นางสาวซูแค่อยากถอนหมั้น - ตอนที่ 408 เธอใช่หล่อนจริงๆ เหรอ
ตอนที่ 408 เธอใช่หล่อนจริงๆ เหรอ?
รูม่านตาของถังรั่วอิงหดเกร็งก่อนแววตาจะฉายผิดปกติ
ประหม่า รังเกียจ ทั้งยังมีความตื่นตระหนกและตกใจ
ซูฉิงมาปรากฏตัวที่นี่ได้ไง?
เมื่อทุกคนได้ยินเสียงก็พากันหันกลับไปมอง หลังจากเห็นว่าเป็นซูฉิง คนส่วนใหญ่ก็มีแววตาที่สับสนไม่ก็ตกใจ
ยังไงคนส่วนมากก็ยังคิดจะอยากเห็นอะไรสนุกๆ
ผู้หญิงสองคนของฮ่อหยุนเฉิงอยู่ที่นี่ ต้องมีอะไรสนุกๆ แน่
ซูฉิงค่อยๆ เดินเข้าไปทีละก้าว ท่าทางสงบของเธอทำให้ทุกคนไม่กล้าส่งเสียง ออร่าที่เธอเปล่งออกมาเป็นสิ่งที่ถังรั่วอิงไม่สามารถจินตนาการได้
ไม่รู้ทำไมถังรั่วอิงถึงได้รู้สึกหงุดหงิด
“ซูฉิง เธอมาทำอะไรที่นี่?”
ซูฉิงไม่ได้พูดอะไร แต่ยังคงจับจ้องไปที่เธอ ถังรั่วอิงกลืนน้ำลายอย่างประหม่า สายตามองไปรอบๆ โดยไม่รู้ตัว ก่อนจะเริ่มหงุดหงิด เมื่อเห็นรปภ.ยืนอยู่ข้างเวที ในใจก็เกิดความมั่นใจขึ้นมา
“รปภ.! รปภ.! พวกนายยืนอึ้งอยู่ทำไมล่ะ ยังไม่รีบไล่ผู้หญิงคนนี้ออกไปอีก!”
เสียงเกรี้ยวกราดต่างไปจากตอนที่พูดอยู่บนเวทีอย่างสิ้นเชิง
รปภ.มองกันไปมา ไม่มีใครกล้าทำอะไร หรือพูดได้อีกอย่างว่าพวกเขาเองก็อยากรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป
ซูฉิงแสยะยิ้ม มองถังรั่วอิงที่อยู่บนเวทีราวกับกำลังดูตัวตลก
“เห็นฉันแล้วตกใจขนาดนั้นเลยเหรอ? หรือว่าไม่ได้รอฮ่อหยุนเฉิงแต่รอฉันอยู่?”
ดวงตาของหลี่เฉิงหยางเองก็ฉายถึงความผิดปกติ เขาจ้องซูฉิง ก่อนจะมีลางสังหรณ์ว่าจะเกิดเรื่องใหญ่ขึ้น
ถังรั่วอิงกำไมโครโฟนไว้ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความรู้สึกผิดหรือประหม่า ซูฉิงเดินเข้าไปหาเธออย่างสบายๆ ถังรั่วอิงมองเธออย่างประหม่าและถอยหลังโดยไม่รู้ตัว ทว่ากลับสะดุดกระโปรงล้ม แต่ซูฉิงก็เอื้อมมือออกมาคว้าเธอไว้
ซูฉิงเดินไปด้านข้างของถังรั่วอิง ก่อนจะเอื้อมมือออกไปถอดไมโครโฟนที่วางอยู่หน้าเวทีและพูดเสียงดัง “ขอโทษที่ให้ทุกท่านมานะคะ จริงๆ แล้วคืนนี้จะไม่มีงานหมั้นอะไรทั้งนั้นค่ะ”
“อะไรนะ? จะไม่มีงานหมั้น…? แล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย?”
คำพูดของซูฉิงอาจกล่าวได้ว่าก่อให้เกิดคลื่นระลอกใหญ่ คนด้านล่างเวทีพากันมองหน้ากันด้วยความตกใจ
“เพราะ—คุณถึงที่ยืนอยู่ข้างฉัน” ซูฉิงหันศีรษะไปเหลือบมองถังรั่วอิงพร้อมรอยยิ้ม “ไม่ใช่ถังถังที่เป็นรักแรกของประธานฮ่อค่ะ”
“ว่าไงนะ?”
ทุกคนยิ่งตกใจมากขึ้นเรื่อยๆ เหล่านักข่าวที่ปล่อยข่าวนี้ไปไม่ได้ก็รีบกดชัตเตอร์
ดวงตาของถังรั่วอิงเบิกกว้าง สองมือกำกระโปรงแน่นโดยไม่รู้ตัว หัวใจของเธอเต้นเร็วเพราะความกระวนกระวายใจ
เธอรู้ความลับนี้ได้ยังไง? ตัวเธอไม่ได้บอกใครเลยนี่!
ถังรั่วอิงมิงซูฉิงอย่างไม่เชื่อสายตา การตอบสนองทางสัญชาตญาณของร่างกายที่เร็วกว่าสมอง จะเข้าไปฉีกทึ้งซูฉิง จนผิดกับท่าทางสง่างามเมื่อกี้อย่างสิ้นเชิง
“แกโกหก! แกใส่ร้ายฉัน แกจงใจใส่ร้าย! แกแค่อิจฉาฉัน อิจฉาที่ฉันจะได้อยู่กับพี่เฉิง ไสหัวออกไปซะ! รปภ.รีบไล่ยัยบ้านี่ออกไปเดี๋ยวนี้นะ!”
ใบหน้าของถังรั่วอิงน่าเกลียดและสูญเสียรูปลักษณ์ไปอย่างสิ้นเชิง เมื่อเทียบกับซูฉิงแล้ว เธอยิ่งเหมือนคนบ้า
เธอมองไปรอบๆ อย่างตื่นตระหนก จ้องไปที่รปภ. และตะโกน แต่รปภ.ก็ไม่กล้าขยับ
ในห้องจัดเลี้ยงมีเพียงเสียงของถังรั่วอิงเท่านั้น แต่ในไม่ช้า ฮ่อหยุนเฉิง ตัวเอกของแผนนี้ก็เดินเข้ามา
ทันทีที่ถังรั่วอิงเห็นเขา ดวงตาของเธอก็เปล่าประกาย ตอนนี้ฮ่อหยุนเฉิงเป็นพยานของเธอ และมีเขาเพียงคนเดียว
แทบรอฮ่อหยุนเฉิงขึ้นเวทีไม่ไหว ถังรั่วอิงรีบยกกระโปรงขึ้นและวิ่งเหยาะๆ ไปจับมือฮ่อหยุนเฉิงแน่น มองด้วยสายตาจริงจัง แต่ใบหน้ากลับเผยรอยยิ้ม
เธอชี้ไปที่ซูฉิงบนเวที และกัดฟันพูดกับฮ่อหยุนเฉิงว่า “พี่เฉิง เธอคนนั้น! เธอจงใจทำลายงานหมั้นของเรา เธออิจฉาที่ฉันได้อยู่กับพี่ พี่เฉิง พี่รีบให้คนไล่เธอไปสิคะ!”
ถังรั่วอิงยังคงยึดมั่นในความหวังริบหรี่ แต่ไม่คิดว่าฮ่อหยุนเฉิงจะไม่แม้แต่จะมองเธอและสะบัดมือเธอทิ้ง ทั้งยังออกห่างจากถังรั่วอิงอย่างเย็นชาและทิ้งคำพูดเอาไว้
“เธอกลัวอะไร? สิ่งที่เธอพูดไม่จริงหรือไง? บอกตามตรง ฉันไม่ได้คิดจะหมั้นกับเธอ ทั้งหมดแค่จัดฉากเท่านั้น”
ถังรั่วอิงยืนอึ้งอยู่ที่เดิม หวาดกลัวและวิตกกังวล หลังจากเขาพูดจบก็ไม่มองเธออีก และเดินขึ้นไปหาซูฉิงบนเวที
เขาหยิบไมโครโฟนจากมืออีกคนและพูดอย่างจริงใจและใจเย็นว่า “ขอโทษที่มาสายนะครับ และขอโทษให้ทุกท่านเข้ามามีส่วนร่วมในพิธีหมั้นที่ไม่มีอยู่จริงด้วยครับ”
ถังรั่วอิงจ้องมองคนสองคนบนเวทีอย่างไม่เชื่อสายตา ตอนนี้เธอพังไปหมดแล้ว และไม่อยากเชื่อเลยว่าทั้งหมดนี้เป็นของปลอม
“ไม่มีทาง ไม่มีทาง…”
เธอพึมพำด้วยเสียงต่ำ และเมื่อเชยตาขึ้นมองฮ่อหยุนเฉิง ก็วิ่งไปข้างหน้าโดยละทิ้งภาพลักษณ์ก่อนจะคุกเข่าลงที่ขอบเวที น้ำตาไหลอาบหน้าและจับมือฮ่อหยุนเฉิงเอาไว้แน่นราวกับพิสูจน์
“ไม่ใช่ ไม่ใช่นะ…พี่เฉิงฟังฉันก่อน ตอนเด็กๆ เราอยู่ในกระท่อม ฉันช่วยขวางหมาตัวใหญ่ไว้ให้ ทั้งยังพาพี่หนี จากนั้น จากนั้นเราก็แยกกัน ฉันล่อพวกลักพาตัวออกไปเพื่อช่วยพี่จนตกจากหน้าผา…พี่ลืมไปแล้วเหรอ? ฉันถังถังไง! ฉันเอง!”
ราวกับเธอเต็มไปด้วยความคับข้องใจ ในท้ายที่สุดจึงเหลือเพียงการร้องไห้ ใบหน้าและใบหูแดงก่ำเพราะใช้แรงมาก แต่เมื่อฮ่อหยุนเฉิงมองเธอนั้น ราวกับมองคนแปลกหน้าที่ไม่มีความรู้สึกอะไรทั้งนั้น
ซูฉิงที่ยืนข้างฮ่อหยุนเฉิงและมอง “การแสดง” ของถังรั่วอิงด้วยสายตาที่เย็นชา หลังจากที่ผู้หญิงคนนั้นร้องไห้เสร็จ เธอถึงแสยะยิ้มและหันไปเผชิญหน้ากับถังรั่วอิง
“ถังรั่วอิง ฉันไม่นึกเลยจริงๆ ว่าจะยังโกหกจนถึงตอนนี้ ทั้งยังพูดว่าตัวเองคือถังถังต่อหน้าคนตั้งมากมาย…ทำไมถึงได้หน้าด้านขนาดนี้”
“เธอพูดเรื่องอะไร? เธอพูดอะไรน่ะ? ฉันคือถังถัง!”
ซูฉิงยิ้มอย่างเหยียดหยาม ถังรั่วอิงดิ้นรนอย่างเอาเป็นเอาตาย เธอรีบเดินเข้าไปและชี้ไปที่แผ่นหลังของถังรั่วอิงเพราะมันเป็นชุดเปลือย ทุกคนจึงเห็นรอยแผลเป็นบนหลังของเธออย่างชัดเจน
ซูฉิงชี้ไปที่รอยแผลเป็นและพูดเสียงดังชัดเจน “รอยแผลเป็นบนหลังของถังรั่วอิงไม่ได้เกิดจากการตกจากหน้าผาตอนเด็ก แต่เป็นฝีมือ คน ทำ ต่างหาก!”