นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) - ตอนที่ 159 งานแต่ง
ตอนที่ 159 งานแต่ง
เยี่ยนซีเหวินนำคน 800 คนและหัวหน้ากบฏ 3 คนไปยังหลินเจียงจวนโจว เขาต้องการรายงานกับขุนนางระดับสูงจือโจว และให้ขุุนนางระดับสูงจือโจวส่งคนมาเพื่อพาคน 800 คนและหัวหน้ากบฏ 3 คนไปกุมขังที่เมืองหลวง
เอกสารการรายงานการปะทะฉบับนั้นเยี่ยนซีเหวินย่อมเขียนให้ฟู่เสี่ยวกวนอ่านด้วย เขาจัดกลุ่มโจรเหล่านี้ให้อยู่ในกองกบฏ เพราะโจรเหล่านี้เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของกงเซินจ่าง หลังจากนั้นก็ใช้ภาษาที่งดงามที่สุดในการบรรยายการต่อสู้ของทั้งสองฝ่าย กล่าวได้ชัดว่านี่คือผลลัพธ์ของความร่วมมือกันระหว่างเจ้าหน้าที่อำเภอเหยาและทหารเฝ้ายามของซีซาน ตนเองเป็นผู้นำคอยวางแผนอยู่ที่เรือนซีซาน ฟู่เสี่ยวกวนให้ความร่วมมืออย่างสุดกำลัง เรือนซีซานได้กำราบหัวหน้ากบฏทั้งสองภายใต้ภูเขาไต้ชานโดยสูญเสียคนนับร้อยและคนบาดเจ็บอีก 80 คน
ในช่วงท้ายของเอกสารกล่าวถึงปัญหาที่ไร้ที่สิ้นสุดของกลุ่มโจร เจ้าหน้าที่จากอำเภอเหยามิสามารถรับมือเพียงลำพังได้ ขอองค์ฮ่องเต้ทรงอนุญาตให้จัดตั้งกองหน่วยปราบปรามซีซาน เพื่อป้องกันการจู่โจมของโจร และเพื่อปกป้องความสงบสุขของประชาชน
สำหรับฟู่เสี่ยวกวนนั้นอยากจะให้ลบที่กล่าวถึงตัวเองและซีซานออกไป แต่ที่เยี่ยนซีเหวินกล่าวไว้ก็มีเหตุผล เจ้าหน้าที่อำเภอเหยามีแค่ 20 คนจะจับโจรตั้ง 800 คนได้หรือ กล่าวไปแล้วฝ่าบาทจะเชื่อรึ ?
แน่นอนว่าเยี่ยนซีเหวินเองก็เขียนให้ตระกูลเยี่ยนหนึ่งฉบับ เพียงแต่จดหมายฉบับนี้มิได้ให้ฟู่เสี่ยวกวนอ่านมัน
จดหมายฉบับนี้กล่าวถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริงกับที่นี่รวมไปถึงความคิดของตนเองที่มีต่อฟู่เสี่ยวกวน ทั้งยังสำทับไปว่าฟู่เสี่ยวกวนผู้นี้เป็นคนที่ไม่เลว หากในตระกูลมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับเขา ลองมองผลงานอันยิ่งใหญ่ที่เขามอบให้แล้ว แล้วดูว่าจะสามารถหักลบไปได้หรือไม่
หลังจากผ่านการรบมาสองครา ในที่สุดทหารใหม่ที่สนามฝึกภูเขาไต้ชานก็ได้รู้จักกับความโหดร้ายของสนามรบ และก็ได้เข้าใจเหตุผลที่ว่าศัตรูมีอยู่ทุกที่ในที่สุด การฝึกของพวกเขาหนักยิ่งขึ้น พวกเขาต่างก็สุขุมมากยิ่งขึ้น
ไป๋ยู่เหลียนใช้โอกาสนี้เลื่อนตำแหน่งระดับผู้นำขึ้นมาหนึ่งกลุ่ม ในที่สุดก็ได้มีหัวหน้าหมวดและผู้นำจนครบ แต่ยังคงไร้ซึ่งผู้นำระดับกองพันและกองพล ตามความหมายของฟู่เสี่ยวกวน นายทหารระดับผู้นำของกองพันอย่างน้อยก็ต้องรออีกครึ่งปีให้หลัง และนายทหารระดับกองพลก็ต้องรอให้ถึงอีกหนึ่งปีให้หลัง
ค่ายที่ภูเขาไต้ชานได้กลับมาฝึกประจำวันดังเดิม โรงงานซีซานก็เข้าสู่เส้นทางที่ถูกต้องแล้ว
การทดลองสบู่ได้เสร็จสมบูรณ์แล้ว และในวันนี้ก็ได้เริ่มผลิตแล้ว
ปริมาณการผลิตพื้นฐานที่มั่นคงของโรงงานน้ำหอมขึ้นอยู่กับอุปกรณ์การผลิต น้ำหอมชุดที่หนึ่ง 300 ขวดที่ได้เก็บไว้ใกล้จะ 2 เดือนแล้วก็ได้ถูกส่งไปยังเมืองหลวง และจะถูกส่งออกไปอย่างต่อเนื่อง แต่มากที่สุดก็มิอาจเกิน 500 ขวด
บุคลากรในโรงงานผลิตกระดาษก็ได้เตรียมการไว้พร้อมแล้ว ช่วงนี้ก็ได้เริ่มทดลองผลิตแล้ว ระยะเวลาในการผลิตก็คงมิห่างกันมาก
ส่วนศูนย์วิจัยและพัฒนาที่สำคัญที่สุด ฉินเฉิงเย่และคนอื่น ๆ ได้ติดตั้งและปรับแต่งอุปกรณ์ที่จำเป็นแล้ว เพราะปัจจุบันนี้แร่เหล็กของภูเขาเฟิ่งหลินยังมิได้ทำการถลุงออกมา ฉินเฉิงเย่มิรู้ว่าพวกเขาได้ใช้เส้นทางไหน ถึงได้มีเหล็กจำนวนมิน้อยจากสำนักหล่ออำเภอเหยา ในตอนนี้กำลังศึกษาว่าจะทำเยี่ยงไรให้สิ่งเจือปนในเหล็กน้อยลง และเพิ่มความแข็งแกร่งให้มากขึ้น
ในส่วนของไฟและดินปืนที่หลี่อี้รับผิดชอบก็ได้มีการพัฒนา การต่อต้านความชื้นได้เพิ่มมากขึ้น แต่หลังจากที่ฟู่เสี่ยวกวนได้ดูแล้วยังคงรู้สึกว่ายังไม่ได้ตามความต้องการเมื่ออยู่ในสนามรบ นอกจากนั้นฟู่เสี่ยวกวนก็ได้มอบหัวข้อวิจัยให้หลี่อี้ 2 เรื่อง หนึ่งคือการหน่วงของเวลา สองคือการกระตุ้น
ส่วนเตาหลอมของภูเขาเฟิ่งหลินในตอนนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนก่อสร้าง จดหมายจากเฝิ๋งหล่าวซื่อกล่าวไว้ว่าเตาหลอมนี้ได้รับการรับรองจากช่างหลอมแล้ว พวกเขาตัดสินใจที่จะทดลองสร้างออกมาก่อน หลังจากนั้นค่อยมาดูว่าต้องแก้ไขที่ตรงไหนอีกหรือไม่
เขาต้องไปภูเขาเฟิ่งหลินเสียหน่อย แต่ยังมิใช่ตอนนี้ เพราะงานแต่งของหวางเฉียงได้มาถึงแล้ว
รัชสมัยเซวียนลี่ปีที่ 8 เดือนสิบสอง วันที่สิบสอง บ้านของหวางเอ้อที่หมู่บ้านหวังเจียชุนคึกคักเสียยิ่งกว่าช่วงข้ามปีในอดีต
ประการแรกเพราะชื่อเสียงของหวางเอ้อในหมู่บ้านหวังเจียชุนสูงส่งอย่างมาก ประการที่สองตระกูลของหวางเอ้อได้รับความไว้วางใจจากคุณชาย ในวันนี้ทีมก่อสร้างของหวางเอ้อก็ได้มีชื่อเสียงในระยะ 10 ลี้นี้ ส่วนประการที่สาม ก็เพราะหวางเอ้อได้ประกาศไว้เนิ่นนานแล้ว ว่าคุณชายจะมาร่วมงานแต่งของหวางเฉียงด้วยตนเอง
ยามนี้ประจวบเหมาะเป็นช่วงพักของเกษตรกร ระยะเวลาก็ห่างจากช่วงข้ามปีมิถึง 20 วัน ผู้คนจำนวนหนึ่งร้อยกว่าคนในหมู่บ้านหวังเจียชุนจึงได้มากันที่บ้านของหวางเฉียง
เหล่าเด็กและสตรีต่างไปช่วยกันต้มน้ำล้างจาน เหล่าชายชราและชายหนุ่มต่างไปเคลื่อนย้ายโต๊ะและเก้าอี้ของบ้านตนเองมา นั่งดื่มชาและพูดคุยกันอยู่ด้านนอกเรือน
หวางเอ้อวุ่นวายกับการวิ่งเข้าออกเพื่อทักทายแขกเหรื่อ หวางเฉียงได้จัดกลุ่มต้อนรับขึ้นมาโดยมีชายหนุ่มสิบกว่าคนเพื่อแบกเกี้ยวเจ้าสาวและเป่าขลุ่ยซอนาไปยังบ้านของจางเสี่ยวเหมย
ระยะห่างของทั้งสองบ้านนับแล้วไม่เกินร้อยเมตร แต่ก็มิสามารถละเลยพิธีการนี้ได้
โรงครัวภายในบ้านนั้นย่อมมิพอ จึงได้ขุดเตาดิน 5 เตาที่ทำนบกั้นน้ำด้านนอกบ้านของหวางเอ้อ ในยามนี้ไฟในเตาดินได้ถูกจุดขึ้นมา ภายในหม้อนึ่งบนเตาก็เต็มไปด้วยเนื้อนึ่งชั้นดี
พ่อครัวผู้นี้ได้เชิญมาจากหมู่บ้านเซี่ยชุน เขากำลังวุ่นกับเขียงยาวที่อยู่ข้างเตาดิน ข้างกายนั้นมีหญิงสาวมากมายคอยเป็นลูกมือ กล่าวว่าหวางเฉียงนั้นมีวาสนายิ่ง จางเสี่ยวเหมยเองก็ได้แต่งงานกับคนที่ดี ทั้งหมดนี้เป็นพรจากคุณชาย งานแต่งงานของบุตรตนในภายภาคหน้าก็ห้ามน้อยหน้าตระกูลของหวางเอ้อ หากคุณชายมีเวลาว่างสามารถมาที่บ้านของตนได้ก็จะเป็นเกียรติยิ่ง นั่นคือสิ่งสำคัญที่จะสามารถจารึกไปในวงศ์ตระกูลและอื่น ๆ ได้
ฟู่เสี่ยวกวนได้เตรียมของขวัญที่มีค่าเอาไว้
เขานำถุงแดงใบใหญ่มาด้วย 1 ใบ หลังจากนั้นก็มีกำไลมรกต 1 ชิ้น กำไลนี้ได้รับมาเป็นของขวัญในตอนที่อยู่เมืองหลวง ในวันนี้จึงนำมามอบให้กับผู้อื่น
ผู้ที่มากับเขานั้นมีซูม่อ ซูโหรวและซูเจวี๋ย แน่นอนว่ามีสาวใช้ชุนซิ่วด้วย
เหตุผลที่ซูโหรวมาด้วยก็เพราะนางค่อนข้างสงสัย งานแต่งนั้นเป็นแบบใดกัน ? สำหรับซูโหรวที่เติบโตมาในสำนักเต๋าตั้งแต่ยังเล็ก เลยมิมีใครสอนนางเรื่องแบบนี้
ส่วนซูเจวี๋ย เอาเถอะ ซูเจวี๋ยนั้นได้โดนซูโหรวลากมา
ทั้งหมดได้เดินข้ามทุ่งนามาจนถึงหมู่บ้านหวังเจียชุน และหมู่บ้านหวังเจียชุนในวันนี้ก็ดูมีชีวิตชีวาเต็มไปด้วยบรรยากาศใหม่ ๆ ซื่อเหอเยวี่ยนเรือนกระเบื้องอ่อนที่เรียงรายถูกจัดไว้เป็นระเบียบ เรือนแต่ละหลังต่างสร้างด้วยปูนซีเมนต์
สะอาดเป็นระเบียบ สวยงามและกว้างขวาง ในสายตาของฟู่เสี่ยวกวน ให้ความรู้สึกถึงชนบทแบบใหม่
“คุณชายมาแล้ว คุณชายมาแล้ว ! ” เด็กน้อยที่เล่นกันอยู่เห็นฟู่เสี่ยวกวนจากระยะไกล พวกเขาวิ่งโร่และส่งเสียงไปตลอดทาง สร้างความตื่นตระหนกให้แก่หวางเอ้อและเหล่าเกษตรกรภายในเรือน
ดังนั้นหวางเอ้อจึงพาชาวบ้านออกไปต้อนรับ ฟู่เสี่ยวกวนโบกมือและเดินเข้าไปด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“วันนี้เจ้ามิต้องสนใจข้าหรอก ทำธุระของเจ้าเถอะ ได้ไปรับภรรยาคนใหม่มาแล้วหรือยัง”
“ยังขอรับ ยังมิได้เวลา ใกล้กันเท่านี้ มิกี่ก้าวเท่านั้น”
“ข้ามิได้เตรียมอันใดมา นี่คือของขวัญเล็กน้อย เจ้ารับไว้เถิด”
“มิได้ขอรับ…”
“ทำไมกัน คำพูดของคุณชายใช้มิได้รึ ? กำไลนี้มอบให้ภรรยาของเจ้า เจ้าอย่าได้เอาไปซ่อนเล่า”
ทุกคนต่างหัวเราะ หวางเอ้อจึงรับไว้ด้วยความขัดเขิน และนำกลุ่มฟู่เสี่ยวกวนเข้าไปภายในบ้าน
ซูโหรวเพิ่งได้รับรู้ว่างานแต่งนี้ค่อนข้างครื้นเครง เพียงแต่… หากตนแต่งงานไป ไหนเลยจะมีแขกแบบนี้ได้กัน ?
ซูเจวี๋ยเดินตัวตรงเข้าไป มองชายหนุ่มด้านหน้าที่มีผู้คนรายล้อม คิดไปแล้วเขาก็แตกต่างจากผู้อื่นจริง ๆ คิดมิถึงว่าจะกลมกลืนกับชาวบ้านเหล่านี้ จนมิมีแม้แต่ช่องว่าง ดูแล้วสิ่งที่ศิษย์น้องพูดไว้จะถูกต้อง
ในยามนี้ฟู่เสี่ยวกวนเหมือนกับเกษตรกรคนหนึ่ง เขาพูดคุยกับเกษตรกรเหล่านี้ถึงเรื่องการผลิต เป็นหัวเรื่องที่กล่าวอย่างมีเหตุและมีผล ฟังแล้วดูเหมือนจะมีประสบการณ์ยิ่งกว่าเกษตรกรเหล่านี้เสียอีก ซูเจวี๋ยหันมามองฟู่เสี่ยวกวนอีกครา คิดแล้วก็สงสัยว่ามีใครบนโลกใบนี้ไหมที่มีความรู้ตั้งแต่กำเนิดออกมา ?