นางสาวซูแค่อยากถอนหมั้น - ตอนที่ 413 นี่กำลังจุดไฟกันนี่
ตอนที่ 413 นี่กำลังจุดไฟกันนี่
เมื่อคิดได้อย่างนั้น หัวใจของฮ่อเฉียนก็รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย
ดูเหมือนเธอต้องหาโอกาสถามคุณน้าว่าในตอนนั้นเกิดอะไรขึ้น
“เอาล่ะ เรื่องในวันนี้พอเท่านี้” ฮ่อหยุนเฉิงพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “พิธีหมั้นของซูฉิงกับผมจะมีขึ้นในเดือนหน้า วันที่เฉพาะเจาะจงนั้นจะประกาศในภายหลังครับ”
หลังจากฮ่อหยุนเฉิงพูดจบ เขาก็จับมือซูฉิงและพากันจากไป
ซูฉิงถูกฮ่อหยุนเฉิงจับมือและประสานนิ้วเข้าด้วยกัน
อุณหภูมิจากนิ้วมือฮ่อหยุนเฉิงแผ่มายังฝ่ามือจนซูฉิงรู้สึกอบอุ่นหัวใจ
เมื่อพวกเขามาถึงที่จอดรถด้านนอกโรงแรม ฮ่อหยุนเฉิงก็เปิดประตูรถให้ซูฉิงอย่างสุภาพบุรุษ และเสียงน่าดึงดูดก็ดังขึ้น “ขึ้นรถเถอะ”
“อื้อ ขอบคุณนะ!” ซูฉิงนั่งข้างคนขับ ก่อนจะเอนหลังพิงเบาะ
คืนนี้วิ่งวุ่นกันจนเธอรู้สึกเหนื่อย ตอนนี้คิดแค่อยากกลับไปพักสักหน่อย
“นายส่งฉันกลับแล้วกันนะ” ซูฉิงหันมองฮ่อหยุนเฉิง
ฮ่อหยุนเฉิงหัวเราะเบาๆ “เธออยากกลับไปที่ไหน? ฉันให้คนไปย้ายของของเธอไปที่เมืองใหม่สุ่ยเยว่แล้วล่ะ”
“เอ๋?” ซูฉิงรู้สึกประหลาดใจ ก่อนจะจ้องไปที่เขา “ใครให้นายมายุ่งของของฉันกัน?”
ผู้ชายคนนี้นี่ทำก่อนค่อยรายงานทีหลังสินะ
“เธอคือภรรยาฉันนะ แน่นอนก็ต้องอยู่กับฉันน่ะสิ” ฮ่อหยุนเฉิงทำท่าต้องเป็นอย่างนั้นแน่นอน
เพื่อโน้มน้าวให้ถังรั่วอิงรู้ว่าทั้งสองคนเลิกรา ฮ่อหยุนเฉิงถึงได้ให้ซูฉิงย้ายออกไปอยู่ข้างนอก
ตอนนี้เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยและคลี่คลายแล้ว แน่นอนว่าเขาก็ต้องย้ายของของซูฉิงกลับน่ะสิ
ฮ่อหยุนเฉิงไปอยากแยกจากผู้หญิงที่ตนรักแม่เพียงนิดเดียว
ซูฉิงหมดคำพูด: …
ฮ่อหยุนเฉิงขับรถพาซูฉิงกลับไปที่เมืองใหม่สุ่ยเยว่ ทันทีที่ถึงบ้าน แม่หวางก็เข้ามาทักทายอย่างมีความสุข “คุณซู กลับมาแล้วเหรอคะ?”
“แม่หวาง” เมื่อเผชิญกับความเป็นห่วงของแม่หวาง รอยยิ้มจางๆ ก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของซูฉิง
แม่หวางใจดีกับเธอมาตลอด ราวกับเป็นคนในครอบครัว
ซูฉิงกลับไปที่ห้องของเธอ และฮ่อหยุนเฉิงก็เอาของของเธอย้ายกลับมาหมดแล้ว
เธอจัดของอีกเล็กน้อยก่อนจะไปอาบน้ำ และคิดจะพักผ่อนเร็วหน่อยขึ้น
หลังจากอาบน้ำเสร็จ ซูฉิงก็เปิดประตูเดินเข้าไปในห้อง ทว่ากลับเห็นร่างเปล่งประกายของฮ่อหยุนเฉิงนั่งอยู่บนเตียงของเธอ
“นายทำอะไรน่ะ?” ซูฉิงเดินไปอย่างไม่สบอารมณ์เพื่อจะดึงเขาขึ้น “รีบหลีกไปเลย กลับห้องตัวเองไปเลยนะ!”
แต่ฮ่อหยุนเฉิงกลับเหมือนกำแพงที่หนักมาก ไม่ว่าซูฉิงจะพยายามดึงเขาแค่ไหนก็ขยับตัวเขาไม่ได้เลย
ไม่เพียงแต่ไม่สามารถดึงได้ มือใหญ่ของฮ่อหยุนเฉิงเพียงออกแรงเล็กน้อย ซูฉิงก็ตกเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนของเขาแล้ว
ฮ่อหยุนเฉิงสวมชุดนอนสีขาว ปลดกระดุมสองเม็ดบน แผ่นอกแข็งแรงจนหน้าผากซูฉิงที่ชนเข้ารู้สึกเจ็บเล็กน้อย
“ซี้ด~” ซูฉิงรู้สึกเจ็บหน้าผากจนส่งเสียงออกมา ก่อนจะรีบดันฮ่อหยุนเฉิงและพยายามจะลุกขึ้น
แต่วินาทีต่อมาก็รู้สึกเจ็บหนังศีรษะ
ผมของเธอพันเข้ากับกระดุมบนหน้าอกของฮ่อหยุนเฉิง
ให้ตาย จะโชคร้ายอะไรขนาดนี้เนี่ย…
“ช่วยฉันเร็วเข้าสิ ผมฉันพันกับกระดุมนายนะ” ซูฉิงที่ทำอะไรไม่ได้จึงเอ่ยให้ฮ่อหยุนเฉิงช่วย
ฮ่อหยุนเฉิงหัวเราะเบาๆ “ทำเองสิ”
ซูฉิงหมดคำพูด: …
ผู้ชายคนนี้จงใจแน่ ทำเองก็ได้!
สองมือเธอจงใจแตะแผ่นอกของฮ่อหยุนเฉิง ก่อนจะลากปลายนิ้วเลื่อนผ่านแผ่นอกเขาและลูบเบาๆ
ลมหายใจของฮ่อหยุนเฉิงขาดห้วง
ผู้หญิงคนนี้นี่ มือเล็กอ่อนนุ่มถูไถไปมาตรงหน้าอกเขา นี่กำลังจุดไฟกันนี่!
“อย่าขยับมั่วสิ!” ฮ่อหยุนเฉิงยื่นมือใหญ่ออกแล้วกดมือของซูฉิง
จากนั้นก็พลิกตัวคร่อมเธอ “กล้ายั่ว รู้ผลที่จะตามมาใช่ไหม? หืม?”
เสียงน่าดึงดูดตวัดถามดูหยอกเย้า
ซูฉิงยังไม่ทันได้ตอบสนอง ริมฝีปากของเขาก็กดจูบริมฝีปากสีแดงของเธอ
หลายวันที่ไม่ได้ลิ้มรสความหวานจากริมฝีปากสีแดงของเธอ จนการหายใจของฮ่อหยุนเฉิงมั่วไปหมด
มือของเขาล็อคศีรษะของอีกคนไว้ ก่อนจะกดจูบให้แนบแน่นขึ้น
ริมฝีปากของเธอนุ่มหวานราวกับเยลลี่ที่เย้ายวน หอมหวานและอร่อย จนทำให้เขาต้องการมากกว่านี้
ลิ้นหนางัดริมฝีปากซูฉิงให้เปิดออก ก่อนจะสอดแทรกรุกล้ำไม่หยุด
ใบหน้าของซูฉิงเริ่มร้อนขึ้น
ในใจก็รู้สึกเสียใจ
ถ้ารู้ว่าเป็นแบบนี้ เมื่อกี้ไปแตะต้องเขามั่วซั่วก็น่าจะดี
อุณหภูมิห้องสูงขึ้นเรื่อยๆ…
เมื่อซูฉิงรู้สึกว่าวันนี้กำลังจะจบเห่ โทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้น
“ฉัน…รับโทรศัพท์ก่อน” ซูฉิงเปิดปากพูด
ฮ่อหยุนเฉิงไม่พอใจมาก “ไม่ต้องไปสนใจ”
“อาจมีเรื่องสำคัญก็ได้” ซูฉิงพยายามผลักฮ่อหยุนเฉิงออกไป
เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู เป็นเฉินจุนเหยียนที่โทรมา
“เฉินจุนเหยียนโทรหาเธอทำไม?” หลังจากที่ฮ่อหยุนเฉิงเห็นคำว่าเฉินจุนเหยียน ใบหน้าก็นิ่งขึ้น
เห็นเขาเป็นแบบนี้ ซูฉิงก็รู้ว่าชายคนนี้หึงอีกแล้ว ช่างใจแคบเสียจริง
เธอกลอกตาฮ่อหยุนเฉิงและถามว่า “ฉันจะไปรู้ได้ไงล่ะ?”
พูดจบ ซูฉิงก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา “เฉินจุนเหยียน มีอะไรหรือเปล่า?”
ปลายสายกลับเป็นเสียงของผู้ช่วยเฉินจุนเหยียน ที่มาพร้อมกับเสียงกังวล “คุณซูครับ คุณเฉินประสบอุบัติเหตุครับ”
“อะไรนะ?” ซูฉิงตกใจและถามอย่างรวดเร็ว “เกิดอะไรขึ้นกับเฉินจุนเหยียนน่ะ? เกิดอะไรขึ้น?”
ที่พิธีหมั้นของฮ่อหยุนเฉิงเมื่อกี้ เธอยังเห็นเขาสบายดีอยู่เลย ทำไมจู่ๆ ถึงเกิดเรื่องขึ้นได้?
ผู้ช่วยพูดจากปลายสายว่า “หลังจากที่คุณเฉินกลับมาคืนนี้ เขาก็จะไปที่สตูดิโอเพื่อเริ่มทำงานตามตารางงาน ใครจะไปรู้ว่าตอนเขาทำงานหนักเกินไป แผลก็เปิดออก ตอนนี้กำลังไปโรงพยาบาลครับ”
“เป็นไปได้ยังไง?” ซูฉิงหน้านิ่วคิ้วขมวด
เฉินจุนเหยียนทำอะไรของเขากัน?
ดึกขนาดนี้แล้ว ร่างกายก็ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ ยังจะรีบไปถ่ายหนัง อยากตายหรือไง?
“เขาอยู่ที่โรงพยาบาลไหน? ฉันจะไปหาเขาเดี๋ยวนี้” ซูฉิงพูดก่อนจะเม้มปากา ในใจก็เกิดกังวล “เขาไม่ได้เป็นไรมากใช่ไหม?”
“ที่โรงพยาบาลเหรินหมินครับ หมอกำลังตรวจเขาอยู่” ผู้ช่วยกล่าว
“โอเค ฉันเข้าใจแล้ว จะไปเดี๋ยวนี้” ซูฉิงพูดก่อนจะวางสายไป
ทันทีที่หันศีรษะ ก็สบตาเข้ากับฮ่อหยุนเฉิงที่จ้องมา “ทำไม ดึกขนาดนี้แล้ว เธอยังจะไปหาเฉินจุนเหยียนอีกเหรอ?”
น้ำเสียงของฮ่อหยุนเฉิงไม่พอใจ ก่อนจะแผ่ความเย็นยะเยือกออกมา
“ไม่อย่างนั้นล่ะ?” ซูฉิงลุกขึ้นจ้องฮ่อหยุนเฉิง “ศิลปินของฉันได้รับบาดเจ็บในที่ทำงาน ในฐานะหัวหน้าไม่ควรไปดูหน่อยเหรอ?”
ยิ่งไปกว่านั้น เฉินจุนเหยียนได้รับบาดเจ็บเพราะเคยช่วยเธอขวางปืนก่อนหน้านี้ เธอจึงไม่สามารถนั่งเพิกเฉยต่อมันได้
เมื่อเห็นซูฉิงยืนกราน ใบหน้าหล่อเหลาของฮ่อหยุนเฉิงก็นิ่ง พร้อมกับขมวดคิ้ว “ฉันจะไปส่ง”