นางสาวซูแค่อยากถอนหมั้น - ตอนที่ 490 สามีของฉันดูดีที่สุด
นางสาวซูแค่อยากถอนหมั้น ตอนที่ 490 สามีของฉันดูดีที่สุด
ซูฉิงหวังว่าโจเซฟจะเข้าใจ แต่โจเซฟกลับแสดงท่าทางงุนงงเป็นอย่างมากกลับมาแทน
เขาไม่เข้าใจว่าทำไมซูฉิงถึงพูดแบบนั้น และเขาก็บอกกับเธอตรงๆ ว่า “ฉันชอบคุณเพราะคุณสวยดูดีและคุยเก่ง คุณเป็นผู้หญิงจีนที่สวยที่สุดที่ฉันเคยพบเจอมา และฉันชอบคุณตั้งแต่ตอนที่เราได้เต้นด้วยกัน ฉันหวังว่าคุณจะยอมรับฉัน ซูฉิง ฉันไม่ต้องการกลับไปฝรั่งเศสจนกว่าฉันจะจีบคุณติด”
“และอีกอย่าง…” เขากัดริมฝีปากและยิ้มอย่างมีเสน่ห์ “ถ้าคุณไม่ต้องการที่จะกลับไปฝรั่งเศสกับฉัน ฉันก็จะย้ายไปอยู่กับคุณ มันไม่ใช่เรื่องยากอะไรเลย”
“…” เมื่อซูฉิงได้ยินดังนั้น เธอก็พูดอะไรไม่ออกจริงๆ
เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะแสดงความรู้สึกที่เธอมีต่อโจเซฟอย่างไรในเมื่ออีกฝ่ายไม่มีทีท่าว่าจะรับฟัง เธอมองหน้าอีกฝ่ายโดยแฝงไปด้วยความโกรธและตลกปนอยู่ด้วยกัน เธอใช้เวลาค่อนข้างนานกว่าจะพูดประโยคสักประโยคออกมาได้
“คุณฟังฉันนะ ฉันว่าเราไม่เหมาะกันจริงๆ เพื่อเป็นการดีกับตัวคุณเองฉันจึงแนะนำให้คุณกลับไปฝรั่งเศส เพราะมันเป็นไปไม่ได้ที่ฉันจะแยกจากหยุนเฉิง ตอนนี้คุณหมกมุ่นอยู่กับฉันมากเกินไป ถ้าวันหนึ่งคุณเจอคนที่คุณชอบจริงๆคุณจะเข้าใจความรู้สึกของฉันในตอนนี้”
โจเซฟเงียบลงชั่วครู่ เขาขมวดคิ้วอยู่นานราวกับว่าเขากำลังทำความเข้าใจกับคำพูดของซูฉิง เมื่อซูฉิงเห็นท่าทางนิ่งงันของอีกฝ่าย เธอก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกเพราะคิดว่าเขาเข้าใจในความหมายที่เธอพยายามสื่อแล้ว แต่เพียงไม่นานเธอก็ได้ยินเสียงโจเซฟพูดขึ้นอีกครั้ง
“ช่างมันเถอะ ช่างมันเถอะ เธออาจจะไม่สามารถปรับตัวได้เพียงแปปเดียวเท่านั้นแหละ ใช่แล้ว อีกสามวันจะถึงวันเกิดของฉันแล้ว ทำไมคุณไม่พาฉันไปเที่ยวในสถานที่ที่มีชื่อเสียงล่ะ”
ใช่ อีกฝ่ายยังไม่เข้าใจในสิ่งที่เธอต้องการสื่อ
ซูฉิงหันศีรษะและถอนหายใจเงียบๆ ฝ่ามือวางอยู่บนหน้าผาก ใบหน้าหวานแฝงไปด้วยความกังวล เธอเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยและพยายามมองลุกเข้าไปในดวงตาของโจเซฟ แม้ว่าท่าทางในตอนนี้ของเขาจะดูเหมือนหมาตัวใหญ่ที่น่าสงสาร แต่เธอก็ยังต้องปฏิเสธเขาอยู่วันยังค่ำ
เธอไม่อยากให้ฮ่อหยุนเฉิงกังวลใจหรือมีอาการหึงหวงเธอจนไม่เป็นอันทำอะไรอีกแล้ว
“ไม่ได้ ช่วงนั้นฉันมีประชุมและไม่มีเวลาไปช้อปปิ้งในเมืองกับคุณหรอก คุณควรฟังคำแนะนำของฉันและกลับไปฝรั่งเศสเถอะ”
“ไม่!” โจเซฟฟื้นคืนสติและโต้กลับอย่างมั่นใจ “ฉันช่วยคุณและฮ่อหยุนเฉิงในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่โรงแรมครั้งล่าสุด คุณบอกว่าคุณเป็นหนี้บุญคุณฉัน และคุณจะมาพูดกลับคำแบบนี้ไม่ได้นะ!”
ซูฉิงสำลักอยู่ครู่หนึ่ง และเธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะตอบโจเซฟว่าอย่างไร ยังไงเธอก็เป็นคนพูดแบบนี้กับอีกฝ่ายจริงๆ แม้ว่าเธออยากจะปฏิเสธคนตรงหน้า แต่เธอก็ไม่กล้าปฏิเสธอยู่ดี
“ก็ได้……”
หลังจากไตร่ตรองอยู่พักหนึ่งซูฉิงจึงต้องตอบรับอีกฝ่าย “หลังจากผ่านไปสามวันแล้ว ฉันจะไปรอคุณที่ด้านนอกโรงแรมที่คุณพักอยู่ตอนเก้าโมงเช้า และจะพาคุณไปเล่น แล้วพบกันใหม่ ตกลงไหม?”
“แต่ตอนนี้ฉันต้องทำงาน และคุณไม่ควรมารบกวนเวลาทำงานของฉันถึงที่นี่และมันอาจจะทำให้คนอื่นเข้าใจผิดได้ คุณช่วยกลับไปก่อนได้ไหม?”
ขณะที่เธอพูดอยู่นั้นเธอก็เผยรอยยิ้มที่อ่อนโยนที่สุดออกมาด้วย แต่ในความเป็นจริงหัวใจของเธอกลับเต็มไปด้วยความสิ้นหวังและเหนื่อยล้า
โจเซฟจะกลับไปฝรั่งเศสเมื่อไหร่กันนะ
โจเซฟต้องการจะพูดอะไรมากกว่านี้ แต่คำพูดกลับไม่ออกจากปาก เขาพยักหน้าอย่างมีความสุขและโบกมือให้ซูฉิง เขาเดินไปที่ประตูและโบกมือลาหญิงสาวด้วยรอยยิ้มกว้าง
“แล้วเจอกัน อย่าลืมมาหาฉันนะ!”
เขาคิดว่าตราบใดที่เขาสามารถหาโอกาสอยู่กับซูฉิงเพียงลำพังได้ เขาก็ยังมีโอกาสพัฒนาความสัมพันธ์กับหญิงสาวอยู่!
ซูฉิงจับหน้าผากของเธอด้วยอาการปวดหัว ถ้าฮ่อหยุนเฉิงรู้เรื่องนี้เข้าเขาจะต้องมีอาการหึงหวงอีกแน่
เธออ่านบทอีกสองสามบท แต่เธอไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น และทันใดนั้นเธอก็คิดถึงฮ่อหยุนเฉิง
ในความคิดของเธอนั้นเต็มไปด้วยใบหน้าที่หล่อเหลาอย่างหาที่เปรียบมิได้ของฮ่อหยุนเฉิง เธอคิดถึงเขามากๆทั้งๆที่เธอและเขาเพิ่งแยกกันไปทำงานในตอนเช้านี่เอง
ซูฉิงส่ายหัวเบาๆ ปิดคอมพิวเตอร์และขับรถไปที่ฮ่อกรุ๊ป
ซูฉิงยุ่งกับงานของสตาร์เอ็นเตอร์เทนเมนท์มาระยะหนึ่งแล้ว และไม่ได้สนใจงานของฮ่อกรุ๊ปมาเป็นเวลานาน
อย่างไรก็ตามคอลเลคชั่น”น้ำแข็งและไฟ” ซึ่งซูฉิงเคยรับผิดชอบมาก่อนนั้นกำลังเดินทางไปได้อย่างถูกทางและตรงตามเป้าหมายแล้ว
เครื่องประดับ”คอลเลคชั่นน้ำแข็งและไฟ” ได้รับความนิยมอย่างมากและมักจะขายหมดเกลี้ยงทุกครั้ง
และดูเหมือนว่า BPL จะถูกจำกัดไว้มากเมื่อเร็วๆ นี้ และทางด้านหลี่เฉิงหยางก็ไม่มีการเคลื่อนไหวอะไรเลยเช่นกัน
ทุกอย่างดูเหมือนจะสงบ
ซูฉิงขับรถโดยใช้มือทั้งสองข้างกำพวงมาลัยแน่น พลางครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องต่างๆอย่างเงียบๆ
ตั้งแต่คุณปู่มาถึงเมือง A ซูฉิงอยากจะถามคุณปู่เกี่ยวกับเรื่องพ่อแม่ของเธอและเรื่องราวเกี่ยวกับอาเสว่และลุงฉี แต่เธอก็กลับไม่กล้าเอ่ยถามและกล้ำกลืนคำถามเหล่านั้นไปหลายครั้ง
เมื่อตอนที่เธอยังเป็นเด็ก เมื่อใดก็ตามที่เธอพูดถึงหัวข้อนี้ สีหน้าเคร่งขรึมของปู่ของเธอก็ยังคงสถิตอยู่ในใจของเธอ
จากสตาร์เอ็นเตอร์เทนเมนท์ถึงตระกูลฮ่อกรุ๊ปใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วโมงเท่านั้น
ไม่รู้ว่าเพราะอะไรซูฉิงถึงรู้สึกว่ามีรถคันหรูคันหนึ่งกำลังวิ่งไล่ตามรถของเธอมาตลอดระยะทาง เมื่อเธอต้องการสังเกตรถคันดังกล่าวนั้นให้ดี กลับเป็นเหตุให้รถคันนั้นถูกบดบังจากรถคันอื่นอยู่ร่ำไป
หรือเธอตาฝาดไปเองหรือเปล่า?
ซูฉิงขมวดคิ้ว และทันใดนั้นความรู้สึกไม่สบายใจก็ผุดขึ้นในใจเธอ เธอรู้สึกเหมือนกับว่าจะต้องมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นแน่ๆ
ในไม่ช้าซูฉิงก็มาถึงตระกูลฮ่อกรุ๊ป
ทันทีที่เธอเดินไปที่ประตูเธอก็ได้ยินเสียงผู้หญิงแผนกต้อนรับสองสามคนกำลังจับกลุ่มนินทา
“คุณเคยได้ยินเกี่ยวกับคุณซูและเจ้าชายโจเซฟหรือไม่?”
“แน่นอน ฉันเคยได้ยิน เมื่อก่อนดังมาก ทำไมเธอไม่รู้”
“คุณกำลังจะบอกว่าคุณซูชอบเจ้าชายโจเซฟงั้นเหรอ? แล้วเธอชอบคุณฮ่อของพวกเราหรือเปล่า?”
“ฉันยืนหยัดเพื่อคุณฮ่อ คุณฮ่อและคุณซูพรั่งพร้อมไปด้วยความสามารถและเหมาะสม ทั้งสองเป็นคู่ที่สวรรค์สร้างมา”
“เจ้าชายโจเซฟก็ไม่เลวเลยนะ เขาเป็นถึงเจ้าชาย!”
ซูฉิงขมวดคิ้วและกระแอมไอออกมาเบาๆ
“คุณซู” พนักงานต้อนรับหลายคนเงียบไปในทันทีและทักทายซูฉิงด้วยเสียงอันสั่นเทา
ในอนาคตซูฉิงจะเป็นนายหญิงของตระกูลฮ่อและกำลังจะหมั้นกับฮ่อหยุนเฉิง
แม้ว่าทุกวันนี้ข่าวลือเกี่ยวกับซูฉิงและเจ้าชายโจเซฟจะยังคงมีอยู่เรื่อยๆ แต่ข่าวลือนั้นก็เป็นเพียงข่าวลือเท่านั้น
“ถ้าคุณยังต้องการอยู่ในตระกูลฮ่อ อย่าพูดเรื่องไร้สาระพวกนี้ลับหลังพวกเรา” ซูฉิงเหลือบมองที่แผนกต้อนรับและพูดออกมาเบาๆ ร่างสวยก้าวเดินเข้าไปในลิฟต์อย่างกระฉับกระเฉง
“ค่ะ คุณซู ฉันขอโทษ” พนักงานต้อนรับส่วนหน้าหลายคนมองหน้ากันอย่างสำนึกผิดเพราะกลัวตกงาน
ซูฉิงตรงไปที่ห้องทำงานของประธานที่ชั้นบนสุดและเคาะประตู
“เข้ามา” เสียงที่ชัดเจนของฮ่อหยุนเฉิงตอบรับผู้มาเยือน
ซูฉิงผลักประตูและเดินเข้าไป
ฮ่อหยุนเฉิงนั่งตัวตรงอยู่บนเก้าอี้ ตาคมเอาแต่จ้องมองที่หน้าจอคอมพิวเตอร์อย่างตั้งใจ
เขาสวมสูทที่มีความละเอียดสูงสีเทาสโมกกี้ สูทตัวกว้างเผยให้เห็นรูปร่างที่สมบูรณ์แบบของเขาอย่างชัดเจน และใบหน้าของเขาก็งดงามและหล่อเหลาจนทำให้เธอเผลอยิ้มออกมาไม่ได้
แสงตะวันยามอัสดงส่องมาที่ใบหน้าของเขาผ่านหน้าต่างกระจกเงา แสงสีทองส่องแวววับราวกับว่ามีประกายแสงทองปกคลุมไปทั่วร่างกายของเขา และกำลังส่องแสงเจิดจ้า โดดเด่นเป็นประกายระยิบระยับ
เมื่อมองไปที่ชายหนุ่มรูปงามที่อยู่ข้างหน้าเธอ ซูฉิงอดไม่ได้ที่จะนิ่งงันอยู่ครู่หนึ่ง
เมื่อได้ยินเสียง ฮ่อหยุนเฉิงก็เงยหน้าขึ้นและเห็นว่าซูฉิงกำลังจ้องมองเขาอยู่ เขาจึงพูดขึ้นด้วยเสียงที่เคร่งขรึมเพื่อดึงสติหญิงสาวตรงหน้าให้กลับมา “มองดูฉันพอหรือยัง?”
“ไม่พอ” ซูฉิงส่งยิ้มหวานและเดินไปหาฮ่อหยุนเฉิง
“อืม?” คำตอบของซูฉิงค่อนข้างเป็นคำตอบที่ฮ่อหยุนเฉิงคาดไม่ถึง
ซูฉิงนั่งลงบนโซฟาข้างๆ เธอยักคิ้วขึ้นเล็กน้อย “สามีของฉันหล่อขนาดนี้ จะไม่ให้ฉันมองได้ยังไง?”