นางสาวซูแค่อยากถอนหมั้น - ตอนที่ 395 ผู้หญิงคนนี้ต้องมีอะไรบางอย่าง
ตอนที่ 395 ผู้หญิงคนนี้ต้องมีอะไรบางอย่าง
เธอมองไปที่ผู้หญิงคนนั้นก่อนจะตอบสนองอย่างรวดเร็ว และส่งรอยยิ้มกลับไป
“บังเอิญจัง แอนนา เธอมานี่ได้ไงน่ะ?”
แอนนาหันศีรษะมองออกไปข้างนอกโดยไม่รู้ตัว แล้วพูดว่า “ฉันนัดคนมากินข้าวที่นี่น่ะ ไม่คิดว่าเธอก็อยู่นะเนี่ย มากับเพื่อนงั้นเหรอ?”
ซูฉิงส่ายหัวและกล่าวว่า “งานเลี้ยงบริษัทนะ เลี้ยงในฐานะเจ้านายน่ะนะ”
“เป็นอย่างนั้นเองเหรอ เธอนี่เก่งจังเลยนะ” แอนนาหัวเราะ เธอมองไปที่ซูฉิง จากนั้นก็ก้มศีรษะหยิบลิปสติกที่บรรจุอย่างประณีตจากกระเป๋ามาส่งให้ซูฉิง
“ในเมื่อเจอแล้วก็ให้ตรงนี้เลยแล้วกันนะ เธอคงจะไม่รังเกียจใช่ไหม?”
ซูฉิงมองลิปสติกและอดสงสัยไม่ได้ที่ “นี่อะไรน่ะ?”
“นี่เป็นลิปสติกที่ฉันชอบใช้ตอนอยู่ต่างประเทศ เป็นสีพลัม เธอผิวขาวน่าจะเหมาะกับเธอมาก ทาแล้วคงจะเด่นเลยล่ะ ถือเป็นการขอบคุณที่ครั้งที่แล้วเธอพาฉันไปโรงพยาบาลนะ ตอนแรกคิดว่าถ้าเจอแล้วจะให้ ไม่คิดว่าจะบังเอิญขนาดนี้นะเนี่ย”
หลังจากพูดจบ แอนนาก็กระพริบตา
“อ่า มันก็แค่—”
ซูฉิงมองไปที่ลิปสติก แต่ก็ยังรู้สึกว่าไม่เหมาะสมที่จะรับของขวัญโดยไม่มีเหตุผล เธอเพียงจะยื่นมือออกมาปฏิเสธ แต่ถูกอีกคนดันกลับ
“เฮ้~ ฉันให้ เธอก็รับไว้เถอะนะ ฉันเห็นว่าเธอเป็นเพื่อนนะถึงได้พูดแบบนี้ เอาล่ะ ฉันไปก่อนนะ พวกเขายังรอฉันอยู่น่ะ”
แอนนายิ้มแล้วหันหลังเดินจากไป
ซูฉิงมองตามแผ่นหลังและขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่รู้ทำไมเธอถึงรู้สึกว่าแอนนากระตือรือร้นเกินไป แม้ว่าเธอจะกลับมาจากต่างประเทศ แต่ก็ไม่เห็นจำเป็นต้องใจกว้างกับผู้หญิงที่เพิ่งเจอกันเลยนี่
เธอแกะลิปสติกออกจากกล่องและเปิดฝาออก
แท่งสีแดงหมุนวนออกมา และมีกลิ่นแปลกๆ ซึ่งแตกต่างจากน้ำหอมหรือกลิ่นหอมที่ตั้งใจใส่ในลิปสติก
ซูฉิงตกตะลึงอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะดมอีกครั้งและขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้ เธอนึกถึงอะไรบางอย่าง ก่อนจะใช้เล็บขูดออกมาก่อนจะถูบนสร้อยคอเงินตรงคอของเธอ
ส่วนมือที่เปื้อนนั้นก็ล้างออก
“พี่ซูฉิง ทำไมไปเข้าห้องน้ำช้าจัง เกมของพวกผู้กำกับผ่านไปสองรอบแล้วนะคะ”
เมื่อซูฉิงกลับมาที่ที่นั่งว่างในห้องโถง เพื่อนร่วมงานรอบๆ ก็พูดคุยกันอย่างมีความสุข ผ่านไปกว่าครึ่งชั่วโมง เพื่อนร่วมงานของซูฉิงที่เห็นสร้อยคอของเธอ ก็อดร้องออกมาไม่ได้
“พี่ซูฉิง สร้อยคอของพี่ได้โดนอะมาน่ะ? ทำไมมันถึงเป็นสีดำล่ะคะ?”
ซูฉิงมองลงไปก่อนจะแน่ใจว่าสร้อยคอเงินเป็นสีดำ หัวใจเธอก็ดิ่งลงทันที
ดูเหมือนว่าลิปสติกแท่งนั้นจะผิดปกติจริงด้วย
ซูฉิงยิ้มและกล่าวว่า “บางทีเมื่อกี้อาจโดนอะไรสกปรกเอาน่ะ ไม่เป็นไรหรอก ไว้ฉันกลับไปทำความสะอาดก็ได้แล้วล่ะ ขอโทษทีนะ ฉันขอตัวไปส่งข้อความหาเพื่อนก่อน”
ฉวยโอกาสตอนไม่มีใครสนใจ ซูฉิงหยิบโทรศัพท์ออกมาส่งข้อความถึงแอนโธนี่ “ฉันรู้จักกับผู้หญิงคนหนึ่งชื่อแอนนาเมื่อเร็ว ๆ นี้ เธอกลับมาจากเกาหลี ช่วยฉันตรวจสอบเธอทีนะ”
ทางนั้นให้คำตอบมาอย่างรวดเร็ว “รับทราบครับ”
อาหารมื้อนี้จบลงก็สามทุ่ม แม้ว่าหมอจะสั่งเฉินจุนเหยียนว่าอย่าดื่มมากเกินไปตอนช่วงเพิ่งหาย แต่เขาที่คอไม่แข็งจนสุดท้ายก็เมา จนร่างกายเอนเอียงไปทางซูฉิง
“พวกเธอไปก่อนเลยนะ เดี๋ยวฉันไปส่งเขาเอง”
เมื่อกล่าวคำอำลากับเพื่อนร่วมงาน ในที่สุดซูฉิงก็ยัดเฉินจุนเหยียนเข้าไปข้างคนขับก่อนจะพาเขากลับไปที่วิลล่า เธอหยิบกุญแจจากกระเป๋าเสื้อนอกเขามาเปิดประตู จากนั้นก็ลากอีกคนเข้าไปในห้องนอน
“ซูฉิง…” เฉินจุนเหยียนที่ดื่มสุราหน้าแดง ก็พึมพำออกมาอย่างไม่รู้ตัว กลิ่นแอลกอฮอล์แรงตีหน้าจนซูฉิงต้องชะงัก ก่อนจะย้ายเขาขึ้นเตียง
เธอรู้สึกโล่งใจขึ้นมาทันที และทันทีที่จะไปที่ตู้เย็นหาว่ามีโยเกิร์ตหรือไม่ จะได้ให้เฉินจุนเหยียนกินแก้เมาค้าง แต่ไม่นึกเลยว่าทันทีที่หันหลังก็ถูกอีกคนคว้าข้อมือไว้
“ซูฉิง…”
สติของเฉินจุนเหยียนเลือนลาง เห็นว่าผู้หญิงที่อยู่ข้างๆ คือซูฉิง เขาจึงจับมือเธอไว้และวางมืออีกคนไว้บนหน้าอกและพูดอย่างคลุมเครือ
“ซูฉิง ฉันชอบเธอจริงๆ นะ…อย่าไปเลยนะ อย่าไปจากฉันได้ไหม? ฉันชอบเธอมาก เธอคบกับฉันได้ไหม? ฮ่อหยุนเฉิงเขา เขาไม่คู้ควรกับเธอ ไม่คู้ควรเลยนะ…”
อาจเป็นเพราะดื่มเยอะ คำพูดของเฉินจุนเหยียนจึงขาดห้วง แต่ซูฉิงก็ได้ยินชัดเจน
เธอขมวดคิ้ว พยายามผละมือออก แต่ไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะยิ่งออกแรงมาก ทั้งยังพูดอย่างเย่อหยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ
ซูฉิงกัดฟันและสลัดมือออก ก่อนจะดึงผ้าห่มด้านข้างมาห่มให้และกดทับบนตัวของเฉินจุนเหยียน และพูดอย่างธรรมดา
“นายเมาแล้ว รีบนอนซะ”
พูดจบ เฉินจุนเหยียนก็พึมพำอะไรไม่รู้อีกหน่อย เพียงแต่ซูฉิงไม่สนใจ หลังจากเมื่อกี้เธอก็ทำตัวไม่ถูก และยิ่งรู้สึกว่าความรู้สึกของเฉินจุนเหยียนที่มีต่อเธอจะเป็นปัญหายุ่งยากขึ้นเรื่อยๆ
ซูฉิงถอนหายใจก่อนจะเหลือบมองที่เตียงอย่างกังวล ไม่นานเฉินจุนเหยียนก็เงียบลง คงจะผล็อยหลับไป
เธอถึงได้รู้สึกโล่งใจ ทันทีที่เธอเดินออกจากห้องนอนก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกง
ซูฉิงหยิบโทรศัพท์ออกมา ก่อนจะเห็นว่าเป็นฮ่อหยุนเฉิง
“หยุนเฉิง มีอะไรหรือเปล่า?”
เสียงของชายไม่อ่อนโยนเหมือนเก่า ทั้งยังเคร่งขรึมกว่าเดิมนิดนึงด้วย “เธออยู่ที่ไหน? ทำไมไม่อยู่บ้านล่ะ?”
“โอ้…” ซูฉิงตั้งใจลดเสียงของเธอลง
“วันนี้จุนเหยียนออกจากโรงพยาบาล ฉันรับเขาไปที่สตูดิโอถ่ายทำ และก็มากินเลี้ยงกับทุกคนที่ร้านอาการจื่อเถิงเป็นการฉลองน่ะ นายอยู่บ้านเหรอ?”
“อืม”
ฮ่อหยุนเฉิงขมวดคิ้วกับข่าวที่ออกทางทีวี ที่นักข่าวจับภาพได้ในวันนี้ ซูฉิงออกมาจากโรงพยาบาลกับเฉินจุนเหยียน ตรงด้านล่างหน้าจอก็พูดเกินจริงเป็นการชี้ให้เห็นว่าทั้งสองกำลังคบกัน
ฮ่อหยุนเฉิงรู้สึกไม่สบายใจมาก
ซูฉิงฟังออกมาน้ำเสียงเขาผิดปกติก็รีบป้องโทรศัพท์และลดเสียงลงเพื่อไม่ให้รบกวนเฉินจุนเหยียนที่นอนอยู่
“นายรอฉันที่บ้านนะ ฉันจะกลับไปเดี๋ยวนี้แหละ”
“อื้อ…”
เสียงของเฉินจุนเหยียนที่นอนอยู่ดังออกมา ซูฉิงวางสายทันทีและออกจากวิลล่าอย่างแผ่วเบา
ฮ่อหยุนเฉิง
วางโทรศัพท์ลง สิบนิ้วประสานกันทันทีและยันศอกไว้บนเข่า เป็นท่าทางพร้อมโจมตี
เสียงไขกุญแจดังขึ้น
ทันทีที่ซูฉิงเข้ามาก็เห็นฮ่อหยุนเฉิงจ้องเธอนิ่ง
เธอชะงักและยิ้มออกมาเล็กน้อย วางกุญแจบนตู้รองเท้าตรงทางเข้า ก่อนจะถอดเสื้อคลุมแขวนไว้ที่ประตู
“หยุนเฉิง นายมาได้ไงน่ะ…ถังรั่วอิงไม่รู้เหรอ?”