นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) - ตอนที่ 157 สงครามกลางคืน
ตอนที่ 157 สงครามกลางคืน
ไป๋ยู่เหลียนเอียงคอจ้องมองฟู่เสี่ยวกวน จ้องอยู่เยี่ยงนั้นเป็นเวลานาน
คนผู้นี้ต้องการใช้ยาพิษจริง ๆ !
เจ้าอย่าแม้แต่จะกล่าว สองทัพมาปะทะกันก็ยังมิมีใครทำเยี่ยงนี้มาก่อน สิ่งที่เรียกว่ายาพิษนั้นเป็นสิ่งที่ชาวลวี่หลินใช้กัน หากใช้ยาพิษในสนามรบ จะมิโหดเหี้ยมเกินไปหน่อยหรือ ?
หลังจากที่ฟู่เสี่ยวกวนแก้พิษให้ทหารคนสุดท้ายเสร็จก็ลุกขึ้นยืน กล่าวอย่างยิ้มแย้ม “ยาพิษก็ถือเป็นกลยุทธ์หนึ่ง ทุกสนามรบต่างก็มีกลยุทธ์ที่ตั้งเป้าไว้ทั้งนั้น ตัวอย่างเช่นการยึดจุดยุทธศาสตร์ของคูเมือง และการสังหารแม่ทัพของศัตรูและอื่น ๆ แต่มิว่าจะเป็นวิธีการใดก็ตามเป้าหมายก็ยังเป็นการสังหารศัตรู วิธีการสังหารศัตรูนั้นมีมากมาย แต่ถ้าทำให้เรื่องนี้มันง่ายดายยิ่งขึ้นก็จะดียิ่งกว่ามิใช่หรือ ? ”
“ตัวอย่างเช่น หากมียาพิษที่สามารถกระจายไปกับสายลมได้ หลังจากที่ศัตรูได้สูดดมยาพิษเข้าไปก็จะสูญเสียพลังการต่อสู้ มิใช่ว่าจะทำให้เราบรรลุเป้าหมายของกลยุทธ์ที่ตั้งไว้ได้ง่ายดายยิ่งขึ้นหรือ ? ”
“สิ่งที่เรียกว่าศัตรู ก็คือคนประเภทที่เจ้าตายข้าอยู่ ศัตรูแบบใดกันจะทำตัวน่ารักกับพวกเจ้า ? แน่นอนว่าผู้ที่ต้องตายก็ต้องเป็นศัตรู ส่วนศัตรูจะตายเยี่ยงไร…เจ้ารู้สึกว่ามันสำคัญหรือ ? ”
ไป๋ยู่เหลียนเองก็ลุกขึ้นยืน “เยี่ยงนี้จะเสียพื้นฐานไปหรือไม่ ? ”
“ไม่ ยาพิษก็เป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ สร้างขึ้นจากความสามารถที่แข็งแกร่งของพวกเขา เจ้าลองคิดดู หากต้องการวางยาพิษในกองทัพของศัตรู พวกเขาก็ต้องเข้าไปในกองทัพของศัตรูให้ได้ก่อนมิใช่หรือ ? หากต้องการไปวางยาพิษที่คูเมืองของศัตรู พวกเขาก็ต้องมีความสามารถในการลอบเข้าไปในคูเมืองของศัตรูมิใช่หรือ ? ”
“เสี่ยวไป๋เอ๋ย ทิศทางของกลยุทธ์นั้นมิสามารถเปลี่ยนแปลงได้แล้ว แต่การใช้กลยุทธ์นั้นกลับสามารถยืดหยุ่นได้ เรื่องนี้เจ้าลองเอาไปคิดดู หากเจ้าคิดได้แล้วก็บอกข้าแล้วกัน ข้าจะไปเชิญศิษย์พี่ใหญ่”
“ด้านนอกคงใกล้ถึงเวลาต่อสู้แล้ว พวกเราไปดูกันเถิด” ฟู่เสี่ยวกวนตบบ่าของไป๋ยู่เหลียน แล้วทั้งสองก็เดินไปทางภูเขาไต้ชาน
……
…..
“ซื่อหลาง เกือบจะได้แล้วใช่ไหม” ซ่งต้าเป่าเอ่ยถามอย่างกังวล
“เจ้าไปสำรวจอีกครา หากสถานที่ที่มีไฟนั้นไร้เสียงแล้วก็กลับมา”
ซ่งต้าเป่าโผบินลงไปด้านล่างเขา ซ่อนตัวอยู่ข้าง ๆ โรงอาหาร ยืดหูตั้งใจฟังอย่างจริงจัง เหล่าทหารที่นอนอยู่บนพื้นหลังจากดื่มยาเข้าไปก็เพิ่งตื่นขึ้นมา ในสมองว่างเปล่า ร่างกายอ่อนล้าและไร้แรง เสียงต่าง ๆ ดังขึ้นมา ความชัดเจนเยี่ยงนี้ ทำให้ซ่งต้าเป่าปลื้มปีติ
เขาบินไปทางภูเขาไต้ชาน ไม่กี่ครั้งก็กลับมาถึงข้างกายของหวงซื่อหลาง “สำเร็จแล้ว พวกเขาทั้งหมดถูกวางยาแล้ว”
“จริงเยี่ยงนั้นรึ ? ”
ซ่งต้าเป่าใช้มือข้างเดียวตบอก “ข้าได้ฟังเองกับหู มิใช่เท็จอย่างแน่นอน !”
“ดี… ! ” หวงซื่อหลางโบกมือ และเอ่ยเสียงเข้ม “พวกเจ้าทั้งหลาย จงทำตามที่ข้าสั่ง ไปช่วยอาซานเปี่ยนออกมาโดยเร็ว”
ซ่งต้าเป่าพาโจรทั้งห้าร้อยคนทะยานลงไปจากเขาอย่างลำพองใจ หลิวซานเปี้ยนได้ยินเสียงดังมาจากบนเขา ความสิ้นหวังที่มีอยู่ในใจทันใดนั้นก็เกิดความหวังขึ้นมา ตามกำหนดเวลา หวงซื่อหลางน่าจะมาถึงแล้ว
สองวันที่ผ่านมาเขาถูกทรมานจนอยากจะตายไปเสีย และในวันนี้ก็เหลือเพียงลมหายใจที่รวยรินเท่านั้น
ทั้งหมดนี้ต้องโทษฟู่เสี่ยวกวนผู้นั้น รอข้ากลับไปถึงผิงหลิง ข้าจักขอให้ลูกเขยกงเซินจ่างส่งคนมาถล่มที่นี่ให้ราบเป็นหน้ากลอง ข้าจักใช้กระบี่ประหารฟู่เสี่ยวกวนผู้นั้นเพื่อระบายความเกลียดชังในใจของข้า !
เฉินป๋อและซูม่อได้ดักซุ่มอยู่สองข้างทางนานแล้ว ซ่งต้าเป่าไม่นึกว่าจะมีการดักซุ่มในที่นี่ เขาปรี่มายังอนุสาวรีย์วีรชนด้วยความดีใจ และใช้ดาบฟันเสาไม้ไผ่จนหักลงมา แต่ลืมไปว่าตนเองนั้นมีเพียงมือข้างเดียว มิมีอีกข้างให้ประคอง ไม้ไผ่หักลงมา จึงเกิดเสียงดังปึง หลิวซานเปี้ยนเจ็บจนหน้าเหยเกจนเอ่ยปากด่าทอ “ซ่งต้าเป่า มารดาเจ้าเถอะ ! เจ้าอยากให้ข้าตกลงมาตายรึ รีบเข้ามาประคองข้าเดี๋ยวนี้”
ซ่งต้าเป่าเองก็หวาดกลัวอยู่มิน้อย หากทำให้หลิวซานเปี้ยนตกลงมาตาย โทษของตนเองคงมิสามารถลบล้างออกได้อีกต่อไป
โชคยังดี ที่ชายชราผู้นี้ยังดวงแข็ง ยังคงสามารถด่าทอกันได้ !
เขาวิ่งเข้าไปและประคองหลิวซานเปี้ยนขึ้นมา ทันใดนั้นอาการเจ็บก็แล่นขึ้นมา หลิวซานเปี้ยนเบะปากและสูดลมหายใจเข้าไป ถึงนึกขึ้นมาได้ว่าข้อต่อของตนนั้นหัก
“มิไหว ข้ายืนมิได้แล้ว ต้องแบกข้าไป”
ซ่งต้าเป่าได้ยินดังนั้น ก็เรียกทหารสองสามนายมา “มาเร็ว ๆ แบกนายท่านหลิวขึ้นมา”
หวงซื่อหลางยืนอยู่บนเขาตลอดเวลา ฟังเสียงความวุ่นวายที่ดังมาจากด้านล่าง ลอบคิดว่ามิสามารถเชื่อถือในเรื่องที่ไอ้โง่เป่าเอ๋อทำได้อย่างแท้จริง มิใช่ว่าไปช่วยเหลือรึ แต่เหตุใดถึงได้เคลื่อนไหวใหญ่โตกันเสียจริง !
ในยามที่เขากำลังรออย่างร้อนรน ซูโหรวก็ถลาลงมาจากบนต้นไม้อย่างแผ่วเบา และได้ลงมาที่ด้านหลังของหวงซื่อหลาง หลังจากนั้นก็ยื่นมือแตะที่ไหล่ของหวงซื่อหลางเบา ๆ
หวงซื่อหลางชะงัก ความหนาวเหน็บพลันแล่นขึ้นมาฉับพลัน เขามิได้ขยับและมิได้หันหน้ากลับไป แต่ในมือกลับบีบขวดเล็กใบหนึ่งไว้แล้ว ขวดที่นำออกมายามตื่นตระหนกนั้นเขาเองก็มิรู้เช่นกันว่านั่นคือพิษอะไร
ซูโหรวหัวเราะหึ ๆ ทันใดนั้นหวงซื่อหลางก็ขนลุกขึ้นมา เขาสาดขวดเล็กในมือออกไปทางด้านหลังอย่างมิคิด ซูโหรวจิ้มไปที่กลางหลังของหวงซื่อหลาง หลังจากนั้นก็กลั้นลมหายใจ คิดว่าฝีมือที่อ่อนด้อยของเจ้าจะทำอันใดข้าได้เยี่ยงนั้นรึ ?
หวงซื่อหลางล้มลงไปกับพื้นเสียงดัง ซูโหรวคิ้วขมวดทันพลัน ดวงตาเรียวเหลือบมองขึ้นมา ทันใดนั้นใบหน้าก็แดงก่ำ “หวงซื่อหลาง เจ้ามันเป็นสุนัข กล้ากระทำต่ำช้าถึงเพียงนี้ ! ”
“อั๊ก… ! ” ลูกเตะเพียงคราเดียว หวงซื่อหลางก็ถูกเตะจนตัวลอยขึ้นไปบนอากาศ หลังจากนั้นเข็มปักผ้าในมือของซูโหรวก็โผออกไปพร้อมกับเส้นด้ายหลายสายพันเข้ากับตัวหวงซื่อหลางแล้วจับแขวนเอาไว้บนต้นไม้ ซูโหรวจึงบินไปทางเรือนซีซานอย่างรวดเร็ว หัวใจเต้นแรงขึ้นเรื่อย ๆ ประมาทไปแล้ว ๆ คาดมิถึงว่าจะโดนพิษสาดกลับมาเยี่ยงนี้ มิได้การแล้ว หากศิษย์พี่ใหญ่ไร้หนทางแก้… ทางที่ดีที่สุดคือศิษย์พี่ใหญ่จะต้องแก้พิษนี่ให้ได้ ฮี่ฮี่ฮี่…
นางปรี่เข้าไปยังด้านหลังเรือน กระแทกตัวเปิดประตูห้องของศิษย์พี่ใหญ่ดังปึง เส้นด้ายในมือพุ่งออกมาพันมือพันเท้าของศิษย์พี่ใหญ่ที่กำลังงุนงง
“ศิษย์พี่ใหญ่… ข้า ข้า อยาก… !”
กล่าวไปถึงหลังจากที่ซ่งต้าเป่าช่วยเหลือหลิวซานเปี้ยนออกมาได้ ตามแผนก็คือพาลูกน้องทั้งห้าร้อยคนถอนกำลังกลับไปจากภูเขาไต้ชาน ในตอนที่เขาคิดว่าทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่น ท่ามกลางความมืดมีเสียงดังโฉ่งฉ่าง
“เผชิญหน้าศัตรู ! เผชิญหน้ากับศัตรู ! ” ซ่งต้าเป่าตื่นตระหนก ฟุ่บ หนึ่งกระบี่ฟันเข้าที่ไหล่ของเขา “อ๊าก…! ไป ไป”
“อ๊าก… วิ่งโว้ย ! ”
“อย่าวิ่งไป ศัตรูมีไม่มาก สังหารมันเดี๋ยวนี้ ! ”
“อ๊าก ขาของข้า ขาของข้าหายไปแล้ว… !”
“อั๊ก ข้าถูกยิง ลูกธนูปักข้าแล้ว ข้าจะตายแล้วๆ เวรเอ๊ย… !”
“สังหารมารดามันเถอะ ใครจะฆ่าก็ฆ่าไปเลย ข้าไปแล้ว !”
เสียงโหยหวน เสียงกรีดร้อง เสียงตะโกน และเสียงปะทะกันของอาวุธ ทันทีที่เกิดเสียงวุ่นวายขึ้น ความสงบสุขของค่ำคืนนี้ก็ถูกทำลายลงทันที
ซ่งต้าเป่าตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก การโจมตีอย่างกะทันหันยามค่ำคืนทำให้ทหารทั้งห้าร้อยนายของฝั่งตนเองสับสนวุ่นวาย ตอนนี้ต้องทำเยี่ยงไร มิว่าเยี่ยงไรก็ต้องช่วยหลิวซานเปี้ยนออกมา ใช่ ไปช่วยเหลือหลิวซานเปี้ยน !
“ไปกับข้า ! ”
เขาวิ่งไปถึงตัวของนายทหารที่กำลังแบกหลิวซานเปี้ยน “เร็วเข้า ๆ วิ่งให้เร็วกว่านี้ ! ”
หลิวซานเปี้ยถูกแรงสะเทือนจนหน้าตาเหยเก “ไอหยา ไอหยา เป่าเอ๋อ เจ้าลูกสุนัข นี่มันเกิดเรื่องอันใดขึ้น ? ”
“อาซานเปี่ยนอดทนอีกเพียงเล็กน้อย พวกเราโดนซุ่มโจมตี ! ”
“เหตุใดพวกเจ้าจึงถูกซุ่มโจมตีอีกแล้ว ? ”
หลิวซานเปี้ยนอยากจะร้องแต่ไร้น้ำตา ลูกธนูพุ่งปักร่างของทหารสองสามคนที่แบกเขาอยู่ ทหารสองสามนายนั้นล้มลงไป และเขาก็ล้มลงไปกับพื้นที่อีกครา “เวรตะไลเอ๊ย ! ” หลิวซานเปี้ยนสบถออกมา เขาอยู่มาครึ่งชีวิตแล้ว แต่มิเคยรู้สึกหมดหวังเท่าในตอนนี้มาก่อน !