นางสาวซูแค่อยากถอนหมั้น - ตอนที่ 449 ผีเห็นผี
นางสาวซูแค่อยากถอนหมั้น ตอนที่ 449 ผีเห็นผี
เขาพูดจานุ่มนวลและอธิบายให้ซูฉิงฟังอย่างดี แสดงว่าเขาไม่อยากทะเลาะแล้ว ซูฉิงที่เห็นอย่างนั้นอารมณ์ก็เย็นลง
สำหรับเธอนั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่ เธอแค่ไม่เข้าใจว่าทำไมฮ่อหยุนเฉิงที่เห็นเธอเต้นรำแล้วถึงได้โกรธมากขนาดนี้ เธอไม่ชอบให้คนมาจำกัดอิสระของเธอ
“ฉันรู้ว่านายหึง แต่นายต้องเชื่อฉันสิ อย่างน้อยก็อย่าเป็นแบบวันนี้ ฉันจะรู้สึกว่านายกำลังจำกัดอิสระของฉัน”
นี่เป็นครั้งแรกที่ซูฉิงพูดเรื่องนี้กับฮ่อหยุนเฉิง เพราะยังไงทั้งสองก็ต้องสินใจอยู่ด้วยกันแล้ว พูดออกมาคงจะดีเสียกว่า ต่อไปจะได้ไม่มานั่งขัดแย้งกันอีก
ฮ่อหยุนเฉิงตกตะลึงไปครู่หนึ่ง เขายอมรับว่าบางครั้งเขาก็แสดงความเป็นเจ้าของซูฉิง แต่เขาก็แน่ใจเช่นกันว่าสิ่งที่เรียกว่าการครอบครองนั้นมาจากความรัก
เขารู้หัวใจของเขาดี
“…ตกลง ฉันเข้าใจแล้ว” หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ฮ่อหยุนเฉิงก็พยักหน้า เขารู้ว่าข้อบกพร่องของเขาอยู่ตรงไหน เรื่องที่ทำเมื่อกี้ ที่พูดอบบนั้นไปก็เพราะหึง แต่ในเมื่อซูฉิงไม่ชอบ เขาก็สามารถแก้ไขได้
ซูฉิงยิ้มและจับมือเขาอย่างจริงใจ “ฉันรู้ว่านายไม่ชอบให้ฉันอยู่กับคนอื่น นายหึง แต่นายต้องเชื่อในตัวฉันสิ เรามาพยายามกันนะ ต่อไปฉันจะไม่ทำให้นายไม่สบายใจ โอเคไหม?”
เมื่อมองไปที่ดวงตาของซูฉิง สุดท้ายในแววตาของเขาก็ปรากฏรอยยิ้ม เขาลูบหัวซูฉิงด้วยท่าทางรักใคร่
“โอเค เข้าใจแล้ว เธอรีบกินข้าวเถอะ ไม่งั้นมันจะเย็นนะ”
ซูฉิงพยักหน้า หยิบตะเกียบและก้มหน้าก้มตากินบะหมี่ ในช่องว่างนั้น ฮ่อหยุนเฉิงเหลือบมองหน้าจอคอมพิวเตอร์ของเธอและพบว่ายังเป็นแบบร่างของการแข่งขันครั้งก่อน เขาที่สงสัยจึงเอ่ยถามซูฉิง
“ทำไมยังแก้แบบร่างของการแข่งขันตัวเองล่ะ? ไม่ใช่ว่าพร้อมแล้วรอการแข่งขันเริ่มเหรอ? เกิดอะไรขึ้นรึเปล่า?”
ซูฉิงทำสีหน้าราวกำลังจะบอกว่า ‘นี่นายยังไม่รู้อีกเหรอ’ มองฮ่อหยุนเฉิง สูดหายใจและหันไปพูดกับเขา “ช่วงนี้อู๋ชิงหร่านก็อยู่ปารีส แถมเธอยังไปลีโอสตูดิโอแล้วขอให้คามิลเรื่องจะปรับแต่งชุด สุดท้ายก็ถามถึงเรื่องการแข่งขันการออกแบบ สงสัยว่าเธอจะอยากรู้เกี่ยวกับแบบร่างของฉัน และช่วงนี้ฉันก็ตรวจสอบแล้ว เธอกับซูซานร่วมมือกันเพื่อให้ฉันเสียชื่อเสียง”
อู๋ชิงหราน?
เมื่อเขาได้ยินชื่อนี้อีกครั้ง ฮ่อหยุนเฉิงก็ขมวดคิ้ว ผู้หญิงคนนี้นี่ตายยากจริง ไม่คิดว่าจะยังไล่ตามซูฉิงขนาดนี้
เขาอดขมวดคิ้วไม่ได้ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงไม่ผ่อนคลายเท่าเมื่อกี้ “แล้วเธอคิดจะทำยังไง?”
ซูฉิงยักไหล่และโบกมือให้เขาดูหน้าจอคอมพิวเตอร์ “ในเมื่อพวกเธออยากรู้ ฉันเลยให้คามิลบอกพวกเธอ ก็แค่แก้แบบของตัวเองนิดหน่อย ไม่มีปัญหาอะไรหรอก”
“แต่ยังไง—” ซูฉิงพูดเสียงแข็งขึ้น “ครั้งนี้ฉันก็จะให้ซูซานรับผลกรรม”
สัญชาตญาณฮ่อหยุนเฉิงบอกว่าเรื่องนี้ไม่ธรรมดาแน่ ในเมื่อซูซานร่วมมือกับอู๋ชิงหร่าน ไม่แน่พวกเธอยังมีอะไรอีกแน่ เขามองไปทางซูฉิง ก่อนจะเอ่ยอกมาอย่างเป็นห่วง “ในเมื่ออู๋ชิงหร่านจู่ๆ ก็กลับมา แล้วก็ไปปารีสเพื่อหาเธออีก แสดงว่าจะประเมิณเขาต่ำไม่ได้แล้วแล้วฉันก็ได้เคยได้ยินชื่อของซูซาน เธอต้องระวังหน่อยนะ ดูแลตัวเองดีๆ”
ซูฉิงมองมาที่เขาพร้อมยิ้มเล็กน้อย และตบหลังมือของฮ่อหยุนเฉิงอย่างนุ่มนวล “ไม่ต้องห่วงนะ ฉันจะระวัง จะไม่ทำให้นายต้องกังวล เอาล่ะ เดี๋ยวฉันไปเอาน้ำก่อน—”
ขณะที่ซูฉิงยืนขึ้นและจะออกไปก็ถูกอีกคนคว้าเอวไว้ ฮ่อหยุนเฉิงวางคางบ่นไหล่ซ้ายของเธอก่อนจะพูดด้วยเสียงเบา ทั้งยังแผ่ลมร้อนไปยังใบหูอีกคนด้วย
“ซูฉิง…ฉันจริงจังนะ รอเธอทำงานนี้เสร็จ เราจะแต่งงานกันเมื่อเรากลับจีน ฉันไม่อยากรอวันมงคลอะไรนั่นแล้ว ฉันอยากแต่งงานกับเธอใจจะขาด”
แม้ว่าคำพูดของฮ่อหยุนเฉิงจะคลุมเครือ แต่ก็ยังสามารถได้ยินถึงความรักและความเสน่หาที่มีให้ซูฉิง เธอหลุบตาและหัวเราะ ตบแขนของอีกคนและพูดเสียงเบา “เอาล่ะ ปล่อยฉันก่อนนะ แน่นไปแล้ว”
ฮ่อหยุนเฉิงปล่อยมือตามคำพูด ซูฉิงหันกลับมาช่วยเขาจัดคอเสื้อ ก่อนจะมองและยิ้ม “รีบขนาดนั้นเลยเหรอ? แล้วฝั่งคุณปู่ว่าไงบ้าง? แล้วก็มีพิธีที่ต้องเตรีนมไม่ใช่เหรอ หรือว่านายเตรียมไว้พร้อมแล้ว?”
“ไม่ต้องห่วงทางฝั่งคุณปู่หรอก” ฮ่อหยุนเฉิงนึกว่าจะเป็นเรื่องอะไร แต่หลังจากได้ยินซูฉิงพูดจบ เขาก็โล่งใจก่อนจะยิ้มอย่างภาคภูมิใจ เขารู้นิสัยของท่านผู้เฒ่าฮ่อดีที่สุด
“เขาแทบอยากให้ฉันแต่งงานกับเธอแล้วพาเธอเข้าบ้านแทบไม่ไหว แล้วก็ให้เธอหนีไปไหนไม่ได้อีก ส่วนเรื่องงานแต่ง ฉันจะเตรียมทุกอย่างให้ จะทำงานหมั้นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดให้เธอแน่นอน จะทำให้ทุกคนอิจฉาเธอให้หมดเลย”
ทาทีของฮ่อหยุนเฉิงตอนนี้ต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง ตอนเขาแสร้งทำเป็นหมั้นกับถังรั่วอิง ถ้าถังรั่วอิงอยู่นี่ล่ะก็คงจะได้รู้ว่าหากเทียบกับซูฉิงแล้ว เธอนั้นเทียบไม่ติดเลย
ความรู้สึกบางครั้งทำให้คนอ่อนน้อมถ่อมตนที่สุดและเศร้าที่สุดได้
“เอาล่ะๆ ฉันรู้แล้วว่านายคิดอะไร ไม่ต้องย้ำแล้วล่ะ ฉันเชื่อนายแล้วก็ตั้งตารอคอยมากนะ” เสียงของซูฉิงนุ่มนวล กุมใบหน้าของฮ่อหยุนเฉิง ทั้งสองจ้องตากันและสุดท้ายก็อดประทับริมฝีปากลงไปไม่ได้ ใช้เวลานานกว่าจะผละออกจากกัน สีหน้าซูฉิงเองก็ดูไม่เป็นธรรมชาติเล็กน้อย
“เอาล่ะๆ หยุดก่อน ฉันเสร็จงานแล้วค่อยว่ากัน”
…
อู๋ชิงหร่านไม่ค่อยได้ไปที่ลีโอสตูดิโอแล้วหลังจากวันนั้น เธอใช้เวลาเพื่อนัดซูซานออกมา และยังเป็นที่เดิมที่ทั้งสองคบคิดกัน-ร้านกาแฟ
เธอมองไปที่ซูซานที่นั่งตรงข้ามก่อนจะพูดเสียงเบา “ฉันรู้แบบร่างของซูฉิงแล้วว่าเป็นยังไง”
ทันทีที่ได้ยิน ซูซานก็ได้สติจนหูตั้งทันที หลังจากฟังอู๋ชิงหร่านพูด เธอก็ยิ้ม ก่อนที่แววตาจะฉายถึงความภาคภูมิใจ
“ใบเมื่อเป็นอย่างนั้น งั้นต่อไปเอาแบบนี้…” ซูซานพูดกับอู๋ชิงหรานเสียงเบา “ในเมื่อเรารู้แล้วว่าแบบร่างของหล่อนเป็นยังไง งั้นเราจัดหาคนไปเอาแบบร่างของหล่อนก่อนการแข่ง พอแก้เสร็จก็ค่อยส่งไปแข่ง จะได้ประหยัดเวลาไปได้มาก ถ้าซูฉิงตามสือ ยังไงก็เป็นสตูดิโอลีโอไม่ใช่หรือไง”
อู๋ชิงหร่านพยักหน้า ก่อนที่เธอจะนึกอะไรบางอย่างออก “แต่ว่า…คนๆ นี้ ต้องไม่ใช่คนของเรา”
ซูซานที่ได้ยินก็นิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะมองเธออย่างมีความหมาย และเข้าใจในทันทีว่าอู๋ชิงหร่านคิดจะทำอะไร และทั้งสองก็เผยรอยยิ้มออกมาโดยปริยาย
มีแค่ผีเห็นผีเท่านั้นแหละถึงจะรู้กัน