นางสาวซูแค่อยากถอนหมั้น - ตอนที่ 544 เป็นฉันเองที่ทำร้ายเขา
นางสาวซูแค่อยากถอนหมั้น ตอนที่ 544 เป็นฉันเองที่ทำร้ายเขา
“เธอพูดอะไรน่ะ?”
เซวียโหรวหันกลับมา ก็เห็นหลิวเสี่ยวหนิงยืนอยู่ที่ประตูห้องผู้ป่วย และไหล่ของเธอก็กระตุกเล็กน้อย
เธอก้มศีรษะ น้ำตาไหลอาบแก้ม คอเสื้อก็เปียกปอนไปหมด
“ฉันขอโทษนะคะ…..”
ความรู้สึกผิดในใจที่ติดอยู่ในปากนั้นมีมากมาย แต่สุดท้ายเธอก็พูดได้เพียงแค่สามคำนี้เท่านั้น แต่หลิวเสี่ยวหนิงก็รู้สึกว่าจะทำอะไรได้อีกนอกจากพูดคำขอโทษนี้ออกมา
เมื่อเทียบกับการแสดงออกของหลิวเสี่ยวหนิงแล้ว เซวียโหรวนั้นกลับมองเธออย่างเฉยเมย แล้วนั่งลงข้างๆเตียงผู้ป่วย
“เธอรู้ไหมว่าจิ่นหรานประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ได้อย่างไร?”
หลังจากผ่านไปนาน เซวียโหรวก็พูดขึ้นช้าๆ น้ำเสียงของเธอฟังดูอ่อนโยนมาก เช่นเดียวกับการจ้องมองไปที่จินจิ่นหรานในตอนนี้ของเธอ
หลิวเสี่ยวหนิงจับชายเสื้อแน่น เม้มปากแล้วพูดว่า “เพื่อที่จะไปหาฉัน…ทั้งหมดเป็นเพราะฉัน…เป็นฉันเองที่ทำร้ายเขา…”
ถ้าไม่ใช่เพราะเอาแต่ใจตัวเอง และพูดสิ่งเหล่านั้นด้วยตัวเอง อาจจะไม่เกิดสิ่งเหล่านี้ขึ้นก็ได้
เธอเอามือปิดแก้มทั้งน้ำตา
“มันดูไร้ประโยชน์ที่จะพูดอะไรในตอนนี้”
เซวียโหรวดูเหมือนจะถอนหายใจเฮือกหนึ่ง และกวักมือเรียกหลิวเสี่ยวหนิง”เด็กน้อย มานี่สิ”
หลิวเสี่ยวหนิงตกตะลึงไปอยู่ครู่หนึ่ง และในที่สุดเธอก็เดินไปที่ด้านข้างของเซวียโหรว
เธออดไม่ได้ที่จะเหลือบมองไปที่จินจิ่นหรานที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงผู้ป่วย เขายังคงหมดสติอยู่ มีผ้าพันแผลหลายผืนพันรอบศีรษะของเขาและมีรอยขีดข่วนมากมายบนใบหน้าของเขา
เธอเคยได้ยินมาก่อนว่าจินจิ่นหรานถูกตีที่ศีรษะ มีการกระทบกระเทือนเล็กน้อยและอาจมีอาการอื่นตามมาได้
“เขาไม่เคยเป็นเด็กดีที่เชื่อฟังฉันมาก่อนเลย ตั้งแต่ยังเป็นเด็ก เขาก็ไม่เต็มใจที่จะเรียนเปียโน และพอเขาโตขึ้นเขาก็ไม่เต็มใจที่จะสืบทอดบริษัทของครอบครัวอีกเช่นเคย”
เซวียโหรวโบกมือให้หลิวเสี่ยวหนิงนั่งลง และเธอบอกหลิวเสี่ยวหนิงหลายสิ่งหลายอย่างราวกับว่าเธอกำลังระลึกถึงเรื่องราวเหล่านั้นในอดีต
“เพื่อที่จะเป็นหมอ เขาทะเลาะกับพ่อของเขาหลายต่อหลายครั้ง และเขาก็ยังไม่ยอมต่อให้เขาจะถูกทุบตีไปทั้งตัวก็ตาม”
“เด็กคนนี้ดื้อมาก และเขาจะไม่มีวันปล่อยทิ้งเรื่องที่เขาจริงจัง”
เมื่อได้ยินเช่นนี้หลิวเสี่ยวหนิงก็จำได้ว่าจินจิ่นหรานพูดอะไรกับเธอในตอนแรก
ตอนนั้นเขาใช้อารมณ์แบบไหน ถึงได้พูดว่า… เพื่อเติมเต็มให้เธอและเฉินจุนเหยียน
หลิวเสี่ยวหนิงไม่รู้เลยว่าเธอเอคู่ควรกับการทุ่มเท่ของจินจิ่นหรานอย่างไร
เขาเป็นคนอ่อนโยนเสมอต้นเสมอปลาย แต่ดูเหมือนว่าจะมีไว้เพื่อเธอคนเดียวเท่านั้น
“เขาพูดถึงเธอหลายต่อหลายครั้ง และทุกครั้งที่พูดถึงเธอเขาก็มักจะยิ้มตลอด ฉันดดูออกนะว่าเขาชอบเธอมากจริงๆ”
เซวียโหรวหันไปมองหลิวเสี่ยวหนิง แต่ดวงตาแบบนั้นทำให้เธอรู้สึกราวกับโดนแทงกลับ
“แล้วเธอล่ะ เธอชอบจิ่นหรานไหม?”
น้ำเสียงที่แผ่วเบากระทบกับหัวใจของหลิวเสี่ยวหนิงราวกับภูเขา และความเจ็บปวดทำให้เธอแทบหายใจไม่ออก
เธอเปิดปากของเธอ แต่สุดท้ายเธอก็ไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้
“ช่างมันเถอะ เธอจะชอบหรือไม่แล้วจะยังไงล่ะ เขาเป็นลูกชายของฉัน และเขาจะทำอะไรฉันรู้ดีที่สุด” น้ำเสียงของเธอดูไร้หนทางและลำบากใจเล็กน้อย เซวียโหรวดูเหมือนกำลังระงับการร้องไห้ ในน้ำเสียงของเธอ
ริมฝีปากของหลิวเสี่ยวหนิงสั่นไหว และน้ำตาก็ไหลออกมาเหมือนลูกปัด เธอเช็ดหน้าเพื่อดูใบหน้าของจินจิ่นหราน แต่ในท้ายที่สุด ตาของเธอก็เบลอไปด้วยน้ำตา
“เด็นน้อย อย่าร้องไห้เลย” เซวียโหรวมองหลิวเสี่ยวหนิงและเอื้อมมือไปแตะผมของเธอ “เหตุการณ์นี้เป็น… อุบัติเหตุ ฉันไม่โทษเธอหรอกนะ”
ในความเป็นจริงเซวียโหรวไม่รู้สึกขัดแย้งหรือไม่ชอบหลิวเสี่ยวหนิงเลยแม้แต่น้อย บางทีอาจจะเป็นเพราะนี่เป็นคนที่ลูกชายของเธอชอบ เธอเองก็จะรักด้วยเช่นกัน
หรืออาจเป็นเพราะเธอมามองดูอยู่ที่ประตูวอร์ดอย่างระมัดระวังมาช่วงสองวันนี้
เซวียโหรวคิดเสมอว่าเธอเป็นเด็กดี
แต่ว่า……
“คุณป้าคะ… คุณจะดุหรือตีฉันก็ได้ ได้โปรดอย่ายกโทษให้ฉันเลย ถ้าไม่ใช่เพราะความเอาแต่ใจของฉัน ฉันคงไม่ทำร้ายจิ่นหรานให้อยู่ในสภาพอนาถขนาดนี้…”
หลิวเสี่ยวหนิงร้องไห้อย่างขมขื่นและก้มลงเล็กน้อย
“ลูกเอ๋ย นี่ไม่ใช่ความผิดของเธอเพียงคนเดียว แม้ว่าฉันจะโยนความโกรธไปลงที่เธอหมด มันก็ไม่ได้ช่วให้อะไรเปลี่ยนแปลงได้”
เซวียโหรวตบหลังมือของหลิวเสี่ยวหนิงเบาๆ ราวกับว่าเธอตัดสินใจแล้ว จากนั้นเธอก็พูดด้วยน้ำเสียงที่ลึกล้ำ
“ถึงแม้จิ่นหรานจะชอบเธอมาก แต่เธอ… ดังนั้นฉันแค่หวังว่าเธอจะไม่มาปรากฏตัวต่อหน้าเขาอีก”
ด้วยเสียงนี้ ดูเหมือนว่าจะมีการระเบิดในหูของหลิวเสี่ยวหนิง ทำให้จิตใจของเธอว่างเปล่าไปครู่หนึ่ง
เธอจ้องไปที่เซวียโหรวอย่างว่างเปล่าและทันใดนั้นก็สูญเสียคำพูดของเธอไปชั่วขณะ
“โอเคไหม?” เซวียโหรวถามอีกครั้งเมื่อเธอเห็นหลิวเสี่ยวหนิงไม่ได้ตอบอะไร
หลิวเสี่ยวหนิงไม่ได้ยินสิ่งที่เซวียโหรวพูดอีกต่อไป เธอกัดริมฝีปากของเธออย่างเฉยเมย เล็บของเธอแดงมากจนฝ่ามือของเธอดูเหมือนจะไม่รู้สึกอะไรแล้ว
ต่อไปอย่ารบกวนเขาอีก และให้เขามีชีวิตที่สงบสุข
หลิวเสี่ยวหนิงคิดว่าการเผชิญหน้าครั้งนั้นเปลี่ยนชีวิตพวกเขาไป
เธอรู้สึกว่าเธอควรจะตกลง เพราะตอนนี้เธอรู้สึกว่าเธอเองก็น่าจะยังชอบเฉินจุนเหยียนอยู่ไม่ใช่หรือ?
แต่ทำไมเมื่อมองไปที่จินจิ่นหราน ตอนนี้เธอถึงรู้สึกเหมือนอกหัก
ในท้ายที่สุด หลิวเสี่ยวหนิงก็ยังไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไร และเดินออกจากวอร์ดไปด้วยอาการเขินอาย
ทันทีที่เธอปิดประตู แรงทั้งหมดของเธอก็ถูกพรากไป และเธอก็ล้มลงกับพื้น ร้องไห้เงียบๆ
ในวอร์ด จินจิ่นหรานซึ่งน่าจะอยู่ในอาการโคม่าได้ลืมตาขึ้นเมื่อหลิวเสี่ยวหนิงจากไป
เขามองไปที่วอร์ดสีขาวโดยไม่ได้แสดงสีหน้าใดๆ
“ได้ยินแล้วใช่ไหม?” เซวียโหรวมองไปที่จินจิ่นหรานและถามเบาๆ
จินจิ่นหรานอยากจะเบือนหน้าหนี แต่ถึงแม้เขาจะขยับเล็กน้อยเขาก็รู้สึกเสียวซ่าในหัว เขาตัวแข็งทื่อโดยดูไม่ออกเลยว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
“เธอไม่ได้เลือกที่จะอยู่ต่อ นี่ก็เป็นคำอธิบายแทนคำตอบทั้งหมดของเธอแล้ว”
เซวียโหรวอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ ถ้าเด็กน้อยคนนั้นเต็มใจที่จะอยู่ต่อ หรือเต็มใจจะพูดอะไร ก็อาจจะต่างออกไป
แต่สุดท้ายเธอกลับเลือกที่จะหนีไป
……
หลิวเสี่ยวหนิงกลับมาที่บริษัทอย่างเร่งรีบ สื่อนับไม่ถ้วนมารวมตัวกันที่ประตู ทันทีที่เขาเห็นหลิวเสี่ยวหนิง พวกเขาก็ล้อมเธอเอาไว้
“คุณหลิวเสี่ยวหนิง ฉันได้ยินมาว่าแฟนของคุณประสบอุบัติเหตุทางรถ คุณช่วยเล่าสถานการณ์ปัจจุบันให้เราฟังได้ไหมคะ?”
“คุณหลิวเสี่ยวหนิง เมื่อกี้คุณไปเยี่ยมคุณจินจิ่นหรานมาใช่หรือเปล่า?”
“ฉันได้ยินมาว่าคุณสองคนเลิกรากันไปนานแล้ว คุณจะอธิบายเรื่องนี้ยังไงดีครับ?”
หลิวเสี่ยวหนิงเพิกเฉยต่อเสียงที่ดังเหล่านี้ แสงแวบ ๆ ทำให้เธอหรี่ตาลง เดิมทีเธอเอื้อมมือไปปิดตาของเธอ แต่เธอไม่ต้องการสัมผัสไมโครโฟนของนักข่าวที่อยู่ใกล้เธอที่สุด
ดูเหมือนว่าสื่อทั้งหมดจะได้รับข่าวใหญ่ในตอนนี้ และต่างก็พากันจับภาพของช่วงเวลานี้
“ไปให้พ้น…ไปให้พ้น…”
หลิวเสี่ยวหนิงที่วิญญาณของเขากำลังจะพังทลาย ไม่สามารถทนได้อีกต่อไป เธอปิดหูด้วยความเจ็บปวดและต้องการหนีไปจากที่แห่งนี้
อย่างไรก็ตามไม่ว่าที่ไหนก็ตาม ต่อหน้าเธอที่มีไมโครโฟนนับไม่ถ้วนมันก็เหมือนมีดที่ตัดเธอออกเป็นชิ้นๆ
“หยุดถ่ายได้แล้ว! พวกคุณทุกคนหยุดถ่ายเดี๋ยวนี้!”
ในเวลานี้เอง เฉินจุนเหยียนซึ่งเดิมที่วันนี้มีการประกาศ แต่ทันทีที่เขาออกจากบริษัทก็ได้เห็นฉากดังกล่าว และรีบเข้าไปบล็อกนักข่าวออกจากหลิวเสี่ยวหนิงทันที
เฉินจุนเหยียนขยิบตาให้ผู้จัดการและขอให้เขาพาหลิวเสี่ยวหนิงออกไปทันที