นางสาวซูแค่อยากถอนหมั้น - ตอนที่ 461 ดินเนอร์ใต้แสงเทียน
นางสาวซูแค่อยากถอนหมั้น ตอนที่ 461 ดินเนอร์ใต้แสงเทียน
“ทำไมนายถึงรู้ใจฉันจัง รู้ว่าฉันกำลังอารมณ์ไม่ดีเลยตั้งใจทำอาหารให้ฉัน “ซูฉิงมองดูฮ่อหยุนเฉิงทำอาหารให้เธอด้วยตัวเองก็รู้สึกอบอุ่นใจขึ้นมา
เธอเข้าไปโอบกอดฮ่อหยุนเฉิงจากทางด้านหลัง แล้วก็แนบแก้มลงไปที่หลังของเขา
สัมผัสถึงความอบอุ่นจากร่างกายของเขา ซูฉิงก็รู้สึกอบอุ่นไปทั้งใจ
ความรู้สึกนี้ ทั้งสบายและอบอุ่นมากและเธอก็ชอบมาก
“ทำอาหารทำไมไม่ใส่ผ้ากันเปื้อนละ เดี๋ยวเสื้อผ้าก็ติดกลิ่นควันหรอก”ซูฉิงเห็นว่าฮ่อหยุนเฉิงไม่ได้สวมผ้ากันเปื้อนก็ตั้งใจปลดมาจากหน้าประตูแล้วผูกให้กับฮ่อหยุนเฉิงด้วยตัวเอง
ฮ่อหยุนเฉิงยื่นมือออกมากอดตอบซูฉิง
เขาก้มลงมาเล็กน้อย จ้องตาสุกใสของเธอ ก็อดที่ก้มหน้าลงไปจูบริมฝีปากบางและไม่ยอมปล่อยง่ายๆ
“อื้อ………”การกระทำที่ไม่ทันตั้งตัวทำให้ซูฉิงอึ้งตะลึง
ผู้ชายบ้านี่ทำอาหารอยู่ในครัวก็ยังจะเอาเปรียบเธออีก!
ซูฉิงรู้ตัวก็ผลักตัวฮ่อหยุนเฉิงออก”ปล่อยฉันนะ…..”
แต่ทว่าซูฉิงพูดยังไม่ทันจบ ลิ้นใหญ่ของฮ่อหยุนเฉิงก็เข้ามาในปากเพื่อปิดปากของเธอ
ลิ้นพันกันจนแยกไม่ออก ซูฉิงหอบหายใจเข้าล้วนมีแต่กลิ่นของผู้ชายที่อยู่ตรงหน้า
ความรู้สึกที่แปลกประหลาดราวกับผู้ไฟช็อด ทั้งรู้สึกจั๊กจี้ชาๆ แปลกๆ ผุดขึ้นมาตามรูขุมขนของซูฉิง
มือของเขาเลื้อยมาจับตรงเอวของซูฉิงเพื่อให้เธออยู่นิ่ง
แล้วก็ระดมจูบอย่างดูดดื่ม ซูฉิงรู้ตัวอีกทีด้านหลังของเธอก็พิงเข้ากับเตาที่อยู่ด้านหลังแล้ว
“อย่าขยับ “ริมฝีปากของผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าทั้งหวานทั้งหอมราวกับวุ้นผลไม้ก็ไม่ปาน ทำให้เขาชิมไม่เคยพอ ฮ่อหยุนเฉิงเลยอดที่จะจูบดูดดื่มมากกว่าเดิม
ซูฉิงที่ถูกจูบจนอ่อนระทวยหายใจหอบ เธออยากจะผลักฮ่อหยุนเฉิงออก แต่กลับถูกเขากอดเข้าที่เอวแน่น “อย่าขยับ ให้ฉันกอดสักหน่อย”
ทั้งสองที่นั่งจูบกันอยู่ในครัว ทำให้บรรยากาศในครัวอบอวลไปด้วยความหวานของการแสดงความรักต่อกันของคู่รัก
“เดี๋ยวก่อน เดี๋ยวแม่หวังไม่เข้ามาหรอ”ซูฉิงเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ กลัวว่าที่ทั้งสองจูบกันเมื่อกี้จะถูกเห็น”นายปล่อยฉันก่อนสิ”
ฮ่อหยุนเฉิงที่โน้มตัวลงมาและเปลี่ยนท่า แล้วก็ค่อยๆ พูด”ไม่เห็นหรอก ฉันให้เขาเลิกงานก่อนเวลาแล้ว”
พอได้ยินอย่างนั้นซูฉิงที่หน้าแดงระเรื่อมองฮ่อหยุนเฉิงที่วางแผนไว้ตั้งแต่แรกแล้ว
บนเตาให้ห้องครัวยังมีหม้อที่ต้มอยู่ ซูฉิงตั้งใจสูดจมูกดม รู้สึกได้กลิ่นแปลกๆ ทันใดนั้นก็รู้ว่า “เดี๋ยวก่อนนะ หยุนเฉิง อะไรไหม้รึเปล่า นายได้กลิ่นมั้ย”
ทั้งสองที่เอาแต่กอดกัน จนลืมหม้อต้มไว้ที่เตา
ฮ่อหยุนเฉิงปล่อยซูฉิง แล้วปิดไฟ “ฉันตั้งใจจะทำซุปไก่ เพื่อให้เธอได้บำรุงร่างกาย”
ฮ่อหยุนเฉิงมองดูหม้อที่ไหม้แล้วอย่างหน้าเครียด
ซูฉิงมองหน้าฮ่อหยุนเฉิงก็มองออกว่ากำลังเสียใจ เลยพูดปลอบ”ไม่เป็นไร นายลงมือจัดดินเนอร์ให้ฉันด้วยตัวเอง แค่นี้ก็มีค่ามากแล้ว อีกอย่างไม่มีซุปไก่แต่ก็ยังมีสเต๊กนี่”
เธอมองจากสเต๊กที่ถูกครอบไว้”ฉันชอบเกินสเต๊กมาก “ซูฉิงยิ้มพูด
ฮ่อหยุนเฉิงลูบผมซูฉิงอย่างเอ็นดู แล้วก็พูดอย่างจริงจัง”ขอแค่เธอมีความสุขก็พอแล้ว วันนี้ฉันเตรียมเซอร์ไพรส์นี้เพื่อให้เธอมีความสุข ฉันหวังว่าเธอจะมีความสุขในทุกๆ วัน เหมือนตอนนี้ที่มีความสุข”
เขาอยากจะรักษารอยยิ้มของซูฉิงไว้ตลอดไป ดังนั้นเลยต้องใช้พลังทั้งหมดที่มีมาปกป้องเธอ”
“ได้อยู่ข้างๆ นายฉันก็มีความสุขแล้ว “ซูฉิงพูดอย่างอ่อนโยน เธอมองดูครัวที่มีสภาพเละเทะ แล้วก็หัวเราะออกมา”ฉันช่วยนายทำดีกว่า พวกเรามาทำด้วยกันนะ”
ได้ทำอาหารกับคนที่ตัวเองรัก แล้วดินเนอร์ภายใต้แสงเทียน แม้จะมีเรื่องทุกข์ใจแค่ไหนก็จะผ่านมันไปได้
ซูฉิงยิ้มตาหยี มองหน้าฮ่อหยุนเฉิงภายใต้แสงเทียนด้วยสายตาอ่อนโยน
ทั้งสองที่ช่วยกันทำอาหารอยู่ในครัว ฮ่อหยุนเฉิงทำสเต๊ก ซูฉิงก็ทำเครื่องปรุงอยู่ข้างๆ ;ตอนที่ซูฉิงผัดอาหาร ฮ่อหยุนเฉิงก็หั่นผักอยู่ข้างๆ คอยให้ความร่วมมือกันได้ดีมาก
“สเต๊กหอมมากเลย ท่านประธานฮ่อฝีมือทำอาหารไม่เลวเลย “ซูฉิงยกจานขึ้นแล้วก็สูดจมูกดม แล้วก็ยกจานสเต๊กออกมาวางที่ห้องอาหาร
พอเข้ามาในห้องอาการ ซูฉิงก็อึ้งตะลึงตาค้าง
ภายในห้องอาการ ที่โต๊ะกินข้าว ประดับไปด้วยเทียนที่จุดสว่างอยู่บนเชิงเทียน และในแจกันก็มีดอกกุหลาบ ข้างก็ประดับไปด้วยดอกกุหลาบเก้าสิบเก้าดอก และยังมีไวน์แดงที่นำมาเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว
ที่แท้ฮ่อหยุนเฉิงก็ได้จัดเตรียมห้องอาการไว้ก่อนแล้ว ซูฉิงก็ถึงกับยิ้มกว้างออกมา
“หยุนเฉิง วันนี้ลำบากนายแล้ว “ซูฉิงกลับมาที่ห้องอาหารแล้วพูดอย่างประทับใจ”ดอกกุหลาบ ฉันชอบมากเลย”
ฮ่อหยุนเฉิงทำเพื่อให้ซูฉิงประทับใจ เธอหลงใหลในความอ่อนโยนของฮ่อหยุนเฉิง
ฮ่อหยุนเฉิงเองก็ยิ้มออกมาแล้วยื่นมือไปจับมือของซูฉิง”เธอมีความสุข ฉันไม่ลำบากหรอก เดี๋ยวพอกินเสร็จฉันยังมีเซอร์ไพรส์ให้เธออีก”
เขาตั้งใจทำตัวมีลับลมคมใน แม้ซูฉิงจะถามยังไงก็ไม่ยอมบอกว่าหลังจากดินเนอร์เสร็จคือเซอร์ไพรส์อะไร
“อะไรหรอ นายบอกฉันก่อนสิ เดี๋ยวฉันทำเป็นไม่รู้ก็ได้”ซูฉิงที่ถามอย่างอยากรู้ แค่ดินเนอร์ใต้แสงเทียนก็ทำให้เธอประทับใจแล้ว เธอไม่รู้ว่าต่อไปจะมีอะไรอีก
ฮ่อหยุนเฉิงระบายยิ้มออกมา แล้วก็ส่ายนิ้วไปมาไม่บอกซูฉิง
ถ้าบอกเซอร์ไพรส์ออกมาก็จะไม่ได้ผลสิ
ช่วงเวลาอาหารค่ำ ภายใต้แสงเทียนที่ส่งกลิ่นหอม เชิงเทียนอันละเอียดอ่อนส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ พร้อมด้วยดอกกุหลาบที่ละเอียดอ่อนที่อยู่ตรงข้ามสะท้อนกับผิวหน้าของซูฉิงให้แดงระเรื่อยิ่งขึ้น ริมฝีปากสีแดงของเธอเปิดขึ้นเล็กน้อย และพูดอย่างมีเสน่ห์ว่า “หยุนเฉิง วันนี้ฉันขอบคุณจริงๆ ฉันมีความสุขมาก” ซูฉิงยกแก้วขึ้นมาพร้อมกับยิ้ม
ฮ่อหยุนเฉิงยกแก้วไวน์ขึ้นแล้วขยับปากพูดเบาๆ “พวกเรารีบแต่งงาน ฉันจะได้อยู่กับเธอ เธอจะได้ไม่มีเรื่องกลุ้มใจมากแล้ว”
ซูฉิงหน้าแดงระเรื่อ แม้ฮ่อหยุนเฉิงจะได้ขอแต่งงานแล้ว แล้วทั้งสองก็ใกล้จะจัดงานหมั้นแล้ว แต่ว่าพอได้ยินคำพูดนี้อีกครั้ง ซูฉิงก็ยังรู้สึกประทับใจ
พอนึกขึ้นมา เรื่องราวทั้งหมดที่ผ่านมา ซูฉิงได้ผ่านอุปสรรคมากมายพร้อมกับฮ่อหยุนเฉิงผ่านความยากลำบาก นานับไม่ถ้วน ในที่สุด ก็ได้อยู่ด้วยกันแล้ว เหมือนโชคชะตาได้กำหนดไว้แล้ว
“กินก่อนเถอะ รสชาติของสเต๊กที่เธอชอบที่สุด “ฮ่อหยุนเฉิงพูดพร้อมกับจ้องตาซูฉิงไปด้วย
ไวน์แดง คนพิเศษ ใบหน้าเย็นชาของฮ่อหยุนเฉิงที่เห็นได้ยาก็เผยรอยยิ้มออกมา
ซูฉิงยกแก้วไวน์ขึ้นมาชนกับฮ่อหยุนเฉิง แล้วก็หัวเราะดังก้องไปทั่วทั้งห้อง
ภายใต้ดินเนอร์ใต้แสงเทียนที่แสนโรแมนติก ความรักของคู่รัก ภายในห้องก็อบอวลไปด้วยบรรยากาศที่แสนหวานของคู่รัก
ฮ่อหยุนเฉิงที่จ้องตาซูฉิงจนตอนนี้หน้าแดง ก็พูดว่า”ไปกันเถอะ ฉันจะพาเธอไปที่ที่เซอร์ไพรส์”
เขาลุกขึ้นแล้วฉุดแขนของซูฉิงพอเธอดินออกไปข้างนอก
ซูฉิงก็เดินตามไปอย่างงงๆ เซอร์ไพรส์ที่ว่าอยู่ข้างนอกนี่เอง แล้วมันคืออะไรกันนะ ทำให้เธอยิ่งอยากจะรู้แล้ว