นางสาวซูแค่อยากถอนหมั้น - ตอนที่ 483 สิ่งที่ทำให้เขาผิดหวัง
นางสาวซูแค่อยากถอนหมั้น ตอนที่ 483 สิ่งที่ทำให้เขาผิดหวัง
เมื่อได้ยินดังนั้นจินจิ่นหรานก็ใช้นิ้วเคาะบนโต๊ะโดยไม่ตั้งใจ “ฉันไม่รู้เรื่องราวเกี่ยวกับคนดังหรอกนะ แต่ฉันรู้เรื่องสุขภาพเป็นอย่างดี ฉันต้องเติมกำลังกายให้เต็มที่เพื่อการถ่ายทำงานในทุกๆเช้า”
หลิวเสี่ยวหนิงกลอกตามองชายตรงหน้าและต่อต้านการล่อลวงของอีกฝ่าย
งั้นคุณก็แอบจิบมันก็ได้ ฉันจะบังไม่ให้ใครเห็น และจะไม่ให้ผู้จัดการของคุณเห็นคุณแอบดื่มมันแน่นอน เป็นยังไงล่ะสนใจไหม?” จินจิ่นหรานพูดเบาๆออกมา
“งั้นก็จิบสักอึกนึงก็ได้” หลิวเสี่ยวหนิงเอื้อมมือไปหยิบน้ำผลไม้และเหลือบมองไปที่จินจิ่นหราน เธอดื่มน้ำผลไม้นั้นไปอึกใหญ่
ความรู้สึกอันแสนหวานได้เยียวยาหลิวเสี่ยวหนิงในทันที และรอยยิ้มที่พึงพอใจก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธอ
เนื่องจากระยะห่างระหว่างหลิวเสี่ยวหนิงและจินจิ่นหรานนั้นค่อนข้างใกล้ เมื่อชายหนุ่มก้มศีรษะลงเขาจึงเห็นผมยาวสลวยของเธอซึ่งถูกย้อมกลับเป็นสีลูกพลับเข้มเนื่องจากต้องถ่ายโฆษณา
จินจิ่นหรานมองไปที่มัน และดวงตาของเขาก็อ่อนโยนขึ้นมาก
ไม่นานผู้กำกับก็นำอาหารกลางวันมาให้หลิวเสี่ยวหนิง เธอก็กินอาหารเหล่านั้นไปได้เพียงสองสามคำ เพราะเธอมีความยึดมั่นที่จะต้องการลดน้ำหนัก และจากนั้นการถ่ายทำโฆษณาก็เริ่มขึ้นอีกครั้งในเวลาต่อมา
เมื่อการถ่ายทำกำลังจะเริ่ม หลิวเสี่ยวหนิงพูดติดตลกและถามจินจิ่นหรานว่าเขาต้องการร่วมแสดงเป็นนักแสดงรับเชิญหรือไม่ แต่แน่นอนว่าจินจิ่นหรานปฏิเสธ
คราวนี้เป็นฉากใหญ่และมีการแสดงจากบุคคลมากมายเข้าร่วมได้ หลิวเสี่ยวหนิงปรับอารมณ์ความรู้สึกของตนเอง และดำเนินการถ่ายทำให้ผ่านพ้นไปอย่างราบรื่น
อย่างไรก็ตามในตอนท้ายเรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น
คุณยายชราที่ยืนอยู่บนถนนก็ล้มลงกับพื้นด้วยความเจ็บปวด ซึ่งภาพเหตุการณ์ตรงหน้าทำให้ทุกคนต่างพากันหวาดกลัว
คุณยายแก่หายใจไม่ออกและตัวสั่นไปทั้งตัว
“เกิดอะไรขึ้น?” หลิวเสี่ยวหนิงก้าวไปข้างหน้าอย่างเร่งรีบ และรู้สึกตกใจกับภาพตรงหน้า
ในเวลานี้จินจิ่นหรานผลักฝูงชนออกไปและเดินเข้ามา เมื่อเทียบความรู้ของเขากับความตื่นตระหนกของคนอื่นๆแล้วนั้น ถือว่าเขาสงบสติอารมณ์และความตื่นตระหนกได้ดีมาก
เขาย่อตัวลงและจับชีพจรของหญิงชราพลางพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นว่า “หัวใจวาย”
“แล้วฉันควรทำอย่างไร?” หลิวเสี่ยวหนิงถามขึ้นอย่างประหม่า
เมื่อเธอมองไปยังหญิงชราที่นอนลงกับพื้นตรงหน้า หลิวเสี่ยวหนิงก็นึกถึงคุณยายของเธอขึ้นทันที
“โทรเรียกรถพยาบาล” จินจิ่นหรานพูดอย่างหนักแน่น ขณะที่พูดเขาก็ช่วยทำการปั๊มหัวใจให้กับคุณยาย
หลังจากฟังคำพูดของจินจิ่นหราน หลิวเสี่ยงหนิงและบรรดาผู้คนที่อยู่ในสถานที่เกิดเหตุต่างพากันต่อสายหารถพยาบาลกันทั่วหน้า
ไม่นาน รถพยาบาลก็มาถึง และเหล่าบรรดาคุณหมอก็อุ้มคุณยายขึ้นไปบนเปลหาม
“คุณยายอาการปกติดีใช่ไหม?” หลิวเสี่ยวหนิงถามขึ้นอย่างประหม่าและตกอกตกใจ
หมอส่งยิ้มให้เธอและกล่าวว่า “โชคดีที่ให้การช่วยเหลือได้ทันเวลาและไม่มีปัญหาร้ายแรงอะไรมาก แต่เรายังต้องส่งคุณยายไปโรงพยาบาลเพื่อทำการตรวจอย่างละเอียดอีกครั้ง”
หลิวเสี่ยวหนิงถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก และมองจินจิ่นหรานด้วยสายตาชื่นชม “ขอบคุณนะคุณ ไม่อย่างนั้นคุณยายคนนี้คงจะได้รับอันตรายเป็นอย่างมาก”
จินจิ่นหรานเผยอริมฝีปากของเขาขึ้นเพียงเล็กน้อย “มันเป็นหน้าที่ของแพทย์ทุกคนที่จะช่วยชีวิตและรักษาผู้บาดเจ็บ และฉันก็ไม่มีข้อยกเว้นที่จะไม่ช่วยเหลือ”
……
หว่านเอ๋อร์
สวีมู่หยางรีบเข้าไปในบ้าน และเมื่อเขาเข้าไปในห้องนั่งเล่นเขาก็ได้ยกเครื่องดื่มขึ้นดื่มเล็กน้อย
นับตั้งแต่เหตุการณ์ครั้งล่าสุดฮ่อหยุนเฉิงได้สั่งให้คนจัดการติดตามเรื่องที่เกิดขึ้น ไม่กี่วันหลังจากที่ฮ่อหยุนเฉิงและซูฉิงกลับมาจากบ้านหลังเก่า เขาก็ได้ขอให้หลินเหยียนเฟิงตรวจสอบสถานการณ์ของโรงแรมอย่างละเอียด
คราวที่แล้วเขาได้ไปหานักข่าวจากสำนักงานหนังสือพิมพ์ที่ได้สมรู้ร่วมคิดกับสวีหว่านเอ๋อร์และเอ่ยถามทุกอย่างจนชัดเจนแล้วและยังจัดการบันทึกเสียงสนทนาลงในเครื่องบันทึกเสียงอีกด้วย หลังจากนั้นฮ่อหยุนเฉิงจึงไปที่บริษัทตระกูลสวีกรุ๊ปเพื่อค้นหาสวีมู่หยาง เขาเปิดเครื่องบันทึกเสียงและหลักฐานที่มีทั้งหมดให้สวีมู่หยางรับรู้
สวีมู่หยางตกตะลึงในจุดนั้นและรู้สึกละอายใจเล็กน้อย
“ฉันหวังว่าในอนาคตคุณสวีจะสามารถสั่งสอนน้องสาวของคุณให้ดีได้เพื่อที่เธอจะได้หยุดใช้วิธีที่ไร้ค่าเหล่านี้ และคงจะเป็นการดีถ้าน้องสาวคุณจะไม่รบกวนฉันและซูฉิงอีก มิฉะนั้นครั้งต่อไปเรื่องที่ฉันรับรู้มามันจะไม่เป็นเพียงคำเตือนเท่านั้น”
นี่เป็นประโยคสุดท้ายที่ฮ่อหยุนเฉิงกล่าวก่อนออกจากบริษัทตระกูลสวีกรุ๊ป
สวีมู่หยางมองไปที่เครื่องบันทึกเสียงที่ถูกวางอยู่บนโต๊ะ ในใจแอบแฝงความกังวลอยู่เล็กน้อย
ดังนั้นทันทีที่เขาเปิดประตูเข้าไปในบ้าน เขาจึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามสวีหว่านเอ๋อร์ถึงเรื่องที่เกิดขึ้น
สวีหว่านเอ๋อร์เมื่อได้ยินเสียงของสวีมู่หยางร้องเรียกเธอ เธอก็เดินออกจากห้องน้ำอย่างไม่รีบร้อน เมื่อเธอเดินไปที่ห้องนั่งเล่น เธอเห็นใบหน้าที่มืดหม่นของพี่ชาย เธอจึงเอ่ยถามอีกฝ่ายออกไปด้วยความงงงวย “พี่เป็นอะไรหรือเปล่า?”
สวีมู่หยางโกรธเมื่อเห็นสวีหว่านเอ๋อร์ เขาได้สัญญาอย่างชัดเจนกับสวีหว่านเอ๋อร์จะจัดการกับซูฉิง แม้ว่าเขาจะไม่ต้องการ ยุ่งเกี่ยวกับคนเหล่านั้นแต่เพราะสวีหว่านเอ๋อร์ร้องขอเขาจึงจะลงมือทำให้ เพียงเพราะน้องสาวของเขาไม่อยากให้ซูฉิงกับฮ่อหยุนเฉิงได้ใช้ชีวิตด้วยกัน เธอลงมือทำเรื่องร้ายกาจได้ขนาดนี้เชียวเหรอ น้องสาวของเขาโกรธแค้นอีกฝ่ายถึงขนาดลงมือวางยาและยังลงมือทำเรื่องน่าอับอายหลายๆเรื่องลงไปได้เชียวหรือ
ซึ่งเขาถือว่ามันช่างเป็นเรื่องที่น่าผิดหวังมากสำหรับเขา!
“ทำไมเธอถึงทำเช่นนี้!” เขาจ้องไปที่สวีหว่านเอ๋อร์ด้วยท่าทางโกรธ อารมณ์ที่อ่อนโยนและสุภาพตามปกติของเขาก็ไม่อาจควบคุมได้แล้วในเวลานี้ และทุกอย่างมันกำลังปะทุขึ้นเรื่อยๆ
“ฉันสัญญาแล้วว่าฉันจะจัดการกับซูฉิงให้เธอ ทำไมเธอถึงยังสมรู้ร่วมคิดกับคนอื่นเพื่อทำลายซูฉิง? เธอใส่ยาลงไปในแก้วน้ำของเขาใช่ไหม? ถ้าไม่มีใครบอกฉัน ฉันก็ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเธอจะทำอย่างนั้น !”
สวีมู่หยางโกรธมาก ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความผิดหวังและความเศร้าที่มีต่อสำหรับสวีหว่านเอ๋อร์ เขาไม่เคยคิดเลยว่าวันหนึ่งน้องสาวคนโปรดของเขาจะกลายเป็นแบบนี้
เขารู้สึกว่าเขาล้มเหลวในคำสั่งของแม่
ในทางตรงกันข้ามสวีหว่านเอ๋อร์มีใบหน้าที่สงบและเผยร่องรอยเยาะเย้ยในดวงตา เธอไม่รู้ว่าทำไมสวีมู่หยางโกรธมากขนาดนี้ เป็นเพราะเธอยังงั้นเหรอ?
ไม่ สวีมู่หยางแค่ไม่มีใครที่เขาชอบจริงๆ ดังนั้นเขาจึงไม่เข้าใจความรู้สึกของเธอ
พี่ของเธอใจดีเกินไป และมันคงเป็นเรื่องยากที่คนอย่างเขาจะประสบความสำเร็จ
“แล้วไงล่ะ? ทำไมพี่ต้องโกรธขนาดนี้ด้วยล่ะ? ยังไงก็ไม่ถ่ายหรือมีรูปหลุดอะไรออกมาซะหน่อย?
สวีหว่านเอ๋อร์ตอบกลับเบาๆ ราวกับว่าเรื่องนี้ไม่มีผลกระทบกับเธอเลย สวีมู่หยางมองดูคนที่ได้ชื่อว่าเป็นน้องสาวด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อในความคิดอัปยศของอีกฝ่าย เขาจ้องมองน้องของตนเองด้วยความโกรธเป็นอย่างมาก
“เธอบอกว่ายังไม่ได้ถ่ายเลยงั้นเหรอ! อย่าบอกนะว่าเธอรู้สึกเสียดาย? ฉันจะบอกให้เธอรู้นะวันนี้ฮ่อหยุนเฉิงมาที่บริษัท เธอรู้ไหมว่าถ้ามีข่าวเชิงลบเกี่ยวกับซูฉิงเผยแพร่ออกไปล่ะก็ ฮ่อหยุนเฉิงจะทำอะไรกับบริษัทที่พ่อมอบให้พวกเรา ครอบครัวของเราจะถูกทำลายไปเพราะเธอ และชาวฝรั่งเศสที่เธอจ้างมา เขาเป็นชาวยุโรปและถ้าเธอทำให้เขาไม่พอใจหรือขุ่นเคืองล่ะก็ เธอรู้ไหมว่าเรื่องมันจะเป็นอย่างไร? เธอมันไม่รู้อะไรเลย !”
สวีมู่หยางโกรธมากและเขาไม่สามารถสะกดกลั้นอารมณ์โกรธที่กำลังปะทุขึ้นได้แล้ว ชายหนุ่มไม่รู้ว่าจะดุหรือว่ากล่าวสวีหว่านเอ๋อร์อย่างไรแล้ว
การปะทะกันอย่างรุนแรงระหว่างสองพี่น้องได้เกิดขึ้น สวีมู่หยางที่กำลังเดือดดาลกับสวีหว่านเอ๋อร์ที่ไม่มีท่าทีแยแส
เธอกางมือออกราวกับไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น หญิงสาวเดินไปที่โซฟาและนั่งลงจ้องมองดูสวีมู่หยางด้วยแววตานิ่งเฉย
“พี่ คุณกังวลเรื่องอะไร มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลย ถ้าพวกเขารู้เรื่องนี้แล้วมันจะทำไมล่ะ? ซูฉิงไม่คู่ควรกับหยุนเฉิง เธอเป็นแค่เด็กสาวป่าจากชนบท เธอก็แค่โชคดีและจับพลัดจับพลูขึ้นมาเป็นนายหญิงเท่านั้น และอีกอย่างนะพอฮ่อหยุนเฉิงบอกพี่ว่าคนนั้นเป็นชาวยุโรปพี่ก็เชื่อเขาแล้วเหรอ? พี่นี่มันโง่จริงๆ แค่เขาพูดอะไรพี่ก็เชื่อเขาไปหมด ช่างเถอะ อย่าไปสนใจกับเรื่องไม่เป็นเรื่องพวกนั้นเลย พี่รีบไปตามจับตัวซูฉิงมาเถอะ ฉันจะได้เลือกกังวลใจกับเรื่องพวกนี้สักที พี่ว่ายังไง?”