นางสาวซูแค่อยากถอนหมั้น - ตอนที่ 437 อึดอัด
นางสาวซูแค่อยากถอนหมั้น ตอนที่ 437 อึดอัด
ระหว่างเดินทางกลับบ้านจากวิลล่าของเดอโกล ซูฉิงนั่งอยู่ในรถด้วยความอึดอัดใจ ฮ่อหยุนเฉิงอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองเธออยู่หลายครั้งขณะขับรถ และถามด้วยความเป็นห่วง “เธอเป็นอะไรหรือเปล่า? ทำไมหลังจากที่มิเชลกลับมาเธอก็แปลกๆ ไป มีเรื่องอะไรหรือเปล่า?”
“กลับไปค่อยคุยแล้วกัน” ซูฉิงส่ายหัว เธอแค่รู้สึกไม่สบายใจ แต่เธอก็รู้ว่าเธอไม่ควรโกรธตอนนี้
หลังจากกลับมาถึงบ้าน ซูฉิงและฮ่อหยุนเฉิงก็ถอดเสื้อโค้ตออกวางบนราว ซูฉิงเดินไปนั่งที่โซฟาและจิบน้ำ
ฮ่อหยุนเฉิงมองท่าทางของเธอ และเดินมาหยุดอยู่ข้างเธอ จับไหล่ของเธออย่างเป็นธรรมชาติ แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “เอาล่ะ ตอนนี้เธอก็บอกฉันได้แล้วนะว่ามีเรื่องอะไรไม่สบายใจ?”
“ฉันคิดว่า…” ซูฉิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็วางแก้วน้ำบนโต๊ะ และมองเข้าไปที่ดวงตาของฮ่อหยุนเฉิง “ฉันคิดว่ามิเชลชอบนาย”
“หืม?”
ฮ่อหยุนเฉิงเปล่งเสียงออกมาด้วยความสงสัยโดยไม่รู้ตัว เขาไม่รู้เลยว่าทำไมจู่ๆ ซูฉิงถึงพูดแบบนี้ และเขาก็ไม่คิดว่ามิเชลมีอะไรผิดปกติเลย…
หรือกล่าวอีกนัยหนึ่ง เขาไม่ได้ให้ความสนใจมิเชลเลย
“ทำไมเธอถึงชอบฉันล่ะ?”
ซูฉิงชะงักไปครู่หนึ่ง เธอคิดไม่ถึงว่าผู้ชายจะถามคำถามนี้ แต่เธอยังจำสายตาของมิเชลเมื่อกี้ได้อย่างชัดเจน เซ้นท์ของผู้หญิงมันแรงอยู่แล้ว
“นายไม่เห็นสายตาของเธอผิดปกติไปหลังจากที่ฉันบอกว่านายเป็นคู่หมั้นของฉันเหรอ? นายบอกฉันมาตามตรง นายชอบเธอไหม?”
ซูฉิงที่นิ่งมาโดยตลอด ต่อหน้าฮ่อหยุนเฉิงเธอจะแสดงด้านความเป็นเด็กเช่นนี้น้อยมาก ฮ่อหยุนเฉิงตกตะลึงไปครู่หนึ่ง และเขาก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความอ่อนโยน
“เธอคิดอะไรอยู่เนี่ย” เขาพูดเบาๆ และลูบปลายจมูกของซูฉิงอีกครั้ง
“ในสายตาฉันมีแค่เธอคนเดียวมาตลอด จะเอาเวลาไหนไปมองผู้หญิงคนอื่นล่ะ ก็ใช่ว่าเธอจะไม่รู้ วันนี้ฉันเพิ่งเจอเธอครั้งแรก ได้คุยกันแค่ไม่กี่คำเท่านั้น เธอก็ได้ยิน”
ซูฉิงดิ้นออกจากอ้อมแขนของฮ่อหยุนเฉิง นั่งตัวตรงและเหลือบมองเขาอีกครั้ง ดูเหมือนเธอจะงอน แต่เธอก็เข้าใจว่าฮ่อหยุนเฉิงกำลังพูดถึงอะไร มันเป็นคำพูดที่หวานราวกับน้ำผึ้ง
“โอเค ฉันเชื่อใจนาย แต่ฉันบอกนายเลยนะว่า เรายังต้องอยู่ในฝรั่งเศสอีกสักพัก นายจะไปหาเธอลับหลังฉันไม่ได้นะ เข้าใจไหม?”
ฮ่อหยุนเฉิงหัวเราะ ส่ายหัวไปด้วยหัวเราะไปด้วย ยกมือสองข้างขึ้นแล้วพูดว่า “ฉันยอมรับเลยจริงๆ ว่าในใจฉันมีเธอแค่คนเดียว ตอนนี้ฉันยังจำหน้าตาของมิเชลไม่ได้เลย เอาล่ะๆๆ ฉันสัญญา ฉันจะไม่ติดต่อกับเธอเด็ดขาด โอเคไหม?”
ในที่สุดซูฉิงก็ยิ้มออกมาเมื่อถูกเขาแกล้ง ทั้งสองคนหยอกล้อกันไปมา และวันนั้นก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว
แปดโมงเช้าของวันรุ่งขึ้น ซูฉิงตื่นขึ้นและแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว ดูเหมือนว่าเธอกำลังจะออกไปข้างนอก ฮ่อหยุนเฉิงประหลาดใจมากที่เห็นซูฉิงในห้องนั่งเล่นเมื่อเขาเดินออกจากห้องนอน
“ทำไมวันนี้เธอตื่นเช้าจัง ไม่นอนต่อเหรอ?”
“ไม่ล่ะ” ซูฉิงส่ายหัว ล็อกหน้าจอโทรศัพท์ และยักไหล่กับฮ่อหยุนเฉิง “ฉันนึกขึ้นมาได้ว่าไม่ได้ไปที่สตูดิโอออกแบบที่ฉันกับยวี๋น่าเปิดด้วยกันนานแล้ว ก่อนหน้านี้ฉันเคยส่งอีเมลให้ผู้ช่วยของน่าน่ามาดูแลมัน แต่ไม่รู้ว่าตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง ที่นั่นมีการออกแบบและวัสดุระดับมืออาชีพ ฉันจะได้ไปดูด้วยว่าการออกแบบของฉันมีอะไรที่ต้องปรับปรุงไหม นายอยู่บ้านรอฉันกลับมานะ”
ฮ่อหยุนเฉิงพยักหน้า
เมื่อซูฉิงมาถึงลีโอสตูดิโอ เธอก็รู้สึกอ่อนไหวเล็กน้อย เมื่อก่อนนี้ยวี๋น่าเปิดมันเพราะเธอ และก็ใช้ชื่อในวงการการออกแบบของเธอ ต่อมาหลังจากที่ยวี๋น่ามาถึงเมือง A ที่แห่งนี้ก็ถูกส่งต่อให้คนอื่นดูแลชั่วคราว
[ไม่รู้ว่ายังเหมือนเมื่อก่อนหรือเปล่า…]
ซูฉิงเดินเข้าไปอย่างรวดเร็ว ขึ้นลิฟต์ไปยังสำนักงานใหญ่ของแผนกออกแบบ เธอก็เคาะประตูอย่างสุภาพ
เมื่อได้ยินเสียงเคาะประตู เด็กสาวผมบลอนด์ชาวฝรั่งเศสที่กำลังวาดรูปที่โต๊ะทางซ้ายหันมามอง เมื่อเห็นว่าเป็นซูฉิง เธอก็เผยยิ้มออกมา และรีบวิ่งไปกอดซูฉิง
“ซูฉิง ในที่สุดเธอก็กลับมา คิดถึงเธอมากเลย!”
หญิงสาวมีกระเล็กๆ บนใบหน้า ดวงตาของเธอโค้งเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยวเมื่อยิ้ม ซึ่งเป็นที่ชื่นชอบมาก
ซูฉิงก็ยิ้มอย่างมีความสุข กอดตอบหญิงสาว และตบหลังเธอเบาๆ แล้วพูดว่า “ฉันก็กลับมาแล้วนี่ไง คามิลผ่านไปตั้งนานแล้วทำไมเธอยังเหมือนเด็กอยู่เลย จะให้ฉันมั่นใจได้ยังไงว่าเธอจะดูแลสตูดิโอออกแบบได้น่ะ”
หญิงสาวที่ชื่อคามิลเป็นผู้ดูแลสตูดิโอชั่วคราวหลังจากที่ยวี่๋กลับไปที่ประเทศจีน ผู้ช่วยของเธอมีเซ้นท์ด้านการออกแบบ และประสบความสำเร็จมาก
เมื่อได้ยินซูฉิงพูดเช่นนี้ คามิลก็ขมวดคิ้ว ทำท่าราวกับไม่พอใจ “เปล่าซะหน่อย หลังจากที่เธอกับยวี๋น่าจากไป ฉันก็เป็นคนรับดูแลสตูดิโอออกแบบนี้ตลอด ก่อนหน้านีี้ฉันก็รับดีไซน์เนอร์เก่งๆ มาสองคนแน่ะ! แล้วเธอกลับมาเมื่อไหร่เนี่ย คราวนี้ไม่กลับไปแล้วใช่ไหม?”
เมื่อคามิลมีความสุข เธอจะพูดไม่หยุด พูดเจื้อยแจ้วเหมือนกระจอกน้อย ซูฉิงสนิทกับเธอมาก และเธอก็ชอบผู้หญิงคนนี้มาก ตอนนี้เธอยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่อยู่ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรมาก
ซูฉิงเดินตามคามิลเข้าไป และนั่งลงบนเก้าอี้ข้างโต๊ะทำงานของเธอ และพูดกับคามิลว่า “ฉันกลับมาครั้งนี้เพื่อเข้าร่วมการแข่งขันการออกแบบแฟชั่น คิดว่าห่างหายไปนานก็เลยกลับมาดูสักหน่อย เข้าแข่งขันเสร็จก็จะกลับไปประเทศจีน ทางนี้ก็ต้องรบกวนเธอด้วยนะ”
“อ่า…” คามิลก้มหน้าลง ท่าทางไม่ยินดีเท่าไหร่นัก “ทำไมกลับเร็วจัง ฉันคิดว่าครั้งนี้เธอจะกลับมาทำงานที่สตูดิโอออกแบบต่อ หลังจากที่เธอกับยวี๋น่าไป ฉันกับพวกซันนี่ก็คิดถึงเธอมาก”
“ฉันก็คิดถึงพวกเธอเหมือนกัน… แต่จะว่าไปแล้วเธอก็เปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนจริงๆ” ซูฉิงมองไปที่คามิลด้วยสีหน้าชื่นชม
คามิลหัวเราะและตบหน้าอกของเธอเพื่อแกล้งทำเป็นจริงจัง “นี่เรียกว่า… เอ่อ สามวันเป็นอื่น ต้องเปลี่ยนมุมมองใหม่แล้วล่ะ”
แต่มีคำกล่าวโบราณในจีนว่าพูดถึงโจโฉโจโฉก็มา เพื่อนที่เคยร่วมงานกันที่ทั้งสองกำลังพูดถึงเพิ่งกลับมาจากข้างนอก เมื่อพวกเขาเห็นซูฉิง ต่างก็ประหลาดใจมาก ต่างก็เข้ามาล้อมและพูดคุยสัพเพเหระกัน ส่วนมากก็ถามซูฉิงว่าตอนนี้เธอเป็นอย่างไร อาศัยอยู่ที่ไหน และเธอวางแผนจะกลับมาเมื่อไหร่
ซูฉิงก็ตอบทีละคำถามอย่างอดทน คามิลนึกถึงสิ่งที่ซูฉิงพูดเกี่ยวกับการแข่งขันการออกแบบได้ เธอจึงถามขึ้นมาอีกครั้ง “อ้อใช่ เธอบอกว่ากลับมาเพื่อเข้าร่วมการแข่งขันการออกแบบไม่ใช่เหรอ? งั้นแบบและเสื้อผ้าของเธอพร้อมแล้วเหรอ?”