นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) - ตอนที่ 104 ประกาศรายชื่อ
ตอนที่ 104 ประกาศรายชื่อ
อีกหนึ่งชั่วยามต่อมา เสียงฆ้องและกลองดังขึ้นจากทะเลสาบเว่ยยาง
ฟู่เสี่ยวกวนหันกลับไปดู พบว่ามีเรือลำหนึ่งลอยอยู่บนทะเลสาบ มองเห็นผู้คนบนเรือเป็นเงาราง ๆ
“นั่นคือเรือที่เดินทางมาติดประกาศ บนเรือนั้นล้วนเป็นเจ้าหน้าที่จากกั๋วจื่อเจี้ยน อีกทั้งอาจารย์จากสำนักศึกษาจี้เซี่ยและขันทีในวังหลวง”
“ขันทีเดินทางมาเพื่อเหตุใดกัน ? ”
“มาเพื่อประกาศพระราชโองการ ผู้ที่ได้คะแนนสูงสุดสิบอันดับจะต้องติดตามพวกเขากลับไปยังพระราชวังหลวงเพื่อเข้าสอบจิ้นซื่อ และสามอันดับแรกก็คือจอหงวน ปั๋งเหยี่ยนและทั่นฮวาตามลำดับ”
“อ้อ”
เมื่อเรือกำลังเข้าเทียบท่า ผู้คนที่หลานถิงจี๋ก็พากันรุมเข้ามาดู ฟู่เสี่ยวกวนรู้สึกถึงความแออัดจึงได้พาหยูเวิ่นหวินและคนอื่น ๆ ไปรอยังทางเดิน
“หากได้รับคัดเลือกเป็นจิ้นซื่อ จะได้รับตำแหน่งอะไรงั้นหรือ ? ” ฟู่เสี่ยวกวนเอ่ยถาม
“มิง่ายเช่นนั้นหรอก ในแต่ละปีราชวงศ์หยูได้คัดเลือกจิ้นซื่อกว่าสามร้อยคน แต่มิใช่ว่าจะได้เข้ารับตำแหน่งทันที อาจต้องรอสองถึงสามปีหรืออาจจะนานกว่านั้น ดังนั้นตามปกติแล้วพวกเขาจะเดินทางกลับบ้านเกิดเพื่อรอคำสั่งเรียกตัว แน่นอนว่าจิ้นซื่อที่พอมีฐานะจะอาศัยอยู่ในเมืองเพื่อสานสัมพันธไมตรีกับผู้คน เมื่อมีตำแหน่งว่างก็จะได้รับเข้าทำงานก่อน โดยทั่วไปจะได้รับตำแหน่งเป็นผู้พิพากษาเขต”
ดังนั้น…การทุจริตเริ่มมาจากตรงนี้ เพื่อให้ตนได้รับตำแหน่งโดยเร็ว พวกเขาเลือกที่จะติดสินบนผู้มีอำนาจ หากไม่มีพวกเขาคอยช่วยเหลือและรอตำแหน่งว่างนี้ก็คงจะเป็นการยากเป็นแน่
ฟู่เสี่ยวกวนครุ่นคิดดู และมีความเห็นว่าจะว่าพวกเขาเหล่านั้นก็มิถูก พวกเขาร่ำเรียนวิชามาก็เพื่อรับราชการ ใช้ความพยายามอยู่หลายปีจึงจะได้มีโอกาสสอบติดจิ้นซื่อ แต่ราชสำนักกลับไม่มีตำแหน่งให้พวกเขาเข้ารับราชการ สิ่งนี้ขัดต่อวัตถุประสงค์การร่ำเรียนของพวกเขาทั้งหลาย พวกเขาจึงทำได้เพียงหาช่องทางอื่น
นี่คือข้อเสียที่หนักหนาเกินแก้ ฟู่เสี่ยวกวนไม่เสียเวลาไปครุ่นคิดเนื่องจากไม่เกี่ยวข้องกับเขาแม้แต่น้อย
ในขณะที่ฆ้องและกลองประสานเสียงกันดังสนั่น ทหารได้เปิดทางเป็นสองแถวให้ผู้ที่อยู่บนเรือเดินลงมา นำด้วยกั๋วจื่อเจี้ยนจากนั้นตามด้วยคนจากสำนักศึกษาจี้เซี่ย ขันทีในชุดสีแดงสดและปิดท้ายด้วยองครักษ์
เป็นการเปิดตัวที่ยิ่งใหญ่และสง่างาม
ขบวนประกาศเดินทางมายังหลานถิงจี๋ กั๋วจื่อเจี้ยนจิ่วชางกวนเหวินซิ่วเดินขึ้นไปยังเวทีที่ตั้งไว้ ลูกศิษย์จำนวนมากเข้ามาล้อมรอบ ชางกวนเหวินซิ่วยกมือทั้งสองขึ้น เสียงก็เงียบลงในทันพลัน
“รัชสมัยเซวียนลี่ปีที่ 8 ชิวเหวย มีผู้เข้าสอบจำนวนทั้งสิ้น 5,348 คน ได้รับคัดเลือกเป็นจิ้นซื่อ 300 คน คัดเลือกจากกวีนิพนธ์ คัมภีร์ นโยบายและทฤษฎีทั้งสิ้น 3 ประเภท เรียงคะแนนตามลำดับ ขอแสดงความยินดีกับผู้ที่ถูกคัดเลือก ส่วนผู้ที่มิได้รับคัดเลือกในปีนี้ขอจงพยายามต่อไป และในการสอบครั้งหน้าขอให้ประสบผลสำเร็จดังหมาย บัดนี้ข้าขอเป็นตัวแทนในการประกาศรายชื่อผู้ได้รับคัดเลือกอย่างเป็นทางการของชิวเหวย รัชสมัยเซวียนลี่ปีที่ 8 ! ”
เมื่อสิ้นเสียงกั๋วจื่อเจี้ยน ผู้คนมากมายก็เริ่มส่งเสียงขึ้น แผ่นประกาศสีทองได้ถูกนำไปแขวนที่หลานถิงจี๋
ต่อจากนั้นนอกเหนือจากทหารเฝ้ารักษาประกาศแล้ว ข้าราชการและขันทีทุกท่านก็เดินทางเข้าไปในหอหลานถิง
ประกาศพระราชโองการจากขันทีจะต้องรออีกครึ่งชั่วยาม ในครึ่งชั่วยามนี้มีไว้ให้บรรดาผู้เข้าสอบตรวจสอบรายชื่อของตนบนแผ่นประกาศ
กลุ่มคนมากมาย มีทั้งเสียงไชโยโห่ร้อง มีทั้งเสียงโอดครวญผสมผสานกัน ทำให้มองดูแล้วช่างมีหลากหลายอารมณ์เสียจริง
จางเหวินฮั่นเบียดกับฝูงชนเข้าไป เขาจ้องมองไปยังบรรทัดแรก ไม่มีรายชื่อของเขาติดหนึ่งในสิบ แต่มีฟางเหวินซิงและอันลิ่วเย่
บรรทัดที่สอง 30 คนก็ไม่มีชื่อเขาเช่นกัน แต่มีรายชื่อของโจวเทียนโย่ว
บรรทัดที่สาม บรรทัดที่สี่…….ในที่สุดเขาก็พบชื่อของเขาในบรรทัดที่แปดเป็นรายชื่อท้าย ๆ !
จางเหวินฮั่น ลำดับที่ 220 !
ได้รับคัดเลือก !
ข้าได้รับคัดเลือกเป็นจิ้นซื่อแล้ว !
จางเหวินฮั่นดีใจมาก เขามองดูรายชื่ออีกครั้งหนึ่ง ไม่มีผิดเพี้ยนเป็นแน่ !
เขาเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าแล้วน้ำตาซึม เขาร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ
คนที่มีท่าทีแบบเขานั้นมีไม่น้อย ฟางเหวินซินและคนอื่น ๆ ก็เช่นกัน
สิบอันดับแรกเชียว !
เขาจะได้มีโอกาสเข้าเฝ้าองค์ฮ่องเต้ และอาจมีโอกาสได้รับคัดเลือกเป็นหนึ่งในสามก็ได้ !
งานชิวเหวยในแต่ละปี มีผู้คนมากมายที่ยินดีและเศร้าโศกดังเช่นในวันนี้
ฟู่เสี่ยวกวนมองดูอย่างเงียบ ๆ เขามิได้รู้สึกยินดีปรีดาหรือโศกเศร้า เขาเอ่ยกับหยูเวิ่นหวินว่า ไปดื่มชาที่หอซื่อฟางเสียยังดีกว่า
หยูเวิ่นหวินยินดียิ่ง เนื่องจากนางไม่ชอบสถานที่เสียงดังหนวกหูเช่นนี้อยู่แล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงได้เดินทางออกจากหลานถิงจี๋
ฟู่เสี่ยวกวนมิรู้ว่ามีใครบ้างที่ได้รับคัดเลือก และเขามิได้ใส่ใจเรื่องนี้ ในเมืองหลวงเขารู้จักเพียงไม่กี่คนเท่านั้น แม้จะเคยร่วมดื่มสุรากับเยี่ยนซีเหวิน แต่เขาก็ไม่ได้นับเยี่ยนซีเหวินเป็นสหายอย่างแท้จริง
นั่นเป็นเพียงแค่ละครตบตาฉากหนึ่งเท่านั้น
อีกทั้งเยี่ยนซีเหวินยังมิวางมือจากต่งชูหลาน กลับให้พ่อของเขาไปสู่ขอนาง เจ้านี่มัน…ขยะชัด ๆ !
เยี่ยนซีเวินถูกฟู่เสี่ยวกวนเกลียดเข้ากระดูกดำด้วยประการฉะนี้ แท้จริงเขานั้นถูกเข้าใจผิด นับจากครั้งที่แล้วที่ร่วมดื่มสุรากัน เขาก็มิได้เอ่ยถึงต่งชูหลานอีก เขามิรู้เรื่องพ่อของเขาเยี่ยนซือเต้าไปหารือกับต่งคังผิงเสียด้วยซ้ำ
บัดนี้ เยี่ยนซีเหวินและฟางเหวินซิงอยู่ด้วยกันร่วมแสดงความยินดี พวกเขามิรู้ว่าฟู่เสี่ยวกวนเดินทางมายังที่นี่ด้วย
ครึ่งชั่วยามผ่านไป ขันทีในชุดสีแดงเดินออกมาและกล่าวว่า
“ทุกท่านโปรดรับฟังพระราชโองการ ! ”
เสียงดังจอแจเมื่อครู่เงียบลงในทันที
“ฮ่องเต้มีราชโองการรับสั่งว่า จากการคัดเลือกในปีนี้ ทุกท่านล้วนมีทักษะความสามารถเป็นเลิศ ข้าประทับใจยิ่งนัก ข้าคาดหวังว่าผู้ที่มีรายชื่อบนแผ่นประกาศนี้จะมิมีความหยิ่งผยองหรือร้อนใจ และจงพยายามอย่างเต็มที่เพื่ออุทิศตนให้กับราชสำนัก ส่วนผู้ที่มิได้รับคัดเลือกจงอย่าได้ถอดใจ ข้าขอให้พวกเจ้าพยายามมากขึ้นและสอบคัดเลือกอีกคราในปีหน้า ผู้ที่ได้รับคัดเลือกสิบอันดับแรกในชิวเหวยปีนี้ได้แก่ ซืออีหมิง เซวียตงหลิน ฉินหายยวี่ เยี่ยนหลินชิว ฟางเหวินซี สีส่วง เฟ่ยเชียน อันลิ่วเย่ จัวหลิวหวินและหวงเฉิงเดินทางเข้าพระราชวัง”
เดิมทีเมื่อประกาศจบสิ้นลง ผู้คนจะต้องโห่ร้องด้วยความยินดี แต่คาดมิถึงว่าขันทีชราผู้นี้จะอ่านประโยคท้ายสุดออกมาว่า “นอกจากนี้ ฟู่เสี่ยวกวนแห่งหลินเจียงมีความสามารถด้านการประพันธ์บทกวีเป็นที่เลื่องชื่อ เทียบได้กับอาจารย์ชั้นสูง กวีทำนองเพลงแห่งสายน้ำของเขาได้ถูกจารึกไว้บนหินเชียนเปยสือบรรทัดที่หนึ่ง อีกทั้งยังร่างนโยบายแก้ไขปัญหาภัยพิบัติได้ถูกใจข้ายิ่งนัก ดังนั้นข้าขอประกาศให้ฟู่เสี่ยวกวนเข้าพระราชวังพร้อมกันตามพระราชโองการ ! ”
อะไรกัน ?
ผู้คนที่คุกเข่ารับราชโองการอยู่นั้นมองหน้ากันด้วยความงุนงง ฝ่าบาทประกาศพระราชโองการพิเศษเพื่อเขางั้นหรือ ? ฟู่เสี่ยวกวนชื่อนี้พวกเขาและสตรีต่างคุ้นหู แต่คาดมิถึงว่าเขาผู้นี้จะได้รับความเมตตาจากฝ่าบาทเช่นนี้ !
บรรดาผู้ได้รับคัดเลือกล้วนส่งเสียงกระซิบ ทุกคนถามเป็นคำเดียวกันว่าเพราะเหตุใด ? ขันทีผู้ประกาศพระราชโองการก็ทำตัวมิถูกเช่นกัน ข้าได้ประกาศออกไปเรียบร้อยแล้ว เหตุใดพวกเจ้ายังไม่เอ่ยขอบพระคุณในพระมหากรุณา ?
หรือพวกเขาจะฟังไม่ชัดเจน ?
อ้อ ประกาศจบแล้ว เรื่องของฟู่เสี่ยวกวนประเดี๋ยวค่อยหารือกัน
ดังนั้นพวกเขาจึงได้กล่าวสรรเสริญเป็นเสียงเดียวกันว่าทรงพระเจริญ และลุกขึ้นยืน
“เยี่ยนซีเหวิน เรื่องฟู่เสี่ยวกวนเป็นมาอย่างไร ? ” ซืออีหมิงผู้สอบได้คะแนนอันดับหนึ่งเอ่ยถามขึ้น
“ข้าเองก็มิรู้ แต่ในเนื้อหาพระราชโองการกล่าวถึงเรื่องนโยบายบรรเทาสาธารณภัย คาดว่าจะเป็นพระราชโองการที่ฝ่าบาททรงนำไปติดไว้ก่อนหน้านี้”
ซืออีหมิงพยักหน้าเห็นด้วย และเดินเข้าไปในหอหลานถิงพร้อมกับฟางเหวินชิงและพร้อมทั้งอีก 10 คนที่ได้รับคัดเลือก
“ฟู่เสี่ยวกวนเล่า ? ” ชางกวนเหวินซิ่วเอ่ยถามด้วยอาการรีบร้อน
เขาอยากจะเห็นหน้าฟู่เสี่ยวกวนยิ่ง อยากรู้เสียจริงว่าชายหนุ่มมากความสามารถผู้นี้รูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร
“นั่นสิ ฟู่เสี่ยวกวนเล่า ? ” ขันทีผู้ประกาศพระราชโองการก็เอ่ยถามด้วยเช่นกัน ผู้มีรายชื่อทั้งสิบคนได้เข้ามาด้านในแล้ว ยกเว้นแต่ฟู่เสี่ยวกวน เขาจะกล่าวกับองค์ฮ่องเต้ว่าอย่างไร ?
“เขามิใช่ผู้เข้าสอบในปีนี้ คาดว่าจะมิได้อยู่ที่นี่”
“แล้วเขาจะอยู่ที่ใดกัน ? ”
“ข้าเองก็มิทราบ รีบส่งคนออกตามหาเร็วเข้า ! ”