นางสาวซูแค่อยากถอนหมั้น - ตอนที่ 442 อดที่จะคิดไม่ได้
หลังจากผู้ช่วยตอบรับปากแล้วหลินหนานก็วางสาย กลับมานั่งเฝ้ายวี๋น่าที่นอนไม่ได้สติอยู่ พร้อมกับถอนหายใจออกมา
เขาทำให้ยวี๋น่าที่ต้องลำบากมากขนาดนี้ ต่อไปเขาจะต้องชดใช้ให้เธอเป็นเท่าตัว
ผู้ช่วยที่ทำงานได้รวดเร็วมาก อีกหนึ่งชั่วโมงต่อมา หลินหนานก็เห็นเวยป๋อออฟฟิเชียล และก็เวยป๋อของตัวเองมีการประกาศว่า:”ก่อนหน้านี้ที่ผมเกิดอุบัติเหตุเป็นเพราะความสะเพร่าของผม ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคนที่อยู่ข้างๆ หรือคนอื่น หวังว่าคนที่รักผมจะเข้าใจ มีความสุขกับการใช้ชีวิต ให้ดูแลตัวเองก่อน ค่อยเป็นห่วงคนอื่น”
แม้คำพูดนี้จะดูแข็งกร้าว แต่ตอนนี้หลินหนานไม่สนใจอะไรทั้งนั้น เขาจะไม่ยอมให้คนมาทำร้ายคนที่ใกล้ชิดเขามากที่สุดได้
เพียงไม่นานเพียงแค่ครึ่งชั่วโมงข้อความในเวยป๋อนั้นก็มีคอมเมนท์มากกว่าสองพันคอมเมนท์ ล้วนเป็นของแฟนคลับ แต่ว่าล้วนเป็นคอมเมนท์ที่เข้าใจและยังบอกให้แฟนคลับคนอื่นอย่าได้เข้าไปยุ่งกับเรื่องส่วนตัวของหลินหนาน สำหรับยวี๋น่าแล้ว ตอนนี้พวกเขาก็รับได้ และรออวยพรให้
เพราะเธอท้องแล้ว
ประมาณสามสี่โมงเย็น ยวี๋น่าก็ได้ฟื้นแล้ว หลินหนานเห็นเธอลืมตาขึ้น ก็ยิ้มดีใจออกมา และก็โล่งใจลงไปไม่น้อย เขาจับมือยวี๋น่าแน่ แล้วถามอย่างเป็นห่วง:”น่าน่า ในที่สุดพี่ก็ฟื้นแล้ว เป็นยังไงบ้าง รู้สึกไม่สบายตรงไหนมั้ย”
ความทรงจำของยวี่น่าก็ค่อยๆ ผุดขึ้นมา และหลังจากที่เธอนึกเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว มือก็วางที่หน้าท้อง อาจจะเป็นเพราะสัญชาตญาณของความเป็นแม่ เลยนึกถึงลูก
“ลูก……ลูกเป็นอะไรมั้ย”
หลินหนานยิ้ม นั่งอยู่ข้างๆ แล้วพูดปลอบ :”พี่วางใจเถอะ ลูกไม่เป็นไร น่าน่า ครั้งนี้ผมผิดเองที่ไม่ดูแลพี่ให้ดี ไม่ได้มาอยู่เคียงข้างพี่ได้ทันเวลา พี่วางใจเถอะผมได้ให้ผู้ช่วยประกาศแล้ว เหมือนอย่างเรื่องวันนี้ ต่อไปจะไม่เกิดขึ้นอีกแล้ว”
ยวี๋น่าได้ยินอย่างนั้นก็รู้สึกประทับใจ เธอก็รู้ว่าเรื่องของวันนี้ไม่ควรจะโทษหลินหนาน เพราะเขาเป็นดารา ไม่สามารถที่จะควบคุมดูแลแฟนคลับครบทุกคน แต่เขาทำเพื่อเธออย่างนี้ ยวี๋น่าก็รู้สึกซึ้งใจแล้ว
“ไม่เป็นไร….ที่จริงแล้วนายไม่ต้องทำเพื่อฉันอย่างนี้ก็ไดั พวกเธอก็แค่เป็นห่วงนาย ฉันไม่เป็นไร ……จริงๆ”ยวี๋น่ายิ้มออกมา และยังจะพูดปลอบหลินหนาน
หลินหนานจับมือเธอแน่น “แม้พวกเขาแม้จะชอบผมมากแค่ไหน ก็ไม่ควรทำร้ายคนใกล้ชิดผม คนที่ผมรัก และก็ไม่ควรทำร้ายพี่”
คำพูดนี้พูดออกมาจากใจ ยวี๋น่าก็ยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว แล้วก็โผเข้าโอบกอดเข้าที่เอวของหลินหนาน หน้าซบที่อกของเขา
……….
เผลอแป๊บเดียว การถ่ายละคร《พ่าหวังเปี๋ยจี》ก็ใกล้จะเสร็จแล้ว ฝีมือการแสดงของเฉินจุนเหยียนกับเสี่ยวหนินก็พัฒนาไปมาก ทั้งสองแสดงเข้าขากันมาก แต่ว่าเพราะซูฉิงไปต่างประเทศ ช่วงนี้เลยไม่ได้อยู่ที่บริษัทและไม่ได้เข้ามาดูการถ่ายทำที่กองถ่าย บางครั้งเฉินจุนเหยียนเพราะคิดถึงเธอ ก็เผลอใจลอย
วันนี้เป็นการถ่ายทำหนึ่งในฉากสำคัญของไม่กี่ฉากสุดท้ายแล้ว จะต้องให้พระแขวนสลิง เฉินจุนเหยียนที่ใส่สลิงเรียบร้อยแล้ว เครื่องก็ค่อยๆ ยกขึ้นสูง จนเขาอยู่กลางอากาศ หลิวเสี่ยวหนิงมองเฉินจุนเหยียนด้วยความเป็นห่วง เวลาถ่ายฉากอย่างนี้มีอันตรายมาก เธอก็กลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเฉินจุนเหยียน
และมีบางครั้งที่ เรื่องบางเรื่องอดที่จะคิดไม่ได้
เฉินจุนเหยียนที่เพราะคิดถึงซูฉิง เลยประมาท และท่าทางไม่ถูกต้อง ทำให้สลิงร่วงหล่นลงมา คนอื่นยังไม่ทันตั้งตัว แต่หลินเสี่ยวหนิงก็วิ่งเข้าไป ตะโกน”รุ่นพี่!”
และในตอนนี้เองผู้กำกับก็รีบเรียกคนให้เอาเสื่อรองวิ่งเข้าไป แต่ว่าก็ช้าไปแล้ว –ช่วงเวลาที่สำคัญ มีเพียงหลิวเสี่ยวหนิงยื่นมือออกไปวางที่เสื่อได้ทันเวลาและเอาครึ่งตัวของตัวเองรองรับร่างเฉินจุนเหยียนที่ร่วงลงมาจากอากาศ
เธอรู้สึกเจ็บจนหน้านิ่ว และได้ยินเสียงกระดูกหัก เฉินจุนเหยียนที่ตั้งสติได้ ก็ลงมาจากเสื่อรอง แล้วมองเธออย่างเป็นห่วงและรู้สึกผิด
หน้าของหลินเสี่ยวหนิงชุ่มไปด้วยเหงื่อ ตอนนี้รู้สึกเจ็บจนขยับไม่ได้แล้ว พนักงานรีบเข้ามาดูเธอ และหลังจากเรียกรถพยาบาลมาแล้วก็ช่วยหมอ ยกหลิวเสี่ยวหนิงหามขึ้นเปลขึ้นไปส่งโรงพยาบาลเพื่อตรวจดูอาการ เฉินจุนเหยียนก็รู้สึกเสียใจ แต่ว่าเพราะเป็นห่วงอาการบาดเจ็บของหลิวเสี่ยวหนิง เขาก็เลยไปโรงพยาบาลด้วย