นางสาวซูแค่อยากถอนหมั้น - ตอนที่ 415 ความรู้สึกเป็นอะไรที่ซับซ้อน
ตอนที่ 415 ความรู้สึกเป็นอะไรที่ซับซ้อน
“ใช่ค่ะ” หลิวเสี่ยวหนิงพยักหน้า ก่อนใบหน้าจะเปลี่ยนเป็นสีแดงเล็กน้อย
จริงๆ แล้วเธอกำลังเตรียมตัวเข้านอน กลับได้รับสายจากผู้จัดการว่าเฉินจุนเหยียนได้รับบาดเจ็บระหว่างการถ่ายทำตอนกลางคืน พรุ่งนี้อาจไปสตูดิโอไม่ได้ ให้เธอเปลี่ยนไปเข้าฉากกับคนอื่นก่อน
หลิวเสี่ยวหนิงกังวลขึ้นทันที “ผู้อาวุโสเฉินเขาไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะ?”
เสียงของผู้จัดการดังจากปลายสาย “ฉันเองก็ไม่รู้ แต่คงไม่เป็นอะไรมากหรอกมั้ง?”
“โอเค ฉันเข้าใจแล้วค่ะ”
หลิวเสี่ยวหนิงวางสาย ในใจก็เป็นห่วงเฉินจุนเหยียนมาก
ดึกขนาดนี้แล้วทำไมเขาถึงยังไปที่กองถ่าย แถมยังได้รับบาดเจ็บจนไปโรงพยาบาลอีก?
ใบหน้าหล่อเหลาของเฉินจุนเหยียนเต็มไปด้วยความเศร้าหมอง หลิวเสี่ยวหนิงที่ทนไม่ไหวจึงไปที่โรงพยาบาลเพราะอยากไปเยี่ยมเฉินจุนเหยียน
ตอนที่เดินไปถึงทางเดิน ก็เจอเข้ากับซูฉิงและฮ่อหยุนเฉิง
“รีบไปเยี่ยมเขาเถอะ เราจะกลับกันแล้วล่ะ” ซูฉิงยิ้มก่อนจะลากฮ่อหยุนเฉิงออกไป
เธอเหลือบมองฮ่อหยุนเฉิงที่อยู่ด้านข้าง “นายคิดว่าหลิวเสี่ยวหนิงกับเฉินจุนเหยียนเหมาะกันไหม?”
“หือ?” ฮ่อหยุนเฉิงกระตุกริมฝีปาก
ซูฉิงพูดอย่างครุ่นคิด “ดูเหมือนว่าหลิวเสี่ยวหนิงจะเป็นห่วงเฉินจุนเหยียนมากนะ”
“แล้วทำไมล่ะ?” ฮ่อหยุนเฉิงถาม
ซูฉิงตอบ “นายคิดสิ ตอนนี้ก็ดึกขนาดนี้แล้ว หลิวเสี่ยวหนิงยังมาเยี่ยมเฉินจุนเหยียนอีก ไม่ได้หมายความว่าเธอสนใจเฉินจุนเหยียนมากงั้นเหรอ?”
“จริงเหรอ?” ฮ่อหยุนเฉิงถามกลับอย่างไม่พอใจ “แล้วเธอมาเยี่ยมเฉินจุนเหยียนทั้งที่ดึกมากขนาดนี้ ไม่ได้เป็นการบอกว่าเธอก็ห่วงเฉินจุนเหยียนหรือไง?”
ซูฉิง: …
ผู้ชายใจแคบคนนี้นี่ คุยกันดีๆ ไม่ได้ใช่ไหม?
“ฉันจะไปเหมือนได้ไง? ไม่ว่ายังไง ฉันก็เป็นเจ้านายเฉินจุนเหยียนนะ ฉันแค่ห่วงใยพนักงาน ไม่เหมือนกับที่หลิวเสี่ยวหนิงเป็นห่วงหรอก” ซูฉิงพูดอย่างโกรธเคือง
ฮ่อหยุนเฉิงยิ้มและพูดเสียงเบา “หยอกเล่นน่า ยังไงใจเธอห็เป็นห่วงฉันได้แค่คนเดียวเท่านั้น”
ซูฉิงขดมุมปาก ชายคนนี้ไม่ใช่แค่ใจแคบ แต่ยังเป็นเจ้าข้าวเข้าของอีกด้วย
แต่ว่าหลิวเสี่ยวหนิงผู้หญิงคนนี้ เธอก็ค่อนข้างชอบอยู่นะ
หน้าตาสวย ขยัน อดทน ตั้งใจเรียนรู้อีกต่างหาก
ถ้าคบกับเฉินจุนเหยียนได้จริงๆ ทั้งสองคนคงเข้ากันได้ดีมาก
หลิวเสี่ยวหนิงเคาะประตูห้อง “ผู้อาวุโสเฉินคะ พี่พักอยู่หรือเปล่าคะ? ฉันเข้าไปได้ไหมคะ?”
“เข้ามาได้ครับ” เสียงทุ้มของเฉินจุนเหยียนดังขึ้น
หลิวเสี่ยวหนิงเปิดประตูเข้าไป
เห็นเฉินจุนเหยียนนอนอยู่บนเตียงด้วยอารมณ์หดหู่ สีหน้าก็ดูไม่ดีด้วย
หัวใจของหลิวเสี่ยวหนิงก็วูบขึ้น “ผู้อาวุโสเฉิน พี่ไม่เป็นไรใช่ไหมคะ?”
เฉินจุนเหยียนส่ายหัว “ฉันไม่เป็นไร เธอมาได้ยังไงน่ะ?”
หลิวเสี่ยวหนิงเม้มริมฝีปาก ดวงตาเต็มไปด้วยความกังวล “ผู้อาวุโสเฉิน ฉันได้ยินมาว่าได้รับบาดเจ็บ ฉันเลยมาเยี่ยมน่ะค่ะ”
“โอ้ ไม่มีอะไรหรอก แค่บาดเจ็บนิดหน่อยน่ะ” เฉินจุนเหยียนยิ้ม “เธอมาคนเดียวเหรอ?”
“ใช่แล้วค่ะ” หลิวเสี่ยวหนิงพยักหน้า
“ดึกมากขนาดนี้แล้ว ผู้หญิงออกมาคนเดียวไม่ปลอดภัยนะ” เฉินจุนเหยียนพูดด้วยความกังวล
หลิวเสี่ยวหนิงยกยิ้ม “ไม่มีอะไรไม่ปลอดภัยหรอกค่ะ ผู้อาวุโสเฉิน เห็นว่าไม่เป็นอะไรแล้วฉันก็โล่งใจ”
หลังจากหยุดไปครู่หนึ่ง เธอก็พูดอีกครั้ง “จริงสิ เมื่อกี้ฉันเห็นพี่ซูฉิงด้วยค่ะ เธอกับประธานฮ่อก็มาเยี่ยมพี่เหรอคะ?”
เมื่อได้ยินคำพูดของหลิวเสี่ยวหนิง ดวงตาของเฉินจุนเหยียนก็หรี่ลงเล็กน้อย
ภาพของฮ่อหยุนเฉิงและซูฉิงที่อยู่ด้วยกันนั้นยังฉายอยู่ในหัวเขาไม่หยุดเลย
เขามันไร้อำนาจมาก ผู้หญิงที่เขารัก กลับไม่ได้รักเขา
เมื่อเห็นท่าทางของเฉินจุนเหยียน หลิวเสี่ยวหนิงเองก็เศร้ามากเช่นกัน
เธอเข้าใจความรู้สึกของเฉินจุนเหยียน
อันที่จริง ทำไมเธอจะไปเหมือนกันล่ะ?
เธอชอบเฉินจุนเหยียน แต่เขากลับชอบซูฉิง
ความรู้สึกของมนุษย์ช่างซับซ้อนจริงๆ
ทั้งสองเงียบ จนบรรยากาศเริ่มอึดอัดเล็กน้อย
“ถ้างั้น ผู้อาวุโสเฉิน ฉันขอตัวกลับก่อนนะคะ พักผ่อนเยอะๆ นะคะ” ในที่สุดหลิวเสี่ยวหนิงก็พูดขึ้นก่อน
เมื่อเห็นแผ่นหลังหลิวเสี่ยวหนิงจากไป เฉินจุนเหยียนก็เรียกเธอไว้ “เสี่ยวหนิง”
หลิวเสี่ยวหนิงชะงักฝีเท้าและหันกลับมา “ผู้อาวุโสเฉินมีอะไรหรือเปล่าคะ?”
“พรุ่งนี้ฉันจะไปที่สตูดิโอ ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนฉากของเรานะ” เฉินจุนเหยียนพูดอย่างเคร่งขรึม
“แต่อาการบาดเจ็บของพี่…” หลิวเสี่ยวหนิงกังวลมาก
“ฉันไม่เป็นไร” เฉินจุนเหยียนยืนกราน
เช้าวันรุ่งขึ้น ซูฉิงมาโรงพยาบาลอีกครั้ง
คราวนี้เธอไปเยี่ยมหลินหนาน
ช่วงนี้ยวี๋น่าคอยเฝ้าหลินหนานอยู่ตลอด
ซูฉิงเคาะประตูห้อง “น่าน่า อยู่หรือเปล่า?”
ยวี๋น่าเปิดประตู ดวงตาของเธอแดงก่ำ “ซูฉิง เธอมาแล้วเหรอ”
ซูฉิงเดินเข้าไปและเหลือบมองไปที่หลินหนานที่ยังไม่ได้สติอยู่บนเตียง “หลินหนานเป็นไงบ้าง?”
ยวี๋น่าน้ำตาไหล “ก็ยังเหมือนเดิม ยังไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลย”
“ขอฉันดูหน่อยนะ” ซูฉิงขมวดคิ้วและเอนตัวไปจับชีพจรหลินหนาน
ยวี๋น่าถามอย่างประหม่า “ซูฉิงเขาเป็นไงบ้าง เมื่อไรจะฟื้นเหรอ?”
“อาการบาดเจ็บของเขาสาหัสมาก” ซูฉิงครุ่นคิด “โดยเฉพาะสมองที่ถูกตีอย่างรุนแรงเลยโคม่า”
“หมอก็พูดแบบนี้” ยวี๋น่าพยักหน้า น้ำเสียงเต็มไปด้วยความกังวล “แล้วฉันควรทำยังไงดี? ให้คุณอาฉีมาดูหลินหนานได้ไหม? คุณอาฉีน่าจะมีวิธีรักษาใช่ไหม?”
ซูฉิงถอนหายใจ “ฉันติดต่อคุณอาฉีแล้ว เขากำลังมา”
“ดีเลย แค่คุณอาฉีมา หลินหนานก็รอดแล้วล่ะ” ยวี๋น่าถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ซูฉิงตบไหล่ยวี๋น่า “น่าน่า อย่ากังวลมากนักเลยนะ”
“จะไม่ให้กังวลได้ไง? ถ้าไม่ใช่เพราะฉัน…หลินหนานคงไม่เป็นอย่างนี้” ยวี๋น่าโทษตัวเอง
ซูฉิงปลอบโยน “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเธอ ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้เธอก็ตั้งท้องอยู่ ต้องพักให้เยอะนะ”
“ฉันอยากอยู่กับหลินหนานมากกว่านี้” ยวี๋น่ามองลงไปที่ชายที่หมดสติอยู่บนเตียง ด้วยจิตใจที่ซับซ้อน
เธอถือว่าหลินหนานเป็นน้องชายของเธอมาโดยตลอด และไม่เคยคิดเลยว่าเธอจะมีอะไรกับเขา
แต่ครั้งนั้นพวกเขาเมาทั้งคู่ จนเกือดเรื่องผิดๆ และมีลูก
ตอนนี้หลินหนานเป็นเช่นนี้ เธอเสียใจมากจริงๆ
ถ้าไม่ใช่เพราะเธอยืนกรานที่จะทำแท้งเด็ก หลินหนานก็คงไม่สติหลุกจนประสบอุบัติเหตุและโคม่าอยู่แบบนี้
ซูฉิงที่กำลังกล่อมให้ยวี๋น่ากลับบ้านไปพัก ประตูห้องก็เปิดออก และพ่อหลินแม่หลินก็เดินเข้ามา
ทันทีที่เห็นยวี๋น่า สีหน้าของแม่หลินก็เปลี่ยนไป “ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่?”
“คุณน้าคะ ฉันอยากอยู่กับหลินหนานมากกว่านี้น่ะค่ะ” ยวี๋น่าเม้มริมฝีปาก ใบหน้าเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า
แม่หลินจ้องไปที่เธอด้วยความโกรธ “เธอมันตัวซวย เธอคิดจะฆ่าลูกชายของฉันใช่ไหม?”