นางสาวซูแค่อยากถอนหมั้น - ตอนที่ 488 คำขอโทษจากสวีมู่หยาง
นางสาวซูแค่อยากถอนหมั้น ตอนที่ 488 คำขอโทษจากสวีมู่หยาง
“จริงเหรอ?” ยวี๋น่าดูไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่
จิตใจของเธอเต็มไปด้วยภาพของหลินหนานและเฉินซินอ้ายที่ไม่ว่าเธอพยายามจะลบเลือนมันออกไปยังไงมันก็ยังติดอยู่ในใจเธอไม่หาย
“แน่นอน ฉันได้ยินจากแม่ว่าวันนี้เธอไม่ค่อยได้ทานอะไรเลย?” หลินหนานมองลงมาที่ยวี๋น่าด้วยความกังวล
ยวี๋น่านั่งยืดตัวตรงและส่ายหัว “ฉันไม่อยากกิน”
“เธอทำแบบนี้ไม่ได้นะ?” หลินหนานลุกขึ้นยืน “ฉันจะไปที่ครัวและขอให้แม่บ้านทำอาหารที่เธอโปรดปรานมาให้ เธอรอฉันสักครู่”
หลังจากพูดแล้วชายหนุ่มก็ไม่ได้รอให้ยวี๋นาเอ่ยปากพูดสิ่งใด เพราะหลินหนานก็ก้าวออกจากประตูห้องไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อเห็นหลินหนานเดินออกไป ยวี๋น่าก็ชะงักไปครู่หนึ่ง
บางทีสิ่งที่ซูฉิงพูดก็ถูก เธออ่อนไหวเกินไปกับเรื่องนี้
ความสัมพันธ์ของหลินหนานและเฉินซินอ้ายเป็นแค่การทำงานร่วมกันเท่านั้น เพราะหลินหนานมีใจให้เธอเพียงคนเดียว แล้วเธอจะหึงพวงเขาทำไมเนี่ย?
สิบนาทีต่อมา หลินหนานกลับมาที่ห้องพร้อมกับชามซุปไก่ “นาน่า นี่เป็นซุปไก่ที่เพิ่งเคี่ยวเสร็จมาร้อนๆ มีคุณค่าทางโภชนาการมาก เธอลองชิมดูสิ”
“ขอบคุณ” ยวี๋น่ายิ้มหวานและเอื้อมมือไปหยิบชามในมือของหลินหนาน
หลินหนานไม่ได้มอบชามให้ยวี๋น่า เขายักคิ้วขึ้น ริมฝีปากบางของเขาอยู่ใกล้กับหูของยวี๋น่าและเอ่ยเสียงที่นุ่มนวลขึ้น “ฉันจะป้อนอาหารให้เธอทานเอง”
เสียงอ่อนโยนของเขาที่กำลังพูดใกล้ใบหูของเธอ ทำให้หูของยวี๋น่าเปลี่ยนเป็นสีแดง
“อย่าเลย… ฉันทานเองได้…”
ก่อนที่ยวี๋น่าจะพูดจบ เธอเห็นหลินหนานตักซุปหนึ่งช้อนและเตรียมเป่าเพื่อป้อนเข้าปากเธอ เขาป้อนเธออย่างระมัดระวัง “โอเค มันไม่ร้อนแล้ว ดื่มได้เลย”
“ใช่” หัวใจของยวี๋น่าอบอุ่นและเธอก็พยักหน้าเล็กน้อย
หลินหนานป้อนยวี๋น่าด้วยช้อนด้วยความระมัดระวัง เพราะกลัวความร้อนของอาหารจะทำให้หญิงสาวเจ็บตัว
เมื่อมองไปที่ใบหน้าที่หล่อเหลาที่อยู่ตรงหน้าเธอ หัวใจของยวี๋น่าก็เต้นแรงอย่างไม่มีเหตุผล
อันที่จริงหลินหนานเก่งมาก
เขาเป็นคนที่หล่อเหลา อีกทั้งยังมีภูมิหลังทางครอบครัวที่ดี และถึงเป็นดาราดัง ที่สำคัญที่สุดคือเขาจริงใจ อ่อนโยน และอดทนกับเธอมากๆ
ผู้ชายแบบนี้ไม่ได้หาเจอง่ายๆ
แต่ว่า……
ในความคิดของยวี๋น่า ร่างสูงของอู๋เทียนเหอปรากฏขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจ
ไม่รู้ว่าตอนนี้ขาของเขาคนนั้นจะหายดีหรือยัง?
จนถึงวันนี้ยวี๋น่าไม่เชื่อว่าอู๋เทียนเหอจะตกหลุมรักคนอื่น
เธอไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมเขาถึงใจร้ายกับเธอในวันนั้น
เมื่อได้เห็นยวี๋น่ากำลังตกอยู่ในความคิดฟุ้งซ่าน หลินหนานก็วางชามลง และเอื้อมมือไปจับเธอ ดึงรั้งร่างของหญิงสาวให้เข้ามาอยู่ในอ้อมแขนของเขาและกระซิบว่า “เธอกำลังคิดอะไรอยู่?”
ยวี๋น่าละทิ้งความคิดของเธอทั้งหมดลง และคืนสติกลับสู่ความเป็นจริง หญิงสาวส่งยิ้มเบาๆตอบกลับชายหนุ่ม “ไม่มีอะไร”
“หยุดคิดเรื่องไร้สาระได้แล้ว ระหว่างฉันและเฉินซินอ้ายมันไม่มีเรื่องอะไรมากมายกว่าเรื่องงานเท่านั้น” หลินหนานก้มศีรษะลงและจูบที่หน้าผากของยวี๋น่าอย่างอ่อนโยน
……
สตาร์เอ็นเตอร์เทนเมนท์
ซูฉิงมาที่บริษัท และเอ่ยทักทายทุกคนตลอดทาง ดูเหมือนว่าวันนี้หญิงสาวจะอารมณ์ดี
พนักงานในบริษัทต่างรู้ว่าเธอกำลังจะหมั้นในอีกไม่นาน ดังนั้นการหยอกล้อจึงหลีกเลี่ยงหัวข้อการสนทนานี้ไม่ได้ ในตอนบ่ายซูฉิงนั่งทำงานอยู่ในสำนักงานและกำลังดูข้อมูลของแพลตฟอร์มการออกอากาศละครเรื่องล่าสุดบนอินเทอร์เน็ต และทันใดนั้นก็มีคนมาเคาะประตูห้องทำงานของเธอ
“เข้ามา” ซูฉิงพูด
เฉินจุนเหยียนเดินเข้ามาพร้อมถือแท็บเล็ตอยู่ในมือ
“มีอะไรผิดปกติหรือเปล่า?” ซูฉิงเงยหน้าขึ้นและเหลือบมองเฉินจุนเหยียน
เธอได้ส่งมอบบทละครเรื่องใหม่ให้กับผู้เขียนบทแล้ว และคงจะแก้ไขเสร็จในอีกไม่กี่วันนี้
“การตัดต่อ “พ่าหวังเปี๋ยจี” เสร็จเรียบร้อยแล้ว นี่เป็นตัวอย่างที่คนในทีมผลิตส่งมาให้ บังเอิญว่าวันนี้คุณอยู่ในบริษัท ดังนั้นเรามาดูพร้อมกันเถอะ”
เฉินจุนเหยียนกล่าวพลางปัดนิ้วบนหน้าจอและคลิกที่วิดีโอตัวอย่างที่กล่าวอ้างและส่งให้ซูฉิงดูด้วย
ซูฉิงหยิบแท็บเล็ตและจับจ้องรายละเอียดของวิดิโอตัวอย่างอย่างละเอียดยิบ
ภาพหน้าจอและภาพระยะใกล้นั้นถูกต้อง ถึงแม้ว่าฉากบางฉากนั้นจะต้องใช้ขั้นตอนการถ่ายทำที่ค่อนข้างละเอียดอ่อนมาก แต่เมื่อลองเล่นวิดิโอบนหน้าจอขนาดใหญ่ภาพเหล่านั้นกลับไม่หยาบและสวยงามเป็นที่สุด
ซูฉิงดูคลิปมาสองสามคลิปแล้ว ทุกคลิปคือไฮไลท์ของ “พ่าหวังเปี๋ยจี” เมื่อดูจบเธอจึงส่งแท็บเล็ตกลับคืนให้เฉินจุนเหยียนด้วยความพอใจ
“ขั้นตอนหลังการถ่ายทำนั้นดี ฉันสามารถเตรียมและส่งตัวอย่างไปที่เทศกาลภาพยนตร์ได้ ถ้าครั้งนี้มันดี ฉันหวังว่าฉันจะคว้ารางวัลเหรียญทองในเทศกาลภาพยนตร์ได้ และนี่ก็เป็นโอกาสที่ดีสำหรับบริษัทเช่นกัน ”
เฉินจุนเหยียนพยักหน้าและนึกบางอย่างขึ้นได้ เขาแตะปลายนิ้วชี้ลงบนโต๊ะพลางมองที่ซูฉิงแล้วพูดว่า “อย่างไรก็ตามช่วงนี้คุณไม่ได้อยู่ที่บริษัท ฉันได้ยินมาว่า Universal Pictures ก็ยังมีการจัดเตรียมประกวดหนังและมอบเหรียญทองในเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติ
ถึงแม้ว่าธีมภาพยนตร์ที่เราเตรียมไว้จะมีความแตกต่างจากหัวข้อที่ทางนั้นให้มา แต่ Universal Pictures เป็นบริษัทผลิตภาพยนตร์และรายการโทรทัศน์แบบเก่าและโด่งดังมากในเมือง A โดยมีประสบการณ์และคุณสมบัติที่ลึกซึ้งกว่าเรามาก และก่อนหน้านั้น พวกเขามีแพลตฟอร์มภาพยนตร์และโทรทัศน์หลักและโรงละครอยู่แล้ว ภาพยนตร์หลายเรื่องที่ผลิตไปแล้วได้ถูกผลักดันขึ้นและคาดว่าพวกเขาจะพร้อมที่จะพูดกับข้อมูลในเวลานั้น
พ่าหวังเปี๋ยจี” เองก็มีชื่อเสียงที่ค่อนข้างโด่งดังอยู่พอสมควร และในตอนนี้ก็ถ่ายทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว ในเมื่อคุณบอกว่าไม่มีปัญหา เราควรจะเลื่อนเวลาฉายหนังเรื่องนี้ให้เร็วที่สุดดีไหม?
บางทีฉันอาจจะแข่งกับ Universal Pictures ก่อนเทศกาลภาพยนตร์ได้ ไม่อย่างนั้นฉันกลัวว่าหนังเรื่องใหม่จะถูกล้มได้ง่าย…
ซูฉิงส่ายหัว เธอเคยคิดเกี่ยวกับมันแล้ว “ไม่จำเป็น ฉันเชื่อในตัวคุณ และฉันเชื่อในภาพยนตร์เรื่องนี้ หลังจากจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ฉันสามารถส่งมันไปที่เทศกาลภาพยนตร์ได้โดยตรง”
เฉินจุนเหยียนครุ่นคิดสักครู่แล้วพยักหน้าเบาๆ พร้อมหันหลังเดินจากไป
ไม่นานหลังจากนั้นก็มีสายเรียกเข้าจากแผนกต้อนรับอีกสายหนึ่งเข้ามา “คุณหนูซู ประธานตระกูลสวีกรุ๊ปมาที่นี่และบอกว่าเขาต้องการพบคุณ
สวีมู่หยาง?
เมื่อเธอได้ยินชื่อนี้ ซูฉิงก็มีอาการปวดหัวแวบขึ้นมาทันที แต่เมื่อพิจารณาว่าเธอเพิ่งเข้ายึดกิจการของตระกูลสวีกรุ๊ปไม่มีเหตุผลใดทางสวีมู่หยางจะยุติการเป็นหุ้นส่วนกับเธอ “ตกลง ให้คุณหนูสวีขึ้นมา”
สวีมู่หยางเดินเข้ามาในห้องทำงานของซูฉิง เขาจัดชุดแต่งกายให้เรียบร้อยและส่งยิ้มอ่อนโยนไปยังสาวสวยตรงหน้า “สวัสดี คุณซู”
ซูฉิงเงยหน้าขึ้นและผลักกาแฟหนึ่งถ้วยมาตรงหน้าเขา “คุณสวีไม่จำเป็นต้องสุภาพมาก คุณถ่อมาที่นี่ครั้งนี้มีอะไรผิดปกเกิดขึ้นหรือเปล่า สคริปต์มีอะไรผิดปกติหรือไม่ ถ้ามีอะไรก็บอกได้ฉันจะช่วยคุณทันที”
“ไม่ ไม่ ไม่” สวีมู่หยางโบกมืออย่างรวดเร็วและจ้องไปที่ซูฉิงอย่างจริงใจ และเขาลังเลอยู่นานก่อนจะพูดว่า “ที่จริงแล้ว… ฉันมาที่นี่ในวันนี้ก็เพื่อที่จะขอโทษ”
“อืมมม?” ซูฉิงยักคิ้วขึ้นและพูดพยางค์เดียวด้วยความสงสัย เธอและสวีมู่หยางไม่ค่อยมีการติดต่อกันมากนักในทุกวันนี้ ทำไมชายคนนี้ถึงต้องขอโทษเธอด้วย?
คุณสวีเป็นอะไรเหรอ?
“……”
สวีมู่หยางเงียบไปครู่หนึ่ง ไม่รู้ว่าจะพูดอะไร
จากมุมมองของเขาสิ่งที่สวีหว่านเอ๋อร์ทำในครั้งนี้มันช่างอุกอาจเกินไป และอีกทั้งฮ่อหยุนเฉิงที่มาเจอเขาตัวต่อตัว ไม่ว่าจะด้วยเรื่องความปลอดภัยของบริษัทหรือความรู้สึกส่วนตัว เขาเห็นว่าวันนี้ตนควรจะมาขอโทษหญิงสาวตรงหน้า