นางสาวซูแค่อยากถอนหมั้น - ตอนที่ 469 นายเป็นคนเดียวตั้งแต่ต้นนะ
นางสาวซูแค่อยากถอนหมั้น ตอนที่ 469 นายเป็นคนเดียวตั้งแต่ต้นนะ
เมื่อคิดอย่างนั้น ผู้จัดการก็หันไปมองหลิวเสี่ยวหนิงด้วยสายตาตำหนิ
หลิวเสี่ยวหนิงก้มหน้าเงียบๆ ไม่กล้าพูดอะไรสักคำ
คิดว่าหลังจากกลับบ้านได้ตายแน่
ซูฉิงมีหลักฐานแน่นหนา ดังนั้นสุดท้ายฉินซั่งจึงถูกควบคุมตัว
แต่ว่าเหมือนบ้านตระกูลฉินจะแอบใช้เส้นสาย ฉินซั่งจึงถูกคุมตัวเพียงชั่วคราว
อีกทั้งหลังจากตรวจสอบภูมิหลังของฉินซั่งแล้ว ซูฉิงก็ได้จัดการประชาสัมพันธ์เพื่อระงับเรื่องนี้ไม่ให้ข่าวลือรั่วไหล
หลิวเสี่ยวหนิงที่นั่งอยู่ในรถ มองซูฉิงที่อยู่ข้างๆ ก่อนจะพูดออกมาช้าๆ “ขอบคุณนะคะพี่ซูฉิง”
“ต่อไปต้องจำให้ขึ้นใจเลยนะว่าไปไหนต้องบอกผ็จัดการหน่อย เข้าใจไหม?” ซูฉิงกล่าวเบาๆ
เรื่องพวกนี้ไม่ได้ซับซ้อนสำหรับซูฉิง ดังนั้นจึงไม่ต้องใช้ความพยายามในการจัดการกับสิ่งเหล่านี้ แต่สิ่งที่ทำให้เธอกังวลก็คือหลิวเสี่ยวหนิงที่มีความระมัดระวังต่ำแบบนี้
“ฉันรู้ว่าฉันผิดค่ะ…” หลิวเสี่ยวหนิงพึมพำ วันนี้เธอได้รับบทเรียนแล้ว
“แต่ทำไมถึงไปที่บาร์คนเดียวล่ะ?” ทันใดนั้น ซูฉิงก็เหมือนนึกอะไรได้ก่อนจะหันมองเธอ
“ฉัน…” หลิวเสี่ยวหนิงอ้าปากและจ้องตา “แค่อยากเที่ยวน่ะ ใครจะไปคิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น…”
ซูฉิงรู้ชัด แต่เธอไม่ได้ถามอะไรมากเพราะท่าทีของอีกคน เธอก้มมองโทรศัพท์ ก่อนจะเห็นสายที่ไม่ได้รับจากฮ่อหยุนเฉิง
ซูฉิงตกตะลึงครู่หนึ่ง หลังจากที่เธอยุ่งกับเรื่องของหลิวเสี่ยวหนิงในวันนี้ เธอจึงไม่รู้ด้วยซ้ำว่าฮ่อหยุนเฉิงโทรมา
ตอนแรกว่าจะโทรกลับ แต่กลับมีสายเรียกเข้าจากทางบริษัท ดังนั้นซูฉิงจึงเริ่มจัดการเรื่องอื่นก่อน ไปๆ มาๆ ก็ลืมสายของฮ่อหยุนเฉิงไปเลย
เมื่อเธอกลับถึงบ้านในตอนเย็น ซูฉิงก็เห็นฮ่อหยุนเฉิงนั่งอยู่บนโซฟาเพียงลำพัง และดูทีวีด้วยใบหน้าเฉยเมย
“หยุนเฉิง ฉันกลับมาแล้ว”
ซูฉิงเอนตัวลงอย่างเกียจคร้าน แต่ฮ่อหยุนเฉิงกลับไม่ได้จับเธอไปไว้ในอ้อมแขนตามปกติ เพียงแค่นั่งอยู่นิ่งไม่ขยับเขยื้อนไปไหน
“ทำไมไม่รับโทรศัพท์?” ฮ่อหยุนเฉิงหันมองซูฉิงด้วยท่าทางเย็นชา
แม้ว่าซูฉิงจะไม่รับสาย แต่สุดท้ายเธอก็จะโทรกลับหาเขา แต่วันนี้มันต่างไป
เมื่อคิดถึงเรื่องไม่กี่วันก่อนหน้านี้ คิ้วฮ่อหยุนเฉิงก็ขมวดเข้าหากันแน่น
เมื่อได้ยิน ซูฉิงถึงได้ปรบมือ ทำไมเธอถึงลืมไปได้นะ
“ขอโทษนะหยุนเฉิง ฉันลืมไปเลย” ซูฉิงโอบแขนฮ่อหยุนเฉิงพร้อมพูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อน
ฮ่อหยุนเฉิงคว้าข้อมือซูฉิงทันทีก่อนจะจับร่างกายของเธอไว้ในอ้อมแขนของเขา “วันนี้เธออยู่กับใคร? คงไม่ใช่เจ้าชายอะไรนั่นมากวนเธอใช่ไหม?”
เมื่อมองไปที่ใบหน้าของฮ่อหยุนเฉิง ซูฉิงกระพริบตาเอื้อมมือไปคว้าคอของเขา และจงใจพูด “คนเขาชื่อโจเซฟ”
แน่นอนว่าการเอ่ยถึงชื่อนั้นทำให้ใบหน้าของฮ่อหยุนเฉิงแย่ลงไปอีก และออกแรงมือแรงขึ้น
“หยุนเฉิง นายทำฉันเจ็บจริง” ซูฉิงเม้มปากด้วยความเจ็บปวดและพูดออดอ้อน
ฮ่อหยุนเฉิงคลายมือ แต่ดวงตาลึกๆ ของเขากลับมองใบหน้าซูฉิงอยู่ตลอด
หาได้ยากที่จะเห็นฮ่อหยุนเฉิงจะเป็นแบบนี้ แต่ซูฉิงก็อยากจะหยอกล้อเขาอีกหน่อย
“แล้วถ้า…ฉันไปหาเจ้าชายโจเซฟนั่นจริงๆ ล่ะ?”
จากนั้นฮ่อหยุนเฉิงก็ไม่พูด แต่ท่าทีมืดมนของเขานั้นได้แสดงความในใจออกมาแล้ว
“ซูฉิง” ฮ่อหยุนเฉิงพูดด้วยเสียงต่ำ เย็นชาอันตราย
ซูฉิงเอียงศีรษะแล้วพูดพร้อมรอยยิ้ม “จะเป็นไปได้ยังไง วันนี้ฉันอยู่ที่บริษัททั้งวัน บวกกับที่ไปจัดการเรื่องของเสี่ยวหนิงถึงได้เห็นนายโทรมา แต่สุดท้ายก็มีเรื่องเข้ามาเลยลืมไปเลย”
เมื่อเห็นว่าฮ่อหยุนเฉิงไม่ตอบสนอง ซูฉิงก็กลอกตา “คุณฮ่อ นายหึงอีกแล้วใช่ไหม?”
“ใช่ ฉันหึง” ฮ่อหยุนเฉิงมองซูฉิงและตอบอย่างไม่ลังเล แต่กลับทำให้ซูฉิงตกตะลึง
“ฉันไม่ชอบที่เธอติดต่อกับผู้ชายคนอื่น โดยเฉพาะ…”
ฮ่อหยุนเฉิงยังไม่ทันพูดจบ ซูฉิงก็ก้มหน้าประทับริมฝีปากอีกคน
“คุณฮ่อ ฉันรักนายนะ”
ดวงตาของซูฉิงโชติช่วง มองตัวเองที่อยู่ในนัยน์ตาของอีกคนเงียบๆ ก่อนจะเอ่ยเสียงเบา “นายเป็นคนเดียวตั้งแต่ต้นนะ”
ซูฉิงที่เป็นแบบนี้ช่างทำหวั่นไหวจริง
ฮ่อหยุนเฉิงเลิกคิ้วขึ้นก่อนจะกอดเอวเธอไว้ เขาเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ดวงตาของเขามองที่ริมฝีปากของซูฉิง ราวกับว่าเขากำลังคาดหวังอะไรบางอย่าง
เมื่อเห็นอย่างนั้น ซูฉิงเม้มริมฝีปากและยิ้ม เธอก้มศีรษะเข้าหาฮ่อหยุนเฉิง เดิมที่คิดจะจูบเบาๆ เหมือนเมื่อกี้ แต่ฮ่อหยุนเฉิงกลับเอื้อมมือมารั้งท้ายทอยเธอเพื่อกดจูบให้แนบแน่นขึ้น
อุณหภูมิห้องค่อยๆ เพิ่มขึ้น…
ขณะที่ทั้งสองกำลังจูบกันในความมืด โทรศัพท์มือถือของซูฉิงก็ดังขึ้นอย่างน่ากลัว
ซูฉิงได้สติ เธอตาพร่ามัวและอ้าปากหอบหายใจ “ฉัน…ฉันรับโทรศัพท์ก่อน…”
ผลักชายที่ไม่รู้จักพอใจออกไป ซูฉิงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู เป็นท่านผู้เฒ่าซูที่โทรมา
“คุณปู่!” ซูฉิงรับโทรศัพท์ด้วยความประหลาดใจ
อีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ เสียงอันอบอุ่นของท่านผู้เฒ่าซูก็ดังขึ้น “หลานสาวที่รัก ปู่จองเที่ยวบินไปเมือง A วันพรุ่งนี้แล้วนะ”
“จริงเหรอคะ? เยี่ยมไปเลยค่ะ!” พรุ่งนี้เธอจะได้เจอคุณปู่แล้ว ใบหน้าซูฉิงมีแต่รอยยิ้ม “พรุ่งนี้หนูจะไปรับคุณปู่ที่สนามบินนะคะ”
“ได้เลย” ท่านผู้เฒ่าซูวางสายอย่างอารมณ์ดี
“พรุ่งนี้คุณปู่ถึงเมือง A นะ” ซูฉิงวางโทรศัพท์ลง ก่อนจะจัดเสื้อผ้าแล้วหันหัวไปหาฮ่อหยุนเฉิง
“อืม” ฮ่อหยุนเฉิงพยักหน้าเบาๆ “พรุ่งนี้ฉันจะไปกับเธอด้วย”
เช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้น ซูฉิงตื่นแต่เช้า วันนี้เป็นวันที่คุณปู่กลับประเทศ เมื่อคืนซูฉิงรู้สึกตื่นเต้นมาก เธอคิดว่าวันนี้จะได้เจอปู่แล้ว จนนอนยังไงก็นอนไม่หลับ
“ฉันจะไปรับคุณปู่ที่สนามบินกับเธอด้วย” ฮ่อหยุนเฉิงเปิดประตูและพูดช้าๆ เขารู้ความสำคัญคุณปู่ที่อยู่ในใจซูฉิง จะรักใครก็ต้องรักครอบครัวเขาด้วยและฮ่อหยุนเฉิงก็เคารพคุณปู่มาก
ซูฉิงยิ้มและพยักหน้า “ได้สิ คุณปู่ต้องเห็นนายต้องดีใจมากแน่”
คุณปู่มีความประทับใจที่ดีต่อฮ่อหยุนเฉิงอยู่แล้ว ตอนนี้เห็นความสัมพันธ์ของฮ่อหยุนเฉิงกับซูฉิงเริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ เขาคงจะสบายใจขึ้น
ระหว่างทางไปสนามบิน ใบหน้าซูฉิงมีแต่รอยยิ้ม ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเบา “คุณปู่เดินทางทั่วโลกนาน ไม่รู้ว่าเขาเป็นยังไงบ้าง”
แต่เล็กจนโต ซูฉิงถูกคุณปู่เลี้ยงมา และสนิทชิดเชื้อกับคุณปู่ แต่ก่อนคุณปู่งานยุ่งมาก แต่ตอนนี้ในที่สุดก็มีเวลาออกไปเที่ยวแล้ว ซูฉิงหวังให้คุณปู่เที่ยวได้มีช่วงเวลาที่ดี
“อีกเดี๋ยวก็เจอกันแล้ว แค่ถามคุณปู่ก็ได้แล้วไม่ใช่หรือไง” ฮ่อหยุนเฉิงที่นั่งฟังซูฉิงที่อยู่ข้างๆ พูดพล่าม ก็อดไม่ได้ที่จะเลิกคิ้วและเอ่ยหยอกล้อ