นางสาวซูแค่อยากถอนหมั้น - ตอนที่ 56 อุบัติเหตุระหว่างการถ่ายทำ
ทันใดนั้นก็มีเสียงดังมาจากประตู
ซูฉิงมองไปที่ประตูและเห็นสวีหว่านเอ๋อร์ยืนอยู่ที่ประตู โหวกเหวกโวยวายว่าเธอต้องการจะเดินเข้ามาในสตูดิโอ แต่พนักงานก็ห้ามเอาไว้
“ขออภัยค่ะคุณสวี คุณเข้าไปไม่ได้นะคะ” พนักงานกล่าวอย่างสุภาพ
“ทำไมฉันจะเข้าไปไม่ได้?” ดวงตาของสวีหว่านเอ๋อร์จับจ้องไปที่ด้านในสตูดิโอ
ฮ่อหยุนเฉิงกำลังนั่งอย่างสง่างามในที่นั่งของเขา
เช้าวันนี้ พี่ชายของสวี่หว่านเอ๋อร์มาที่ตระกูลฮ่อกรุ๊ปเพื่อหารือกับฮ่อหยุนเฉิงเรื่องแผนความร่วมมือระหว่างทั้งสองตระกูล
สวีหว่านเอ๋อร์ก็ขอพี่ชายของเธอให้พาเธอมาที่นี่ด้วย เพียงเพื่อมาพบคนรักของเธอ
แต่ฮ่อหยุนเฉิงยังคงเฉยเมยต่อเธอ ซึ่งทำให้สวีหว่านเอ๋อร์เศร้ามาก
สวีหว่านเอ๋อร์พยายามมาก แต่ฮ่อหยุนเฉิงกลับไม่ได้สนใจเธอเลย
ไม่ง่ายเลยที่เธอจะได้พบฮ่อหยุนเฉิง แน่นอนว่าเธอต้องการเข้าไปข้างใน
ยิ่งไปกว่านั้นคือซูฉิงยังอยู่ข้างใน
แน่นอนว่าต้องเป็นแผนของนังนั่นแน่ๆ ไม่เช่นนั้นฮ่อหยุนเฉิงจะทิ้งงานมาที่สตูดิโอเพื่อดูการถ่ายโฆษณานี่ได้อย่างไร?
“ฉันมาหาฮ่อหยุนเฉิง พวกเธอให้ฉันเข้าไปข้างในนะ” สวีหว่านเอ๋อร์ถลึงตาอย่างโกรธจัดที่พนักงานที่ห้ามเธอไว้ “เธอไม่รู้จักฉันเหรอ? ฉันเป็นคุณหนูตระกูลสวีนะ”
พนักงานต้องจำสวีหว่านเอ๋อร์ได้อยู่แล้ว พนักงานจึงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง “ถ้าอย่างนั้นฉันไปถามท่านประธานก่อนค่ะ”
พนักงานเดินไปข้างหน้าฮ่อหยุนเฉิง และถามด้วยความเคารพ “ประธานฮ่อคะ ด้านนอกคนชื่อคุณสวีบอกว่ามาหาคุณค่ะ เธอต้องการเข้ามา ได้ไหมคะ?”
ฮ่อหยุนเฉิงยกริมฝีปากบางของเขาขึ้นเล็กน้อยและพูดอย่างเย็นชาว่า “บอกให้เธอออกไป”
“ต้องขอโทษจริงๆ ค่ะคุณสวี เรากำลังถ่ายทำโฆษณาจึงไม่อนุญาตให้บุคคลภายนอกเข้าไปค่ะ” พนักงานพูดห้ามสวีหว่านเอ๋อร์อย่างมีสติ
“ถ้างั้นฉันจะยืนอยู่ที่นี่ก็ได้” สวีหว่านเอ๋อร์ไม่ยอมแพ้
เมื่อเห็นใบหน้าที่บูดบึ้งของสวีหว่านเอ๋อร์ ซูฉิงก็รู้สึกอารมณ์ดีอย่างช่วยไม่ได้ เธอกำลังจดจ่อกับการถ่ายโฆษณาของแอนนี่และเฉินจุนเหยียน
เฉินจุนเหยียนสมแล้วที่เป็นซุปเปอร์สตาร์ และผลงานของเขาแทบจะสมบูรณ์แบบเลย
แต่แอนนี่กลับขาดอารมณ์ไปเล็กน้อย
“หยุดก่อนค่ะ” ซูฉิงขมวดคิ้วและพูดขัดจังหวะ
“มีอะไรเหรอ?” เฉินจุนเหยียนถามด้วยความเป็นห่วงเมื่อเห็นซูฉิงเดินเข้ามาหาพวกเขา
ดวงตาของซูฉิงจ้องไปที่เรือนร่างของแอนนี่ และพูดอย่างเฉยเมย “แอนนี่ เมื่อกี้คุณทำสีหน้าไม่ค่อยถูกน่ะค่ะ”
แอนนี่มองที่ซูฉิงอย่างไม่ค่อยเป็นมิตร “ไม่ถูกตรงไหนเหรอ?”
“ธีมของ ‘น้ำแข็งและไฟ’ คือการเน้นย้ำถึงความสง่างามและความหลงใหลของผู้หญิงทั้งสองด้าน แต่การแสดงออกของคุณเมื่อกี้มีเป็นเพียง ‘ไฟ’ เท่านั้น ซึ่งขาดความรู้สึก ‘น้ำแข็ง’ ไปเล็กน้อย” ซูฉิงอธิบายนิ่งๆ
“ฉันไม่คิดอย่างนั้นนะ” ใบหน้าของแอนนี่บึ้งตึง เห็นได้ชัดว่าไม่พอใจซูฉิง “คุณซู คุณเข้าใจการถ่ายภาพโฆษณาหรือเปล่าคะ? ถ้าคุณไม่เข้าใจก็อย่าพูดมั่ว”
ซูฉิงว่าเธอต่อหน้าผู้คนมากมายงั้นเหรอ?
ซูฉิงเป็นแค่เลขาระดับล่างเท่านั้น แต่เธอเป็นแฟนของบรูซ
เมื่อเห็นท่าทางที่เย่อหยิ่งและไม่ยอมรับของแอนนี่ ซูฉิงก็ยิ้มเบาๆ และกล่าวว่า “ฉันรู้แค่ในฐานะเอเจนซี่น่ะค่ะ ซึ่งต้องตีความแนวคิดหลักของผลิตภัณฑ์ ถ้าคุณแอนนี่ทำไม่ได้ ฉันก็จำเป็นต้องเปลี่ยนคนมาถ่ายแทน”
“เธอ!” ใบหน้าของแอนนี่เปลี่ยนไปทันที เธอไม่คิดเลยว่าซูฉิงจะไม่ไว้หน้าเธอเลย
แอนนี่มองบรูซด้วยแววตาที่น่าสงสาร “ที่รัก เค้าถ่ายแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ?”
บรูซยืนขึ้น และเดินไปหาแอนนี่ด้วยดวงตาสีฟ้าเข้ม “คุณซูพูดก็มีเหตุผลนะ เธอถ่ายใหม่ตามที่เธอบอกอีกรอบสิ”
อะไรนะ?
แอนนี่ตกตะลึง ตอนแรกคิดว่าบรูซจะออกหน้าให้เธอ และสอนบทเรียนให้ซูฉิง แต่ทำไมเขาถึงไปช่วยพูดให้ซูฉิงล่ะ?
สัญญาณเตือนดังขึ้นในใจของแอนนี่ แต่ต่อหน้าบรูซ เธอต้องกลืนความแค้นลงไป และฝืนยิ้มไว้ “โอเค เรามาถ่ายกันใหม่”
แต่ไม่ว่าแอนนี่จะถ่ายอย่างไร ซูฉิงก็มองเห็นอารมณ์อันสูงส่งและสง่างามในตัวเธอได้
“ไม่ได้!” ซูฉิงเรียกคัตซ้ำแล้วซ้ำเล่า ชี้ไปที่แอนนี่อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
แต่แอนนี่กลับไม่ให้ความร่วมมือมากขึ้นเรื่อยๆ และผลงานที่ถ่ายออกมาก็แย่ลง
ดวงตาที่สวยงามของซูฉิงกลายเป็นเย็นชาขึ้นทันที เธอดึงแอนนี่ออกมา และเข้าไปทำเป็นตัวอย่างให้
“ก้มหัวลง แล้วยกมือขึ้น โดยเฉพาะดวงตาของคุณ เพื่อแสดงความรู้สึกที่สูงส่งเกินกว่าจะเอื้อมถึงได้” ซูฉิงยืนข้างเฉินจุนเหยียน เอามือซ้ายวางบนไหล่ของเขา ทำให้การตีความ “น้ำแข็งและไฟ” ดูเด่นชัดขึ้นมา
“ใช่ ความรู้สึกนี้แหละคือสิ่งที่ฉันต้องการ” ช่างภาพดีดนิ้ว และชมการแสดงออกของซูฉิง
ซูฉิงและเฉินจุนเหยียนยืนอยู่ด้วยกันราวกับคู่รักที่เหมาะสม
ฮ่อหยุนเฉิงที่นั่งเงียบ ๆ อยู่ข้าง ๆ ทันใดนั้นก็ลุกขึ้นยืนพร้อมกับความเย็นชาที่น่าสะพรึงกลัวในดวงตาของเขา
ไม่ว่าเขาจะไปที่ไหน มันก็เหมือนกับเป็นวันที่อากาศหนาวเหน็บ ทำให้ผู้คนรู้สึกเหมือนตกลงไปในห้องใต้ดินน้ำแข็ง
ฮ่อหยุนเฉิงเดินตรงไปที่เวทีถ่ายแบบ ดึงเฉินจุนเหยียนออกไป และเข้าไปยืนข้างซูฉิง และพูดอย่างเย็นชาว่า “ฉันเอง!”
“ห๊ะ?” ซูฉิงมองฮ่อหยุนเฉิงด้วยความประหลาดใจ
เกิดอะไรขึ้นกับเขา?
ฮ่อหยุนเฉิงมองเธออย่างเย็นชา “เป็นแบบสาธิตไม่ใช่เหรอ? ฉันก็เลยมาทำไง”
มุมปากของเขายกขึ้นอย่างเยือกเย็นราวกับน้ำแข็ง ซูฉิงผู้หญิงคนนี้มีความกล้าหาญมากขึ้นเรื่อยๆ เลยนะ เธอกล้าคุยกับเฉินจุนเหยียนต่อหน้าเขาเลยเหรอ
ตอนนี้ก็ยังเป็นเวลาทำงานอยู่ด้วย
ไม่เห็นหัวเขาเลยเหรอไง?
ซูฉิง: “…”
โฆษณาอย่างนี้จำเป็นต้องให้ประธานบริษัทมาสาธิตเลยเหรอ?
เฉินจุนเหยียน: “…”
เขาเป็นซูปเปอร์สตาร์อยู่แล้ว เขาต้องให้ฮ่อหยุนเฉิงมาสาธิตให้เขาดูด้วยเหรอ?
ฮ่อหยุนเฉิงราวกับมีสปอร์ตไลท์เป็นของตัวเอง ยืนอยู่บนเวทีก็สามารถดึงดูดความสนใจของทุกคน ไม่น้อยไปกว่าเฉินจุนเหยียนเลย
“นี่มันสมบูรณ์แบบมาก!” ดวงตาของช่างภาพเปล่งประกายด้วยความประหลาดใจ เมื่อเปรียบเทียบกับเฉินจุนเหยีนนแล้ว ฮ่อหยุนเฉิงและซูฉิงยืนอยู่ด้วยกันแล้วดูเข้ากันได้ดีกว่า
“เอาล่ะฮ่อหยุนเฉิง เราให้ตัวเอกของวันนี้ขึ้นมาถ่ายกันเถอะ ” ซูฉิงมองไปที่แอนนนี่ด้วยความโกรธ และเลิกคิ้วของเธออย่างเย็นชาและพูด
ซูฉิงกำลังจะก้าวลงจากเวที ทันใดนั้น แสงไฟที่ส่องลงมาจากด้านบนของศีรษะของเธอก็สั่นอย่างรุนแรง
ซูฉิงเงยหน้าขึ้นมองทันที จึงเห็นว่าโคมแก้วบนเพดานกำลังตกลงมาโดยไม่มีสัญญาณเตือนใดๆ ซึ่งพุ่งลงมาใส่ซูฉิงโดยตรง
“ระวัง!” สามเสียงดังขึ้นพร้อมกัน
ฮ่อหยุนเฉิง เฉินจุนเหยียน และบรูซตะโกนขึ้นพร้อมกัน ในที่สุดฮ่อหยุนเฉิงก็มือไวกว่า ใช้แขนของเขาโอบไว้ที่รอบเอวบางของซูฉิง และล้มลงไปกับพื้นไปด้านข้าง เขาปกป้องร่างกายทั้งหมดของเขาไว้ในอ้อมแขนของเขา
ซูฉิงรู้สึกเพียงว่าโลกหมุนไปชั่วขณะหนึ่ง เธอและฮ่อหยุนเฉิงต่างก็ล้มลง
ในเวลาเดียวกัน โคมไฟก็ตกลงมาที่พื้นและแตกเป็นเสี่ยงๆ เสียงดังสนั่น
เศษแก้วชิ้นหนึ่งกระเด็นใส่ขาของซูฉิง ทำให้เลือดไหลออกมา ทำให้กระโปรงสีขาวเป็นสีแดงน่ากลัว
“เธอโอเคไหม?” ดวงตาที่นุ่มลึกของฮ่อหยุนเฉิงฉายแววความกังวลออกมา และเขาอุ้มซูฉิงขึ้นมา “ฉันจะพาเธอไปโรงพยาบาล”
ซูฉิงดิ้นอยู่ครู่หนึ่ง “ปล่อยฉันลงเถอะ”
“อย่าขยับ!” น้ำเสียงของฮ่อหยุนเฉิงดูเข้มงวดจนไม่มีใครปฏิเสธได้ “เธอได้รับบาดเจ็บแล้ว”
ภายใต้การจับตามองของทุกคน ฮ่อหยุนเฉิงก็อุ้มซูฉิงเดินออกจากสตูดิโอไป