นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) - ตอนที่ 428 รวมอำนาจ
ตอนที่ 428 รวมอำนาจ
พระราชวังที่เพิ่งถูกสร้างขึ้นใหม่ ณ ท้องพระโรงอี้เจิ้งที่สูงตระหง่าน
ท่าป๋าเฟิงจักรพรรดิ์แห่งแคว้นฮวงได้ประทับอยู่บนบัลลังก์มังกร ซ้ายขวามีอ๋องทั้งแปดนั่งขนาบข้าง พวกเขาทั้งแปดนั้นเป็นผู้นำเผ่าต่าง ๆ นั่นเอง ซึ่งมีพื้นที่ปกครองและทหารเป็นของตนเอง
ส่วนผู้ที่ยืนอยู่ด้านล่างของพวกเขานั้นเป็นขุนนางทั้งบู๊และบุ๋นของแคว้นฮวงกว่าร้อยชีวิต
บัดนี้ที่ท้องพระโรงอี้เจิ้งได้เงียบสงัด
สีหน้าของท่าป๋าเฟิงนั้นมืดมนดุจเมฆดำที่ลอยปกคลุมอยู่ด้านนอก
สายตาของเขามองไปยังใบหน้าของขุนนางทุกคนที่อยู่ในท้องพระโรงแห่งนี้ จากนั้นก็หยุดลงที่มุมหนึ่งของท้องพระโรง เขาเผยอยิ้มออกมาด้วยท่าทางเย้ยหยัน
นับตั้งแต่วันที่หารือกับเสด็จลุงเรื่องการอภิเษกกับองค์หญิงสามแห่งราชวงศ์หยู และใช้ข้ออ้างนี้ในการแบ่งแยกเผ่าต่าง ๆ บัดนี้ผ่านไปได้ 1 ปีแล้ว
เนื่องจากถูกฟู่เสี่ยวกวนก่อกวน จึงเสียเวลาไป 1 ปีเต็ม ๆ อีกทั้งยังเสียแรงเสียเวลาในการก่อสร้างพระราชวังแห่งนี้
แต่ทว่าเจ้าฟู่เสี่ยวกวนนั่นกลับไปฝึกทหารดาบเทวะขึ้นมา เพียงแค่ 4,000 นายก็สามารถทำลายล้างทหารได้ถึง 50,000 นาย ! จึงทำให้แคว้นฮวงตกอยู่ในสถานการณ์อลหม่านเยี่ยงนี้
เดิมทีคิดว่าจะจับพวกเขาไว้ในแคว้นฮวง แต่คาดมิถึงว่าเมื่อคืนนี้พวกเขากลับเข้าโจมตีขบวนส่งเสด็จ เข่นฆ่าทหารของแคว้นฮวงไปกว่าหมื่นนาย อีกทั้งยังฆ่าเสด็จลุงของเขา ท่าป๋าชิว อีกด้วย !
บัดนี้พวกมันได้ถอยทัพกลับไปยังด่านเยี่ยนซาน และได้ทิ้งจดหมายเอาไว้หนึ่งฉบับ แท้ที่จริงมันมิควรถูกเรียกว่าจดหมาย แต่ควรเรียกว่าหนังสือข่มขู่ต่างหาก
“หากเจ้ายังมิสงบเสงี่ยม ข้าจะทำให้เจ้าอยู่อย่างมิสงบไปอีกตลอดกาล ! ”
นี่คือสาเหตุที่ดาบเทวะจี้หัวเขาอยู่ !
เขาหยิบปืนคาบศิลาออกมาจากเสื้อ แล้วลูบมันไปมาในมือก่อนจะเอ่ยว่า
“การประชุมในวันนี้ มีเพียงหัวข้อเดียว”
“ข้าขึ้นครองราชย์มาได้กว่าห้าปีแล้ว ระบบอำนาจต่าง ๆ ข้าต้องการเปลี่ยนเแปลง”
“ข้าคิดว่า ในบัดนี้อำนาจของแคว้นฮวงนั้นกระจายมากจนเกินไป แม้ว่าแคว้นฮวงจะมีทหารกว่า 600,000 นาย แต่ที่จริงในมือข้านั้นมีทหารที่ใช้ได้เพียงแค่ 200,000 นายเท่านั้น”
“ส่วนที่เหลืออีก 400,000 นายอยู่ในกำมือของเสด็จลุงทั้งหลาย หากข้าต้องการทหาร จะต้องหารือกับเสด็จลุงเสียก่อน ใต้หล้านี้ อย่าว่าแต่อีก 3 แคว้น แม้แต่จักรพรรดิของแคว้นเล็ก ๆ คาดว่าก็มิมีผู้ใดน่าอดสูเท่าข้าแล้ว ดังนั้น…”
เขาเงยหน้าขึ้นยกยิ้มด้วยความจริงใจก่อนจะมองไปยังเสด็จลุงท่านหนึ่งทางด้านซ้ายแล้วเอ่ยว่า “เสด็จลุงพื้นที่ในการดูแลของท่านนั้นใหญ่ที่สุด จึงมีทหารมากที่สุดเช่นกัน ท่านควรจะกล่าวบางสิ่งหรือไม่ ? ”
ท่าป๋าหานขมวดคิ้ว “ฝ่าบาท การประชุมในวันนี้ควรจะเป็นการวางแผนว่า ทำเยี่ยงไรจึงจะสามารถเอาชนะราชวงศ์หยูได้ ! ”
ท่าป๋าเฟิงหัวเราะแล้วส่ายหัว “กองกำลัง 4,000 นาย แทรกตัวเข้ามายังแคว้นฮวงของข้า มิเพียงแต่มิอาจจับพวกมันไว้ได้เท่านั้น พวกมันยังฆ่าทหารของพวกเราไปนับหมื่น จะเอาชนะได้เยี่ยงไร ? แน่นอนว่าข้าจะต้องจัดการกับราชวงศ์หยู แต่ก่อนหน้านั้น ข้าขอเอ่ยถามพวกท่านทั้งหลายว่า พระราชวังนี้สุขสบายยิ่ง เสด็จลุงทั้งหลายมิจำเป็นต้องปวดหัวกับเรื่องการเมืองอีก และพำนักอยู่ที่นี่ในยามชรา เป็นเยี่ยงไร ? ”
ท่าป๋าหานเบิกตากว้าง “ฝ่าบาท นโยบายต่าง ๆ ได้กำหนดไว้ตั้งแต่ก่อตั้งแคว้นฮวงแล้ว ! ”
“หาใช่ไม่ นโยบายเหล่านั้นใช้มิเป็นผลแล้ว สองร้อยปีมานี้ราชวงศ์หยูให้ความสำคัญกับการเกษตร แต่บัดนี้ได้เปลี่ยนแปลงไปเป็นการเกษตรและการค้าเท่าเทียมกัน นโยบายของแคว้นฮวงก็ควรจะปรับเปลี่ยนได้แล้ว”
เมื่อกล่าวจบ สีหน้าของท่าป๋าเฟิงก็เยือกเย็นขึ้นมาทันพลัน เขาจ้องไปยังท่าป๋าหานแล้วกล่าวว่า “ข้าขอถามท่านอีกคราว่า อำนาจทางทหารนี้ ท่านจะส่งมอบให้กับข้าหรือไม่ ? ”
“หากข้ามิมอบ เจ้าจะทำอันใดกับข้าได้ ? ”
ท่าป๋าเฟิงเลิกคิ้วแล้วหยิบปืนออกมา “ปัง… ! ”
เสียงปืนดังสนั่นลั่นท้องพระโรง ทุกคนต่างตื่นตกใจขึ้นทันพลัน พวกเขาเห็นท่าป๋าหานยกมือขึ้นกุมอกแล้วล้มตึงลงกับพื้นเสียงดัง
ท่าป๋าเฟิงเป่าเขม่าควันแล้วบรรจุกระสุนเข้าไปใหม่อีกครา ใบหน้าของเขาเผยถึงความหยิ่งผยอง จากนั้นมองไปยังเสด็จลุงคนที่สอง “เห้อ เสด็จลุงใหญ่มิอยู่เสียแล้ว เสด็จลุงรองเล่า ท่านคิดเห็นว่าเยี่ยงไร ? ”
“ท่าป๋าเฟิง เจ้าคิดจะทำอันใด…”
“ปัง… ! ”
เสียงปืนดังขึ้นอีกหนึ่งครา ระหว่างคิ้วของท่าป๋าเหยียนปรากฏรอยกระสุนเป็นรูโหว่ เขายกมือขึ้นชี้ท่าป๋าเฟิงแล้วล้มลงกับพื้นทันที โดยที่ยังมิทันได้เอ่ยอันใดด้วยซ้ำ
ปืนสองนัด ส่งเสด็จลุงสองคนไปสู่สวรรค์
ขุนนางทั้งบู๋และบุ๋นต่างก็พากันเบิกตากว้าง แทบจะมิมีผู้ใดกล้าหายใจออกมา
ท่าป๋าอ้าว เสด็จลุงหกลุกขึ้นแล้วกล่าวว่า “ท่าป๋าเฟิง เจ้าบ้าไปแล้วเยี่ยงนั้นหรือ ? ข้าขอประกาศคัดค้านการกระทำของท่าป๋าเฟิง ! ”
ท่าป๋าเฟิงทำท่าทางใส่กระสุนลูกใหม่อย่างมิสนใจ เขาหรี่ตามองดูท่าป๋าอ้าว “ย่อมได้ เริ่มบัดนี้เลย ยกมือเป็นการตัดสิน”
น้ำเสียงของเขาเยือกเย็น “ข้าอยากจะเห็นจริง ๆ ว่าเสด็จลุงท่านใดกันที่มีข้อขัดแย้งกับหลาน ผู้ที่คัดค้านตอนข้าขึ้นเป็นจักรพรรดิ อย่าได้เขินอาย ยกมือขึ้นเถิด”
เสด็จลุงแปดยกมือขึ้น แต่ทว่ามือนั้นยังมิทันได้ยกขึ้นมาจนสุด ก็ได้มีดาบจากทางด้านหลังฟันเข้าที่แขนของเขาจนขาด
เขาร้องออกมาเสียงหลงเหมือนหมูถูกเชือดออกมา ท่าป๋าเฟิงขมวดคิ้วแล้วโบกมือ “น่ารำคาญเสียจริง ลากตัวไปหั่นข้างนอก ! ”
“เจ้า… ! ท่าป๋าอ้าวเดือดดาลจนถึงขีดสุด “เจ้ากำลังทำลายชะตากรรมของแคว้น ! ”
“การยกมือนั้นเป็นสิทธิ์ของพวกท่าน สังหารคนเป็นสิทธิ์ของข้า ขอเอ่ยกับเสด็จลุงทั้งหลายตามตรงว่า ข้าอยากจะฆ่าพวกท่านมานานแล้ว เเต่ก่อนที่ราชครูยังมีชีวิตอยู่ เขาคอยตักเตือนข้าให้คิดให้ดี”
“ข้านั้นเห็นแก่หน้าของท่านราชครู เดิมจึงคิดจะวางแผนมองการณ์ไกล แต่บัดนี้เล่า ? ท่านราชครูสิ้นแล้ว ราชวงศ์หยูก็แข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ และยังมีกองกำลังดาบเทวะอยู่อีก ! ”
ท่าป๋าเฟิงลุกขึ้นยืน ในมือของเขาถือปืนอยู่ “พวกโง่เง่าทั้งหลาย เข้าใจความหมายของข้าแล้วหรือไม่ ? ”
เขาจับไปที่ปืนคาบศิลาแล้วชี้ไปยังเสด็จลุงที่เหลืออยู่ทั้งหกคน ทำให้พวกเขาทั้งหกต่างก็อกสั่นขวัญแขวน
“นี่หมายถึงว่ากองทัพทหารที่แข็งแกร่งถึงเพียงนี้ อาวุธที่ยิ่งใหญ่ถึงเพียงนี้ ราชวงศ์หยูสามารถผลิตออกมาได้มากมายมิขาดสาย ! ”
“กองกำลังเพียงแค่ 4,000 นาย สามารถบุกเข้ามายังแคว้นฮวงและทำลายทุ่งเลี้ยงสัตว์ไปถึง 6 แห่ง เข่นฆ่าทหารชาวฮวงไปกว่า 60,000 นาย ! ”
“พวกเขาพาตัวองค์หญิงสามกลับไป แต่ข้ามิอาจทำได้แม้แต่ตามไป เพราะเหตุใดรู้หรือไม่ ? ”
เขานำกระดาษแผ่นหนึ่งออกมาแล้วตบลงไปที่โต๊ะมังกร “ปึง ! ”
“เนื่องจากผู้นำของกองกำลังดาบเทวะเขียนจดหมายข่มขู่ข้าไว้ 1 ฉบับ ! ”
ท่าป๋าเฟิงบัดนี้เต็มไปด้วยโทสะ สายตาดุดันจ้องมองไปยังขุนนางทั้งหลายแล้วตะคอกออกมาเสียงดังว่า “พวกมันข่มขู่ข้า ! พวกเจ้ารู้หรือไม่ ! พวกเจ้าเคยรับรู้บ้างหรือไม่ ? ”
“นี่คือการดูถูกที่ข้ามิอาจรับได้ และเจ็บปวดที่สุดในชีวิตนี้ ! ”
ขุนนางน้อยใหญ่ต่างก็พากันก้มหน้าลง บัดนี้เสด็จลุงทั้งหกที่ยังมีชีวิตอยู่ต่างก็พากันตกตะลึง
“เจ้าโง่ทั้งหลาย ราชวงศ์หยูได้เปลี่ยนเเปลงนโยบายในทางเหนือแล้ว บัดนี้ผิงหลิงและชวูอี้กำลังเร่งสร้างสิ่งปลูกสร้าง คาดว่าอีกมิถึง 1 ปี หย่งหนิงโจวที่เคยยากจนข้นแค้นก็จะแปรเปลี่ยนไปจากเดิม”
“เวลา 1 ปี กองกำลังดาบเทวะจะเพิ่มขึ้นอีกจำนวนเท่าใด ? ปืนนี้จะเพิ่มจำนวนขึ้นอีกเท่าใด ? ”
“พวกเจ้าทั้งหลายใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย อีกทั้งยังคิดจะเปิดประตูด่านเยี่ยนซาน ยังอยากจะครอบครองพื้นที่ราชวงศ์หยู… พวกเจ้าฝันกลางวันกันอยู่เยี่ยงนั้นหรือ ! ”
“แคว้นฮวงกำลังจะสิ้นอยู่แล้ว พวกเจ้ายังบังอาจมาเป็นมารรัดแขนรัดขาของข้าอีกเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
“ข้าขอเอ่ยถามพวกเจ้าอีกคราหนึ่ง เสด็จลุงทั้งหก พวกท่านพักผ่อนอยู่ที่นี่ดีหรือไม่ ? ”