นางสาวซูแค่อยากถอนหมั้น - ตอนที่ 636 เจอสวีหว่านเอ๋อร์
นางสาวซูแค่อยากถอนหมั้น ตอนที่ 636 เจอสวีหว่านเอ๋อร์
คำพูดต่อมา เหยียนถังหลินสีหน้าไม่สู้ดี:”ผมก็แค่อยากจะเลี้ยงข้าวคุณหลินสักมื้อ คุณซูไม่ต้องร้อนใจขนาดนั้นก็ได้มั้ย”
“ใครจะรู้ล่ะว่าคนอย่างคุณจะแอบทำเรื่องอะไรได้”
หลิวเจียวเจียวขยับไปหลบด้านหลังซูฉิง รู้สึกอุ่นใจเป็นอย่างมาก
ซูฉิงที่มีอำนาจไม่ได้ด้อยไปกว่าฮ่อหยุนเฉิงเลย พอรังสีอำนาจแผ่กระจายออกมาก็ทำให้คนต้องหลบ
“เรื่องที่คุยเคยทำไว้ คุณลืมไปแล้วหรอ ฉันยังจำไม่เคยลืมนะ”
สายตาเย็นชาของซูฉิง มองเหยียนถังหลินด้วยสายตารังเกียจแม้จะไม่ได้พูดออกมาแต่ก็ดูออก
“เรื่องที่ผ่านไปแล้วก็ถือเป็นเรื่องในอดีต วันนี้จะหยิบเอามาพูดก็ไม่มีประโยชน์”
แต่ใครจะรู้ว่าเหยียนถังหลินจะยู่ปากพูดมาอย่างนี้ ตั้งใจไม่พูดถึงเรื่องในอดีตอีก
หลินเจียวเจียวสูดลมหายใจเข้าปอดลึก เรื่องของเหยียนถังหลินที่เคยทำไว้ เธอไม่เคยลืมเลย
และตอนนี้ เขาก็ยังมีหน้าพูดออกมาได้ว่าเป็นเรื่องอดีตและมันผ่านก็ไปแล้ว
หลินเจียวเจียวก้มหน้า เพราะตนเจอผู้ชายไม่ดี ถึงต้องเดินไปตามเกมของคนคนนี้
“เหอะ”
ซูฉิงยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา แล้วก็กระชากจับคอเสื้อของเหยียนถังหลินแน่น “หลังจากที่นายกลับมารสนิยมนายจะเปลี่ยนไปมากนะ มายุ่งกับเจียวเจียวไม่หยุด นายกำลังคิดอะไรกันแน่”
เหยียนถังหลินที่เห็นท่าทางสงสัยของซูฉิงก็สีหน้าเปลี่ยน:”ไม่เกี่ยวกับเธอ ฉันก็แค่อยากจะกินข้าวกับเจียวเจียวสักมื้อเอง”
“นายอย่ามาโทษว่าฉันไม่เห็นแก่หน้านายนะ!”
ซูฉิงที่พูดแล้วก็ปล่อยคอเสื้อของเหยียนถังหลิดออก แล้วหันไปทางเจียวเจียว:”เจียวเจียวเป็นเด็กผู้หญิงไร้เดียงสาคนหนึ่ง เธอเคยทำเพื่อนายมามาก ตอนนี้นายยังจะกลับมายุ่งกลับเธออีก ตั้งแต่โบราณยังไม่เคยได้ยินเรื่องแปลกอะไรอย่างนี้มาก่อนเลย”
หลินเจียวเจียวที่กลั้นลมหายใจ มองซูฉิงที่มีท่าทางเบ่งอำนาจ อย่างที่เธอไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน
“โอ๊ะ ?”
เหยียนถังหลินยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา แล้วเลียริมฝีปาก แล้วมองอย่างสนใจ:”หล่อนก็เป็นแค่ของเล่นที่ฉันอยากทิ้งเมื่อไหร่ก็ได้”
หลินเจียวเจียวที่พอได้ยินอย่างนั้นก็ถึงกับไหล่สั่นด้วยความโกรธ
“นายหุบปากไปนายนะ!”
ซูฉิงตวาดว่าเหยียนถังหลิน เธอยังคิดที่จะไว้หน้าเหยียนถังหลินอยู่บ้าง แต่ตอนนี้ดูแล้ว เขาไม่มีหน้าที่ต้องให้ไว้แล้ว
ซูฉิงง้างมือตบไปที่หน้าของเหยียนถังหลิน เหยียนถังหลินถึงกับอึ้งนิ่ง คิดจะจับข้อมือของซูฉิงแล้วผลัก แต่หลินเจียวเจียวเข้ามาพยุงซูฉิงไว้ทัน และก็ตบเข้าที่หน้าของเหยียนถังหลินอีกครั้ง
และสถานการณ์ตอนนี้ก็ดึงดูดสายตาของคนรอบข้างจนเป็นที่สนใจ
คนที่เดินผ่านไปผ่านมาเห็นเรื่องที่เกิดขึ้น ก็ทยอยถอนหายใจออกมาที่ตบตีกัน ทันใดนั้นคนที่มุงดูต่างก็ด่าทอเหยียนถังหลิน
เหยียนถังหลินลูบหน้า คิดไม่ถึงว่าจะพูดซูฉิงตบหน้าจนทำให้ขายหน้าอย่างนี้
อีกด้าน ต่างประเทศ
คุณนายฮ่อนั่งอยู่ริมหน้าต่าง มองดูคนใช้ที่เฝ้าอยู่หน้าประตู ก็รู้สึกอึดอัด
นับตั้งแต่ที่ถูกส่งตัวมาอยู่ต่างประเทศ คนใช้ที่อยู่ด้วยต่างก็เป็นคนของคุณท่านฮ่อ เวลาว่างก็อ่านหนังสือหรือไม่ก็รดน้ำต้นไม้ ไม่มีใครที่พอจะสามารถพูดระบายแก้เซ็งได้
อยู่ๆ คุณนายก็นึกถึงสวีหว่านเอ๋อร์ขึ้นมา
เธอพ่นลมหายใจออกมาเบาๆ ก่อนหน้านี้ มีเพียงสวีหว่านเอ๋อร์เท่านั้นที่คอยมาอยู่เป็นเพื่อนเธอ
พอนึกถึงลูกชายไม่รักดีของตัวเองขึ้นมา คุณนายฮ่อทั้งโมโหทั้งแค้น
และเวลานี้เอง คุณนายฮ่อก็มองเห็นคนหน้าคุ้นอยู่ไม่ไกล
คนนั้นยืนบิดตัวไปมา สวมชุดเดรสสีเหลือง ดูแล้วไม่เหมือนสไตล์การแต่งตัวของคนต่างชาติ
คุณนายฮ่อขยี้ตาเบาๆ กลัวว่าตัวเองตาฝาด คิดไม่ถึงว่าอยู่ต่างประเทศอย่างนี้จะได้เจอคนชาติเดียวกัน
แต่ว่าคุณนายฮ่อยิ่งดูยิ่งรู้สึกคุ้นตาคนๆ นั้น เหมือนเคยเจอที่ไหน
คุณนายฮ่อเข้าไปหยิบเอาแว่นส่องทางไกลในห้องออกมาส่องดู แล้วส่องมาจากทางช่องหน้าต่าง
ผ่านไปนาน คุณนายฮ่อก็ได้วางกล้องส่องทางไกลลอง คิดไม่ถึงว่าคนที่อยู่ตรงนั้นจะเป็นสวีหว่านเอ๋อร์!
คิดไม่ถึงว่าสวีหว่านเอ๋อร์ที่ครอบครัวสิ้นเนื้อประดาตัวแล้วแต่ก็ยังมีวิลล่าอยู่ต่างประเทศ แต่ตัวของสวีหว่านเอ๋อร์ที่ตอนนี้ดูซูบผอมลงไปมาก
คุณนายฮ่อมองซ้ายแลขวาแล้ว ก็เดินไปทางหน้าประตู พูดกับคนรับใช้สองคนว่า:”หนังสือในบ้านฉันอ่านหมดแล้ว ฉันอยากจะไปซื้อหนังสือใหม่”
“ได้ค่ะ คุณนาย พวกเราจะติดตามได้ด้วย”
เหล่าคนรับใช้โค้งคำนับให้กับคุณนายฮ่อ แล้วก็เดินตามเธอมาติดๆ
ทำให้คุณนายฮ่อรู้สึกไม่เป็นอิสระ คิดไม่ถึงว่าคุณท่านฮ่อจะป้องกันตัวเองขนาดนี้ จะไปไหนมาไหนก็ต้องมีคนคอยติดตาม
แต่คุณนายฮ่อก็ไม่แคร์ เดินมาถึงบ้านที่สวีหว่านเอ๋อร์พักอยู่
“คุณนาย เดินมาผิดทางแล้ว…..”
“หุบปาก!”
คนรับใช้อยากจะพูดเตือนคุณนาย แต่กลับถูกตะคอกกลับ ทำให้เธอไม่กล้าพูดอะไรต่อ
เพราะคุณนายฮ่อก็เป็นคุณนายตระกูลฮ่อ นี่คือความเป็นจริง
และทันใดนั้นเอง สวีหว่านเอ๋อร์ที่ถือชื่อดอกไม้เดินมา
ที่ที่ร้องฮัมเพลงไปด้วย คิดว่ามาใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศก็ไม่เลว
“หว่านเอ๋อร์”
คุณนายฮ่อที่เห็นวสวีหว่านเอ๋อร์ ก็เปลี่ยนสีหน้าทันที
สวีหว่านเอ๋อร์ที่พอเห็นคุณนายฮ่อ ก็รู้สึกโกรธจนไหล่สั่น แล้วหันหน้าไปทางอื่น
“ไม่ทราบว่าคุณเป็นใครคะ น่าจะจำผิดคนแล้วค่ะ”
สวีหว่านเอ๋อร์ที่พูดภาษาต่างประเทศ ทำให้คุณนายฮ่อรู้สึกไม่ชิน
ถึงแม้คุณนายฮ่อจะมีความสามารถเรื่องภาษาต่างประเทศ ได้ก็พอเข้าใจความหมายคำพูดของสวีหว่านเอ๋อร์ แต่ก็เข้าใจว่าเธอไม่อยากจะรู้จักตน
“หว่านเอ๋อร์ ป้าเอง เธอมาอยู่ที่นี่ได้ไม่นาน ก็ลืมป้าแล้วหรอ”
“พวกเราไม่รู้จักกันจริงๆ นะคะ คุณน่าจะจำผิดคนแล้ว”
สวีหว่านเอ๋อร์ที่ก้มหน้าเดินถอยหลังไปหลายเก้า ทำเป็นไม่รู้จักคุณนายฮ่อ
ทำให้คุณนายฮ่อรู้สึกเสียใจ คิดไม่ถึงว่าตอนนี้สวีหว่านเอ๋อร์ก็ไม่อยากจะรู้จักตนแล้ว
“หว่านเอ๋อร์ ป้าไม่ดีเอง ที่ทำให้เธอต้องลำบาก”
คุณนายฮ่อที่ก้าวเดินเข้มมาแล้วรั้นที่จะจับมือสวีหว่านเอ๋อร์ไว้แน่น :”ป้าก็จนใจ ภายในบ้านป้าไม่มีสิทธตัดสินใจอะไรได้ อะไรที่ป้าทำได้ป้าก็ทำแล้ว แต่ก็ยังทำให้เธอเสียใจอีก”
คนรับใช้ที่อยู่ข้างๆ ก็มองหน้าสบตากัน คิดไม่ถึงว่าคุณนายฮ่อจะอ่อนโยนกับสวีหว่านเอ๋อร์ขนาดนี้
“คุณปล่อยฉันเถอะค่ะ ฉันไม่รู้จักคุณจริงๆ”
สวีหว่านเอ๋อร์พยายามขัดขืน ตอนนี้เธอใช้ชีวิตอยู่ที่นี้ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ร่ำรวยเหมือนแต่ก่อน แต่ก็ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขแล้ว เธอไม่อยากเข้าไปข้องแวะกับตระกูลฮ่ออีกแล้ว
พอเห็นว่าคุณนายฮ่ออยู่ที่นี่ สวีหว่านเอ๋อร์ก็เดาออกว่า คุณนายฮ่อน่าจะทำอะไรผิด ถึงได้ถูกคุณปู่ฮ่อกับฮ่อหยุนเฉิงส่งมาที่นี่
พอคิดได้อย่างนั้น สวีหว่านเอ๋อร์ก็ยิ่งปฏิเสธ ถ้าหากคนตระกูลฮ่อมีส่วนเกี่ยวข้องกับตระกูลสวี ตระกูลสวีไม่มีอำนาจมากพอที่จะไปสู้ได้หรอก
คุณนายฮ่อฉุดดึงสวีหว่านเอ๋อร์ไม่ยอมให้เธอกลับไป สวีหว่านเอ๋อร์หันหน้ากลับมา จะชักมือกลับแต่ก็ชักไม่หลุด
“คุณจำคนผิดแล้ว อย่าทำให้ฉันลำบากใจเลยค่ะ……..”
สวีหว่านเอ๋อร์ที่หมดความอดทน มองคนรับใช้ที่อยู่ข้างๆ
พวกคนรับใช้ก็เหมือนจะรู้ รีบเข้ามาพูดกล่อม
“คุณนายคะ ตอนนี้ก็ได้เวลาแล้ว พวกเรายังไม่ได้ไปซื้อหนังสือใหม่เลย คุณผู้หญิงท่านนี้ก็มีธุระของเธอ คุณนายอย่าทำให้เธอลำบากใจเลยค่ะ