นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) - ตอนที่ 48 จัดฉากบงการ
ตอนที่ 48 จัดฉากบงการ
ณ ห้องหนังสือของจางเพ่ยเอ๋อ ธูปไม้จันทน์หอมเล่มหนึ่งกำลังติดไฟ
ควันบาง ๆ ลอยไปตามแรงลมในยามค่ำคืน
นางนั่งอยู่บนเก้าอี้และมองดูควันธูปที่น่าพิสมัยนี้ ในใจจินตนาการไปถึงหนังสืออนุญาตการทำเหมืองนั้น ไม่รู้ว่าฟู่เสี่ยวกวนจะคิดเยี่ยงไรหากเขารู้ว่านั่นคือผลงานของนางเอง
เขาจะมาขอความช่วยเหลือจากนางหรือไม่ ?
หากเป็นเยี่ยงนั้น นางควรตอบตกลงกับเขาหรือไม่ ?
เขาเป็นถึงลูกชายเจ้าของที่ดินรายใหญ่อยู่อย่างสุขสบายดี ๆ มิชอบ กลับไปทำอะไรที่เหมืองนั้น ? หรือ……เขามีแผนการอันใดงั้นหรือ ?
คนผู้นี้มักกระทำการใด ๆ ที่ยากจะเข้าใจนัก แต่นางจะไม่สนใจอีกต่อไป บัดนี้นางปิดทางทำเหมืองของเขาแล้ว ต่อไปนางจะปิดโรงกลั่นสุรานั่น !
ใบหน้าของจางเพ่ยเอ๋อปรากฏรอยยิ้มขึ้นมา อืม……เรื่องนี้ช่างน่าสนใจยิ่งนัก
จากนั้นนางก็ทอดสายออกไปยังนอกประตู ก่อนจะพบกับชายชุดดำที่ปรากฏตัวขึ้นที่หน้าประตู เขาเดินเข้ามาแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงอันเบาว่า “คุณหนูขอรับ สิ่งของที่คุณหนูต้องการ ข้าน้อยนำมันกลับมาให้แล้ว เชิญคุณหนูลองตรวจดู”
ชายชุดดำนั้นยื่นจดหมายฉบับหนึ่งให้แก่จางเพ่ยเอ๋อ นางรับไปอ่าน แล้วเผามันเพื่อทำลายหลักฐานพลางกล่าวว่า “ในวันพรุ่งจะมีผู้เดินทางมาจากหมู่บ้านเซี่ยชุน จงไปรับเขาทางประตูทิศใต้แล้วส่งเขาให้กับคุณชายใหญ่ชีหยวนหมิงแห่งจวนชี”
“รับทราบขอรับ”
“ไปได้”
ชายชุดกลับออกไป จางเพ่ยเอ๋อนั่งมองธูปนั้นอยู่สักพักใหญ่ จากนั้นก็เดินออกมาจากห้องหนังสือและกลับไปยังห้องนอน
ซูม่อเองก็ออกมาจากจวนจางอย่างเงียบ ๆ หลังกลับมาถึงจวนฟู่ เขาก็เข้าไปในห้องหนังสือของฟู่เสี่ยวกวน
“แม้ข้าจะไม่เข้าใจว่าพวกเขากำลังทำเรื่องอันใดอยู่ แต่จากการคาดเดาแล้วคงมิใช่เรื่องดีนัก” ซูม่อรายงานทุกสิ่งทุกอย่างที่เห็นเมื่อครู่แก่ฟู่เสี่ยวกวน เขาขมวดคิ้วแล้วครุ่นคิดว่ากำลังจะเกิดเหตุใดขึ้นกันแน่
ตระกูลชีทำการค้าสุรา หากจะมีคนเดินทางมาจากหมู่บ้านเซี่ยชุนก็คงจะเป็นคนจากโรงงานสุราของเขาเอง แต่เรื่องนี้ทางซีเยวี่ยนกลับรายงานไปยังจางเพ่ยเอ๋อ เหตุการณ์นี้คาดว่าชีซื่อคงเป็นหนึ่งในผู้บงการอยู่เบื้องหลังเป็นแน่
พวกเขาซื้อตัวผู้ปรุงสุราคนหนึ่งจากเรือนซีซาน นั่นหมายความว่าอาจจะต้องการขโมยสูตรลับของเซียงเฉวียนและเทียนฉุน ไม่ผิดแน่
“เรื่องนี้เจ้าจงเก็บไว้เป็นความลับให้รู้เพียงข้าและเจ้าเป็นพอ ในวันพรุ่งนี้พวกเราจะออกเดินทางกันแต่เช้าเพื่อไปพบเขาผู้นี้”
“ซิ่วเอ๋อร์ เจ้าจงคอยอยู่ที่จวนนี่ หากมีผู้ใดมาถามถึงข้าก็จงตอบไปว่าข้าเดินทางไปยังสำนักศึกษาหลินเจียง”
……
……
ถนนบริเวณหุบเขาที่ใช้ในการเดินทางจากหมู่บ้านเซี่ยชุนมายังเมืองหลินเจียงนั้นถูกใครบางคนกั้นด่านตรวจไว้
ซูม่อในชุดสีดำยืนอยู่ตรงกลางถนนอย่างสง่า “ทางการมีคำสั่งตรวจสอบโจรป่า โปรดหยุดและให้ความร่วมมือในการตรวจสอบยานพาหนะทั้งหมด! ”
แน่นอนว่าสิ่งนี้ฟู่เสียวกวนเป็นผู้วางแผน ซูม่อปวดหัวยิ่งนัก เหตุใดจึงอ้างเอาชื่อของทางการมากระทำการเช่นนี้เล่า เขาจึงจำเป็นต้องแต่งกายด้วยชุดสีดำเช่นนี้
แน่นอนว่าในมือเขาไม่มีหมายของทางการ จากเดิมซูม่อยังกังวลว่าจะมีผู้คัดค้านการตรวจสอบนี้หรือไม่ แต่เขาคาดมิถึงว่ารถม้าจะหยุดและให้ความร่วมมือ พร้อมทั้งปล่อยให้เขาตรวจค้นได้
ที่แท้ก็สามารถแอบอ้างอำนาจกระทำการเช่นนี้ก็ได้ด้วยหรือ !
ฟู่เสี่ยวกวนสวมชุดสีขาวนั่งโบกพัดอยู่บนเก้าอี้ เขาคอยมองดูผู้คนที่ลงมาจากรถม้านั่น หากเป็นคนของเรือนซีซานแล้ว เขาจำได้ทุกคนอย่างแม่นยำ ไม่ว่าจะเป็นหัวหน้าหรือลูกน้อง มีชื่อหรือไม่มีชื่อ เขาเชื่อว่าเพียงได้มองหน้าก็สามารถจำแนกได้เป็นแน่
จากนั้นเขาก็พบเห็นคนผู้หนึ่งที่ลงมาจากรถม้า คน ๆ นี้เขารู้จัก
นั่นคือคนงานธรรมดาคนหนึ่งในโรงกลั่นสุรา นามว่าลิ่วจื่อ มีหน้าที่เพียงแค่แบกสุราเท่านั้น
ฟู่เสี่ยวกวนยิ้มขึ้น เขาเดินตรงไปยังลิ่วจื่อ ในมือลิ่วจื่อยังหอบถุงผ้าใบเล็กยืนรอการตรวจสอบอย่างใจสั่น ทันใดนั้นเขาได้เหลือบไปเห็นคุณชายของเขาขึ้นมา
สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ เขามองเห็นคุณชายโบกมือมาทางเขาเป็นความหมายให้เดินเข้าไปหา
เขากลืนน้ำลายและเดินเข้าไปอย่างช้า ๆ
“ข้าจำได้ว่าเจ้ามีนามว่าลิ่วจื่อ”
ลิ่วจื่อพยักหน้า
“ข้าจำได้ดีว่ามารดาของเจ้านั้นมีอายุมากแล้ว และเจ้าเองก็เป็นลูกที่กตัญญู”
“ข้าครุ่นคิดอยู่นาน แต่ยังตัดสินใจไม่ได้สักที เจ้าลองช่วยข้าคิดดูหน่อยสิว่าความคิดนี้เป็นอย่างไรบ้าง”
ขาของลิ่วจื่อเริ่มสั่นสะท้าน เขากอดถุงผ้านั้นแน่นขึ้นยิ่งกว่าเดิม
“ข้าเคยคิดว่าจะเปลี่ยนสถานะเจ้าให้เป็นผู้รับใช้ของจวนฟู่ สิ่งนี้ช่างง่ายดายนัก ข้าไม่จำเป็นต้องได้รับการยินยอมจากเจ้า หรือจากกฎหมายของราชวงศ์หยู การที่เจ้านายจะลงโทษบ่าวรับใช้จนถึงแก่ชีวิตก็ไม่จำเป็นต้องได้รับโทษเช่นกัน หลังจากเจ้าตายไปแล้ว แม่ของเจ้าจะได้รับการดูแลเป็นอย่างดี เพียงแต่ไม่มีคนส่งนางยามจากไปเท่านั้น”
ลิ่วจื่อสีหน้าซีดเผือดในทันที เขาอ้าปากแต่กลับไม่ได้เอ่ยสิ่งใดออกมา
ฟู่เสี่ยวกวนค่อย ๆ เก็บรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา ลิ่วจื่อสัมผัสได้ถึงสายลมอันเย็นยะเยือก ที่แทรกซึมเข้ามาในหัวใจของเขา มันทำให้เขาสั่นสะท้านเสียจนหัวใจแทบจะหยุดเต้น
“เจ้าคิดว่าเป็นเช่นไร ? ”
คำพูดเพียงไม่กี่คำนี้ทำให้ลิ่วจื่อคุกเข่าลงที่พื้นทันที
“ข้าน้อยสมควรตาย ข้าน้อยถูกจูโหยวเกลี้ยกล่อม ขอร้องคุณชายปล่อยข้าไปเถิด ข้าน้อยขอคุกเข่าและก้มหัวให้แก่ท่าน ! ”
ฟู่เสี่ยวกวนมิได้ให้เขาก้มหัวคารวะ แต่กลับพยุงเขาขึ้นมา
ด่านตรวจนั้นถูกเปิดออก ซูม่อยืนอยู่ข้างคนขับรถม้า
“จงบอกข้ามาว่าใครคือผู้บงการ ! ”
“อาจารย์หลี่ เขา……เขาสั่งให้ข้านำจดหมายฉบับหนึ่งมาส่งยังเมืองหลินเจียง เอ่ยว่าเมื่อมาถึงหลินเจียงจะมีคนมารับ”
ลิ่วจื่อเปิดถุงผ้าออกด้วยมืออันสั่นเทา และมอบจดหมายฉบับนั้นให้แก่ฟู่เสี่ยวกวน
“อ้อ……เขาให้ค่าตอบแทนเจ้าเท่าใดกัน?”
“1 1,000 อีแปะ” ”
ตุ๊บ ! ลิ่วจื่อคุกเข่าลงไปอีกครั้งและร้องไห้โฮออกมาด้วยเสียงอันดังว่า “คุณชาย แม่ของข้าป่วยหนัก ข้าไม่มีทางเลือกจริง ๆ…… ”
ฟู่เสี่ยวกวนเปิดจดหมายฉบับนั้นออกดู พบว่าเป็นขั้นตอนการผลิตเทียนฉุนและเซียงเฉวียน
ละเอียดมาก ! สิ่งนี้พัฒนาดีกว่าครั้งเมื่อฟู่เสี่ยวกวนวางแผนงานเอาไว้ไม่น้อยทีเดียว
“ลุกขึ้นเถิด”
“ข้าน้อยมิกล้า”
“ข้าสั่งให้เจ้าลุกขึ้น ! ”
ลิ่วจื่อลุกขึ้นอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ
ฟู่เสี่ยวกวนมองไปยังผู้ขับรถม้า เขารีบโบกไม้โบกมือ “ข้าไม่รู้ไม่เห็นอันใดด้วยทั้งนั้น ข้าเป็นเพียงคนขับรถที่หมู่บ้านเซี่ยชุนเท่านั้น ข้าเพียงแต่รับงานส่งคนไปยังเมืองหลินเจียงเพียงเท่านั้น”
ฟู่เสี่ยวกวนมองดูลิ่วจื่อ ลิ่วจื่อร้องไห้พลางพยักหน้าตอบรับ
“ขึ้นรถไปกับข้า”
“คุณชาย ได้โปรดอย่าฆ่าข้าเลย ! ”
“คุณชายไม่ฆ่าเจ้าหรอก แต่ต้องรอดูการกระทำต่อไปของเจ้า ไปเถอะ”
รถม้าทั้งสองคันเดินทางมาถึงหมู่บ้านใกล้ ๆ ฟู่เสี่ยวกวนให้การทักทายต่อหัวหน้าหมู่บ้านอย่างเป็นมิตร เขาขอใช้พู่กันและน้ำหมึกอีกทั้งกระดาษ จากนั้นนั่งลงบนโต๊ะแล้วเขียนสิ่งใดบางอย่าง เมื่อครุ่นคิดชั่วครู่จึงได้เอ่ยกับซูม่อว่า “เจ้าจงช่วยข้าคัดลอกอีกหนึ่งฉบับเถิด ตัวหนังสือข้าไม่น่ามองเท่าไรนัก”
จากนั้นรถม้าทั้งสองคันจึงได้ออกเดินทางต่อ และหยุดลงอีกครั้งที่บริเวณแม่น้ำ ฟู่เสี่ยวกวนเดินลงมาจากรถม้าคันที่ลิ่วจื่อนั่งอยู่ จากนั้นเดินขึ้นไปยังรถม้าของซูม่อแล้วเดินทางจากไป
รถม้าของลิ่วจื่อเริ่มมุ่งหน้าเดินทางต่อไปยังเมืองหลินเจียง
“มิเดินทางไปเรือนซีซานเพื่อจัดการพวกหนอนบ่อนไส้งั้นหรือ ? ” ซูม่อเอ่ยถามขึ้น
“ไม่รีบ ข้าจำได้ว่าท่านพ่อเคยได้ลงนามบางอย่างกับพวกเขาเพื่อเป็นการปกปิดความลับ ข้าควรกลับไปตรวจดูให้เรียบร้อยเสียก่อน แล้วค่อยจัดการให้หลี่เอ้อหนิวเปลี่ยนสถานะเป็นทาสแห่งจวนฟู่”
สิ่งที่เขากำลังกระทำไม่ต่างจากการฆ่าคนเสียเลย ช่างน่ากลัวยิ่งนัก
“แล้ว……ชีซื่อท่านจะจัดการเช่นไร ? ”
“นางใกล้ให้กำเนิดบุตรแล้ว จะทำให้นางตกใจกลัวมิได้ เรื่องนี้พักไว้ก่อน ให้นางได้จับตาดูละครต่อไป หากนางเข้าใจคงเป็นเรื่องดี ถ้าไม่เข้าใจแล้วละก็……คงต้องขออภัยด้วย”