นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) - ตอนที่ 116 อย่าแย่งกัน ข้าต้องการตำแห...
ตอนที่ 116 อย่าแย่งกัน ข้าต้องการตำแหน่งฉาวซ่านต้าฟู
เมื่อฝ่าบาทตรัสออกมาเช่นนั้น ในท้องพระโรงก็เริ่มมีเสียงดังไม่สงบเช่นเดิม
ชือเฉาหยวน เสนาบดีกรมพิธีการนั้นจะสามารถอดทนนั่งนิ่งได้อย่างไร ขณะที่เขากำลังจะเอ่ยคัดค้าน แต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่าเมื่อวันก่อนถูกเขาผู้นี้ตอกกลับจนล้มไม่เป็นท่า จะพลาดท่าอีกมิได้แน่ ! ดังนั้นเขาจึงได้ส่งสายตาไปยังสวี่หวยซู่ ชื่อหลางของกรมพิธีการ สร้างความลำบากใจให้สวี่หวยซู่ไม่น้อย
ฟู่เสี่ยวกวนเป็นหลานของเขา ฝ่าบาททรงโปรดปรานและมีรับสั่งมอบตำแหน่งให้แก่เขา ในฐานะลุง เขาจะกำจัดฟู่เสี่ยวกวนได้อย่างไร ?
จวนสวี่ได้กระทำผิดต่อหยุนชิงมามากแล้ว หากเขาจะยังทำเรื่องเช่นนี้อีก วิญญาณของน้องสาวที่อยู่บนสวรรค์คาดว่าคงจะโกรธแค้นเขามากเป็นแน่
ในขณะที่เขากำลังจะเอ่ยบางอย่างออกไป คาดไม่ถึงว่ามีใครบางคนเอ่ยตัดหน้าเขา
ผู้นั้นคือชางกวนเหวินซิ่วนั่นเอง
“ฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมมีความคิดเห็นว่าความสามารถของฟู่เสี่ยวกวนนี้ สามารถทำงานในกั๋วจื่อเจี้ยนได้! กระหม่อมขอประทานอภัยที่จะทูลว่า กระหม่อมเองมีอายุมากแล้วและมีความประสงค์จะลาออกเพื่อกลับไปพักผ่อนตามภูมิลำเนาเดิม ขอฝ่าบาทโปรดทรงพิจารณามอบตำแหน่งกั๋วจื่อเจี้ยนจี้จิ่ว[1]แก่ฟู่เสี่ยวกวนเถิดพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมมั่นใจว่าเขาจะสามารถนำพาราชวงศ์หยูให้ก้าวไปอย่างสง่างามได้!”
คำพูดของชางกวนเหวินซิ่วนี้ทำให้ผู้คน ณ ที่นั้นต่างก็ตกตะลึง
ล้อเล่นหรืออย่างไร ?
ตำแหน่งกั๋วจื่อเจี้ยนจี้จิ่วนั้นจะต้องเป็นผู้นำด้านการศึกษาทั่วประเทศ นอกจากนี้ยังมีความรับผิดชอบเรื่องการบูชารำลึก มีอำนาจมากนัก ยิ่งไปกว่านั้นในอดีตผู้ที่ครอบครองตำแหน่งนี้มิมีผู้ใดไม่ได้ร่ำเรียนวิชาจนแตกฉาน แต่ฟู่เสี่ยวกวนที่แม้แต่หนวดยังขึ้นไม่ครบเสียด้วยซ้ำ เขาอายุได้เพียง 16 ปี หากให้เขารับตำแหน่งกั๋วจื่อเจี้ยน บรรดาผู้อาวุโสจะทำใจได้อย่างไร ?
ชืออีหมิง ฟางเหวินซิงและสีส่วงล้วนอึดอัดนัก…เจ้านี่ไม่แม้แต่จะเข้าร่วมการสอบ เพียงแค่คำพูดของฝ่าบาทคำเดียวก็ทำให้เขากลายเป็นจิ้นซื่อได้ แม้พวกเขาทั้งสามจะได้รับคัดเลือกเป็นสามอันดับแรก แต่ก็ยังต้องรอคอยว่าจะมีตำแหน่งว่างเมื่อใด ต่อให้มีตำแหน่งว่าง ก็คงเริ่มจากตำแหน่งธรรมดา ๆ แม้แต่เยี่ยนซีเหวินเองก็ยังได้รับตำแหน่งนายอำเภอที่เป็นขุนนางระดับเก้าในพื้นที่เขตชานเมือง แต่ฟู่เสี่ยวกวนกลับได้รับตำแหน่งฉาวซ่านต้าฟูขุนนางระดับห้า!
แม้ว่าตำแหน่งฉาวซ่านต้าฟูนี้จะเป็นตำแหน่งว่าง ๆ ไร้ซึ่งอำนาจหรือหน้าที่ แต่ก็มีหน้ามีตาไม่น้อย
ยิ่งแข่งขันยิ่งน่าคับแค้นเสียจริง !
ไม่รู้ว่าเขาโชคดีมาจากไหน !
ฝ่าบาทเองก็ทรงตกตะลึงเช่นกัน เหตุใดชางกวนเหวินซิ่วจึงแทรกมือเข้ามายุ่งเกี่ยว ? ฟู่เสี่ยวกวนจะสามารถดำรงตำแหน่งกั๋วจื่อเจี้ยนจี้จิ่วได้งั้นหรือ ? ชายชราผู้นี้เต็มไปด้วยความรู้มากมาย เขาต้องการให้ฟู่เสี่ยวกวนอึดใจหรืออย่างไร ?
เขาต้องการให้เสนาบดีทั้งหลายจับตามองฟู่เสี่ยวกวน และอยากเห็นเขายืนอยู่ในราชสำนักนี้อย่างยากลำบากงั้นหรือ !
เหอะ ๆ ข้าอ่านความคิดเจ้าออก ข้าจะมิยอมให้เจ้าได้ใจเป็นแน่ !
ในขณะที่ฝ่าบาทกำลังจะเอ่ยบางอย่างออกมา สวี่หวยซู่ได้ลุกขึ้นยืนและกล่าวว่า
“กระหม่อมคิดเห็นว่าคำพูดของท่านชางกวนเกินไปเสียหน่อย ความสามารถของฟู่เสี่ยวกวนนั้นกระหม่อมเองก็ชื่นชมนัก แต่หากจะให้เขารับตำแหน่งกั๋วจื่อเจี้ยนจี้จิ่วเกรงว่าจะไม่เหมาะสมนัก กระหม่อมคิดว่ามิควรทำเช่นนี้ ประการแรกกั๋วจื่อเจี้ยนจี้จิ่วจะต้องดูและจัดการการศึกษาทั่วประเทศ และเป็นองค์กรสำคัญที่จะคัดเลือกผู้มีความสามารถแก่ฝ่าบาท ประสบการณ์ของฟู่เสี่ยวกวนนั้นยังมีไม่มากพอ ประการที่สองนั้นตำแหน่งกั๋วจื่อเจี้ยนจี้จิ่วเปรียบเสมือนตัวแทนด้านการศึกษาของทั้งประเทศ ท่านชางกวนเหวินซิ่วนั้นเป็นผู้มีความรู้รอบด้าน และได้รับความเชื่อถือจากผู้คนทั่วทั้งประเทศ แต่ฟู่เสี่ยวกวนแม้ว่าหนังสือความฝันในหอแดงของเขาจะได้รับความนิยมสูง อีกทั้งได้จารึกกวีของเขาไว้ในหินเชียนเปยสือบรรทัดที่หนึ่ง แม้จะมีความสามารถครบครัน แต่ยังมีอีกหลายเรื่องนักที่ต้องเรียนรู้ เช่นด้านศีลธรรม เช่นนี้จึงจะครบครัน เช่นนั้นกระหม่อมคิดเห็นว่า ตำแหน่งฉาวซ่านต้าฟูที่ฝ่าบาททรงประทานให้นั้นเหมาะสมยิ่ง เนื่องจากเป็นเพียงตำแหน่งแต่มิได้ปฏิบัติงานใด ฟู่เสี่ยวกวนสามารถใช้โอกาสนี้ฝึกฝนตนเองให้เพียบพร้อมมากขึ้น”
ฟู่เสี่ยวกวนได้ยินดังนั้นว่าตำแหน่งที่ฝ่าบาทประทานให้นั้นเป็นเพียงชื่อ แต่ไม่มีหน้าที่ใด ๆ เขากลับยิ่งชอบใจ เนื่องจากที่ซีซานยังมีเรื่องอีกมากมายนักรอเขากลับไปจัดการ
แต่เขาผู้นี้คือใครกัน ?
มองไปช่างคุ้นตานัก
อาจเคยพบกันมาก่อน แต่เขาจำไม่ได้เสียแล้ว
ท่านเสนาบดีต่งก็ได้ก้าวออกมาและกล่าวว่า “กระหม่อมคิดเห็นว่านโยบายของฟู่เสี่ยวกวนนั้นยอดเยี่ยมยิ่งนัก หากกรมการคลังได้นำนโยบายของเขามาปรับใช้ คาดว่าจะได้ผลเป็นอย่างดี ดังนั้นกระหม่อมมีความเห็นว่าควรให้เขาไปอยู่ในกรมการคลัง และขอฝ่าบาททรงมอบตำแหน่งชื่อหลางแห่งกรมการคลังแก่เขา เพื่อแก้ไขเหล่าปัญหานี้”
เมื่อฝ่าบาททรงได้ยินดังนั้นก็เห็นด้วย ตำแหน่งชื่อหลางแห่งกรมการคลังก็เป็นขุนนางระดับห้าด้วยเช่นกัน เพียงแต่จะมีอำนาจ พอดีกับนโยบายนี้ที่เขาเป็นผู้ร่างขึ้นมา หากให้เขาได้ลงมือจัดการด้วยตนเองก็จะได้เห็นถึงความสามารถอันแท้จริงของเขาด้วย
ฝ่าบาทกำลังจะตรัส แต่ฟู่เสี่ยวกวนก็ได้คุกเข่าลงทันใด!
“ฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ คำพูดของท่านเสนาบดีต่งเมื่อครู่ไม่เหมาะสม !”
อะไรกัน !ทุกคนในที่นี้ล้วนเข้าใจว่าต่งคังผิงต้องการให้เขามีหน้ามีตาและผลงาน เนื่องจากเรื่องของฟู่เสี่ยวกวนและต่งชูหลานได้แพร่ออกไป ประกอบกับการที่องค์หญิงเก้าทรงกล่าวเตือนเยี่ยนซือเต้าด้วยตนเอง หากเยี่ยนซือเต้าล้มเลิกการสู่ขอต่งชูหลานให้แก่เยี่ยนซีเหวิน การที่ต่งชูหลานจะแต่งงานกับฟู่เสี่ยวกวนคงเป็นเรื่องที่ถูกกำหนดไว้แน่นอน
ถ้าเช่นนั้นการที่เสนาบดีต่งจะผลักดันลูกเขยก็เป็นเรื่องที่ทุกคนเข้าใจได้ แต่ฟู่เสี่ยวกวนกลับปฏิเสธ !
กรมการคลังเป็นกรมที่ใหญ่ที่สุดเชียว !
พวกเขาดูแลปากท้องของประชาชนทั้งประเทศ ใครก็ตามที่ต้องการอาหารหรือเงินทองล้วนต้องพึ่งพาพวกเขา แต่เจ้านี่กลับปฏิเสธ !เขากำลังคิดสิ่งใดอยู่กัน ?
ต่งคังผิงเองก็งุนงงเช่นกัน จากนั้นเขาได้ยินฟู่เสี่ยวกวนกล่าวว่า “ฝ่าบาทอาจจะยังมิทราบว่ากระหม่อมและแม่นางต่งชูหลานเป็นเพื่อนกันมาแต่เล็กกระทั่งชอบพอจะหมั้นหมายกัน ณ บัดนี้ ท่านเสนาบดีต่งกำลังจะกลายเป็นพ่อตาของกระหม่อมในไม่ช้านี้ กระหม่อมแม้ว่าจะมีจิตใจบริสุทธิ์ แต่ก็คิดว่าพ่อตาและลูกเขยอยู่ในกรมการคลังทั้งสองคนเช่นนี้ เป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมนัก…”
เมื่อฝ่าบาททรงได้ยินดังนั้นก็ประหลาดใจ เขาและต่งชูหลานชอบพอจนถึงขั้นจะหมั้นหมาย ? แล้วองค์หญิงเก้าของข้าเล่า ?
ซั่งกุ้ยเฟยมิได้กล่าวว่าองค์หญิงน้อยของข้าชอบพอฟู่เสี่ยวกวนผู้นี้หรือ ?
เหตุใดมันช่างวุ่นวายถึงเพียงนี้ ?
“ช้าก่อน !”
ทุกคนในที่นี้ล้วนตกตะลึง เรื่องนี้รู้อยู่แก่ใจตนเองก็เพียงพอ เหตุใดต้องเอ่ยต่อหน้าฝ่าบาทในที่สาธารณะเช่นนี้ด้วย เขาต้องการสิ่งใด ?
เยี่ยนซีเป่ยชายตามองไปยังฟู่เสี่ยวกวน และคิดในใจว่าเรื่องของหลานชายเขากับต่งชูหลาน เกรงว่าเป็นไปมิได้เสียแล้ว
อายุเพียงเท่านี้ แต่กลับมีจิตใจแน่วแน่ มองดูก็รู้ว่าต่อไปในภายภาคหน้าเขาจะได้เป็นใหญ่เป็นโต
เสนาบดีต่งโมโหยิ่งนัก ข้าเองยังมิได้ตอบตกลงเสียด้วยซ้ำ !เจ้ากลับนำเรื่องนี้มากล่าวในท้องพระโรง ตั้งใจให้ข้าไร้หนทางหรืออย่างไร ?
ฝ่าบาททรงยืนขึ้นมองดูฟู่เสี่ยวกวนและตรัสว่า “เมื่อครู่เจ้ากล่าวว่าชอบพอกับต่งชูหลานกระทั่งตกลงจะหมั้นหมายงั้นหรือ ?”
ฟู่เสี่ยวกวนมองดูท่าทีของฝ่าบาทด้วยความตกใจ ตายแน่ ๆ หยูเวิ่นหวินคงยังมิได้กล่าวเรื่องนี้ให้ฝ่าบาทฟังแน่นอน
“ทูลฝ่าบาท ดวงใจของกระหม่อมมีหญิงสาวอยู่สองคน ชูหลานนั้นนางได้ปลุกหม่อมฉันขึ้นมาจากชีวิตที่ไร้ค่าไปวัน ๆ ส่วนอีกคนนั้นในใจของหม่อมฉัน นางก็มิได้มีค่าน้อยไปกว่าชูหลานเลย เพียงแต่บัดนี้กระหม่อมยังมิอาจเอ่ยชื่อของนางออกมาได้ กระหม่อมมีความปรารถนาอันยิ่งใหญ่ หากชีวิตนี้ได้รับใช้ฝ่าบาท แม้ตายกระหม่อมก็ยอม เพียงแต่หากกระหม่อมเอ่ยชื่อสตรีนางนั้นออกมา ขอฝ่าบาททรงเป็นพยานในการหมั้นหมายนี้ด้วยพ่ะย่ะค่ะ !”
องค์จักรพรรดิทรงขมวดคิ้ว เป็นเช่นนี้เอง…ประเดี๋ยวคงต้องไปถามหยูเวิ่นหวินเกี่ยวกับความจริงในเรื่องนี้
คำกล่าวเมื่อครู่ของเขาว่าหากได้รับใช้เรา แม้ตายก็ยอมนั้น ช่างหนักแน่นยิ่งนัก
“ถ้าเช่นนั้นข้าขอถามเจ้าว่า เจ้ามีความคิดเห็นว่าอย่างไร ?”
“กระหม่อมต้องการตำแหน่งฉาวซ่านต้าฟู ขอฝ่าบาททรงพระกรุณาด้วยพ่ะย่ะค่ะ !”
[1] จี้จิ่ว ผู้อำนวยการ แต่คำนี้เป็นตำแหน่งผู้อำนวยการมหาวิทยาลัย