นางสาวซูแค่อยากถอนหมั้น - ตอนที่ 64 พิษสุรา
“เธอเอาเงินไปก่อน” สวีหว่านเอ๋อร์หยิบเงินก้อนหนึ่งจากกระเป๋าของเธอแล้วยื่นให้เซี่ยซิงซิง “ตราบใดที่เธอทำสำเร็จ ไม่ต้องกังวล ฉันจะให้เธอกลับไปที่ ตระกูลฮ่อกรุ๊ปอีกครั้ง”
“จริงเหรอคะ?” ดวงตาของเซี่ยซิงซิงเป็นประกายด้วยความคาดหวัง
สวีหว่านเอ๋อร์พยักหน้า “แน่นอน ไม่ใช่เพราะซูฉิงที่จะเสแสร้งต่อหน้าฮ่อหยุนเฉิงงั้นเหรอ? ขอเพียงไม่มีซูฉิง ฮ่อหยุนเฉิงก็จะสามารถคิดถึงความดีของเธอ ถ้าฉันพูดอะไรดีๆต่อหน้าเขา ต้องกลัวว่าจะกลับไปไม่ได้อีกงั้นหรือ?”
“ใช่แล้ว” เซี่ยซิงซิงรับเงิน กัดฟันและกล่าวว่า “คุณหนูสวีไม่ต้องกังวล หลังจากพรุ่งนี้บนโลกนี้จะไม่มีซูฉิงอีกต่อไป!”
ความเกลียดชังในใจของเธอมาถึงจุดสูงสุด และเซี่ยซิงซิงแทบรอไม่ไหวที่จะทำซูฉิงตาย!
ตราบใดที่เธอสามารถกำจัดซูฉิงได้ ตราบใดที่เธอสามารถแก้แค้นได้ เธอก็จะไม่ลังเลที่จะทำอะไรเลย!
“อย่างนั้นแหละ ดีมาก” สวีหว่านเอ๋อร์ยิ้มเบา ๆ
ซูฉิง นังผู้หญิงไร้ยางอายคนนี้ เธอมีวิธีจัดการกับเธอ และเธอเองก็ไม่ต้องลงมือเองด้วยซ้ำ
ขอเพียงซูฉิงถูกจัดการ ตำแหน่งสะใภ้ของของตระกูลฮ่อจะเป็นคนอื่นไปไม่ได้ นอกจากสวีหว่านเอ๋อร์!!
หลังจากที่เซี่ยซิงซิงออกไป สวีหว่านเอ๋อร์ก็ได้คิดถึงเรื่องนี้และส่งข้อความไปที่ฮ่อเฉียนอีกครั้ง: พรุ่งนี้เวลา 9 โมงเช้า จะมีการแสดงดีๆ ที่ ทะเลสาบแห่งรัก
สวีหว่านเอ๋อร์รู้ว่าฮ่อเฉียนก็ไม่ชอบซูฉิงถ้าเซี่ยซิงซิงพลาด พรุ่งนี้ก็ยังมีฮ่อเฉียนอยู่
ซูฉิง รอก่อนเถอะ!
ทุกอย่างพร้อมแล้ว สวีหว่านเอ๋อร์มีรอยยิ้มบนใบหน้าของเธอและไปช้อปปิ้งกับไป๋หลานอย่างพึงพอใจ
แค่คิดว่าเธอจะกำจัดซูฉิงได้ในวันพรุ่งนี้ สวีหว่านเอ๋อร์ก็ไม่สามารถระงับความตื่นเต้นของเธอได้เลยและเธอก็ซื้อของต่างๆมากมายที่เธอชอบมากมาย
และแล้วท้องฟ้าก็ค่อยๆมืดลง
“หว่านเอ๋อร์ พวกเราจะกลับกันเลยไหม?” ไป๋หลานตามสวีหว่านเอ๋อร์และช่วยเธอถือของ
“จะรีบอะไรกันนักหนา?” สวีหว่านเอ๋อร์ไปช้อปปิ้งต่ออีกสักครู่ ซื้อกระเป๋าที่เพิ่งออกล่าสุดสองสามใบ ก่อนที่เธอจะพอใจและวางแผนที่จะกลับบ้าน
หลังจากเข้าไปในรถ ไม่นานหลังจากขับรถออกมา ทันใดนั้นโรลส์รอยซ์ที่คุ้นเคยก็เข้ามาในสายตาของสวีหว่านเอ๋อร์
นี่ไม่ใช่รถของฮ่อหยุนเฉิงเหรอ?
ตั้งแต่วันที่เธอเซ้าซี้เขาให้พาเธอไปที่ตระกูลฮ่อกรุ๊ป เธอก็ไม่ได้เจอฮ่อหยุนเฉิงอีกเลย
สวีหว่านเอ๋อร์กำลังกังวลอยู่ว่าเธอจะไม่มีโอกาสได้พบฮ่อหยุนเฉิงอีก แต่เธอก็คิดไม่ถึงว่าจะเห็นฮ่อหยุนเฉิงขับรถไปที่ชานเมืองโดยบังเอิญเช่นนี้
“เร็วๆ ตามรถคันข้างหน้า” สวีหว่านเอ๋อร์สั่งคนขับอย่างรวดเร็ว
“ครับ คุณหนู” คนขับตอบอย่างสุภาพ
รถของฮ่อหยุนเฉิงขับตรงไปยังชานเมือง ไป๋หลานอดไม่ได้ที่จะสงสัย
“หว่านเอ๋อร์ นี่คุณฮ่อ เขาจะไปไหนของเขา?”
สวีหว่านเอ๋อร์จ้องไปที่ผู้ชายรูปหล่อในรถข้างหน้าเธอ
แม้ว่าจะอยู่ห่างไกลกันมาก แต่สวีหว่านเอ๋อร์ก็รู้สึกได้ถึงออร่าที่ของความสุขขุมรอบตัวเขา
แสงวาบวาบเกินขึ้นในจิตใจของสวีหว่านเอ๋อร์”วันนี้เป็นวันอะไรกันนะ?”
“ขึ้นห้าค่ำเดือนหก” ไป๋หลานสับสน
สวีหว่านเอ๋อร์ไตร่ตรอง “ถ้าฉันจำไม่ผิด วันนี้เป็นวันครบรอยวันตายคุณพ่อของฮ่อหยุนเฉิง”
เธอเคยได้ยินพี่ชายของเธอพูดถึงว่าในช่วงเวลานี้ของปี ฮ่อหยุนเฉิงจะไปที่สุสานเพื่อไหว้หลุมศพพ่อของเขา
ณ สุสาน
ฮ่อหยุนเฉิงจอดรถ ก้าวเท้าหนักๆ และเดินไปตามถนนที่คดเคี้ยวจนมาถึงยอดเขา
ตรงใจกลางของยอดเขามีหลุมฝังศพอันศักดิ์สิทธิ์อยู่
นั่นคือหลุมฝังศพของฮ่อเจี้ยนกั๋ว พ่อของฮ่อหยุนเฉิง
ฮ่อหยุนเฉิงคุกเข่าลง ร่างสูงของเขาตั้งตรงและดวงตาของเขาก็ดูมืดมน และเขามองไปที่ชายวัยกลางคนในรูปด้วยแววตาที่ดูใกล้ชิด ซึ่งคนในรูปดูความเขาอยู่ประมาณหนึ่ง
“พ่อ ผมมาเยี่ยมพ่อแล้วนะ” ใบหน้าหล่อเหลาของฮ่อหยุนเฉิงดูเย็นชาและซีดเซียว
ตอนที่เขาอายุได้สิบห้าปี ฮ่อเจี้ยนกั๋วก็ประสบอุบัติเหตุ
ในปีนั้น ฮ่อเจี้ยนกั๋วไปทะเลบนเรือสำราญแล้วเจอพายุ เรือสำราญจมและ ฮ่อเจี้ยนกั๋วก็หายตัวไป
คุณปู่ฮ่อนำผู้คนไปค้นหาเจ็ดวันก่อนที่พวกเขาจะพบร่างของฮ่อเจี้ยนกั๋ว
น่าเสียดายที่ตอนนั้นเขาเป็นศพที่ถูกแช่เย็นไปแล้ว
ทุกคนบอกว่ามันเป็นอุบัติเหตุ แต่ฮ่อหยุนเฉิงไม่คิดอย่างนั้น
เรือสำราญของฮ่อเจี้ยนกั๋วผลิตโดยโรงงานชั้นนำของโลก และมีความสามารถในการต้านทานพายุได้ดี แม้ว่าในวันนั้นลมจะแรง แต่เรือสำราญก็ไม่น่าจะจมลงง่ายๆ
ยิ่งไปกว่านั้น ฮ่อเจี้ยนกั๋วไม่เพียงแต่ขับเรือสำราญเก่งเท่านั้น แต่ยังมีทักษะการว่ายน้ำที่ยอดเยี่ยมอีกด้วย มีหลายเกาะใกล้ๆ กับที่เรือสำราญจม แม้ว่าเรือสำราญจะจมลง แต่เขายังสามารถหลบหนีได้ ด้วยทักษะการว่ายน้ำที่ยอดเยี่ยมของเขา เขาสามารถที่จะว่ายน้ำไปยังเกาะนั้นได้ แล้วเขาจะจมน้ำได้อย่างไรกัน ?
ย้อนกลับไปตอนนั้น ไม่ใช่ว่าคุณปู่ฮ่อไม่สงสัย แต่เขาตรวจสอบบุคลากรที่เกี่ยวข้องทั้งหมดและไม่พบเบาะแสหรือสิ่งผิดปกติใดๆ
มนุษย์ไม่สามารถฟื้นจากความตายได้ จากนั้น ภาระของการดูและตระกูลฮ่อกรุ๊ปก็ตกมาอยู่ที่ฮ่อหยุนเฉิง
ฮ่อหยุนเฉิงเทเหล้าสองแก้ว และเทหนึ่งแก้วลงที่หน้าหลุมฝังศพ ใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาเต็มไปด้วยความโศกเศร้า “พ่อครับ เหล้าแก้นี้ ผมขอคำนับพ่อ”
ฮ่อหยุนเฉิงดื่มเหล้าในมือ ดวงตาของเขาแข็งกร้าวมาก “พ่อครับ ผมรู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนั้นมันไม่แน่ชัด ไม่ต้องกังวล ผมจะค้นหาความจริงของเรื่องที่เกิดในปีนั้นให้ได้อย่างแน่นอน และผมจะไม่ยอมให้พ่อตายไปเปล่าๆแน่นอน !”
จากนั้น ฝนก็ตกลงมา
ทั้งร่างกายของเขาเปียกฝนไปหมด และเม็ดฝนก็หยดลงบนผมของเขา แต่ฮ่อหยุนเฉิงไม่รู้สึกตัว และเขาก็คุกเข่าลงที่หน้าหลุมฝังศพของฮ่อเจี้ยนกั๋ว ดื่มเหล้าทีละแก้วๆ
พิษสุราลงสู่คอของเขาและฮ่อหยุนเฉิงก็ค่อย ๆ เมา เขาพิงตัวบนหลุมฝังศพและลูบเบา ๆที่ภาพของฮ่อเจี้ยนกั๋วบนหลุมฝังศพ
และพูดความในใจของตัวเอง
“พ่อครับ พ่อรู้รึเปล่า? ผมยังหาถังถังไม่เจอเลย หลายปีผ่านมา… ผมปู่ก็หาคู่หมั้นให้ผม เธอชื่อ ซูฉิง ถ้าไม่มี ถังถัง ผมคิดว่าฉันอาจจะยอมรับการแต่งงานครั้งนี้ไปแล้ว แต่ผมสัญญากับถังถังแล้วว่าผมจะแต่งงานกับเธอ”
สวีหว่านเอ๋อร์ถือร่มและปีนขึ้นไปบนยอดเขาด้วย เมื่อเธอเห็นฉากนั้น
ฮ่อหยุนเฉิงเปียกโชกและนั่งอยู่บนพื้น เอนกายพิงหลุมศพอย่างเมามาย ใบหน้าหล่อเหลาของเขาเต็มไปด้วยความเศร้าโศก
“หยุนเฉิง คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหม?” สวีหว่านเอ๋อร์ก้าวไปข้างหน้าและเอาร่มของเธอให้ฮ่อหยุนเฉิง”คุณเปียกไปหมดแล้ว”
ฮ่อหยุนเฉิงทำเป็นไม่ได้ยิน แล้วหยิบขวดเหล้าขึ้นแล้วเททั้งขวดเข้าปาก
สวีหว่านเอ๋อร์คว้าขวดเหล้ามา “หยุนเฉิงหยุดดื่มได้แล้ว คุณเมามากแล้ว!”
ฮ่อหยุนเฉิงเงยหน้าขึ้นด้วยความสับสน เขาเห็นเพียงร่างที่สวยร่างหนึ่งมองเขาอย่างกังวล
“ถังถัง?” ฮ่อหยุนเฉิงเมาเล็กน้อย เขาไม่สามารถมองเห็นรูปร่างหน้าตาของผู้หญิงที่อยู่ข้างหน้าเขาได้อย่างชัดเจน แต่รู้สึกเพียงว่าจิตใต้สำนึกของเขามองเห็นเป็นถังถังที่ห่วงใยเขา
ถังถัง? ? ?
นี่เป็นครั้งแรกที่สวีหว่านเอ๋อร์ได้ยินชื่อนี้ และเธอก็อดไม่ได้ที่จะระมัดระวัง
ถังถังคือใครกัน?
หรือว่าจะเป็นซูฉิง? แต่ก็ไม่ค่อยจะเหมือน….
สวีหว่านเอ๋อร์เอนตัวลงและช่วยประคองฮ่อหยุนเฉิงด้วยกำลังทั้งหมดของเธอและพูดเบา ๆ ว่า”หยุนเฉิง คุณเมาแล้วฉันจะพาคุณกลับนะ”
ดวงตาของฮ่อหยุนเฉิงนั้นลึกล้ำและดูเมามายมาก และเขาก็ตะโกนขึ้นอีกครั้งว่า “ถังถัง…”