเงยหน้าตอบ พร้อมกับส่ายหน้าปฏิเสธ แล้วก็ขยับเข้าไปใกล้สวีหว่านเอ๋อร์อย่างระมัดระวัง แล้วคิดอยู่ชั่วครู่ถึงได้เอ่ยพูด
“คืออย่างนี้ อีกไม่กี่วันสตาร์เอ็นเตอร์เทนเมนท์จะจัดงานเปิดกล้อง《พ่าหวังเปี๋ยจี》ไม่ใช่หรอ เมื่อถึงตอนนั้นก็ถือเป็นโอกาสดี”