นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) - ตอนที่ 76 เตรียมการล่วงหน้า
ตอนที่ 76 เตรียมการล่วงหน้า
ฟู่เสี่ยวกวนและหยู๋เหลียนปรึกษาหารือเกี่ยวกับเรื่องนี้เป็นเวลานาน
ท้ายสุดหยู๋เหลียนจึงตอบตกลงรับคำร้องขอของฟู่เสี่ยวกวน หลังจากฟู่เสี่ยวกวนเดินทางจากไป อาจารย์ทังจึงได้เดินออกมาจากประตูด้านหลัง
“ท่านคิดว่าอย่างไร ? ” หยู๋เหลียนเอ่ยถามขึ้น
“เขาซื้อที่ดินผืนใหญ่รอบนอกเรือนซีซานไว้ คราก่อนท่านขุนนางหลิวได้เขียนจดหมายมาด้วยตนเองให้เขาทำการเคลื่อนย้ายกากแร่ที่ภูเขาไต้ชานได้ อีกทั้งได้ยินมาว่าเขากำลังสร้างบางสิ่งที่เรียกว่าปูน ข้าคิดว่าเขาต้องการกำลังคนเป็นจำนวนมาก”
หยู๋เหลียนขมวดคิ้วขึ้น “แต่นั่นเป็นคนจำนวนสามหมื่นเชียว ! ”
“สิ่งนี้…ข้าเองก็มิเข้าใจเช่นกัน แต่ถ้าหากเขาทำเช่นนี้ แล้วอาหารบรรเทาสาธารณภัยในอำเภอเหยาจะจัดการเยี่ยงไร ? ”
หยู๋เหลียนถอนหายใจยาว “เขามีความสัมพันธ์ที่ดีกับท่านหลิว ข้าเคยได้ยินมาว่าเขาและบุตรสาวของท่านเสนาบดีต่งมีความสัมพันธ์ที่ดีงามเช่นกัน ทำนองเพลงแห่งสายน้ำที่ได้รับการจารึกลงบนหินเชียนเปยสือของเขานั้น แม่นางต่งเป็นผู้นำไปส่งให้ด้วยตนเอง ในเมื่อเราไม่แน่ชัดถึงความสัมพันธ์ของทั้งสอง ก็ควรถอยออกมาก้าวหนึ่ง หากเบื้องหลังเขามีท่านขุนนางหลิวและเสนาบดีต่งคอยสนับสนุนละก็ ข้าเองก็มิสามารถสู้ได้”
อาจารย์ทังนิ่งเงียบไปชั่วครู่แล้วโค้งตัวลงคำนับ “ท่านฉลาดหลักแหลมยิ่ง ! ”
……
……
ฟู่เสี่ยวกวนเดินทางกลับมายังเรือนซีซาน โดยมีจางเช่อคอยดูแลอยู่ที่อำเภอเหยา
บรรดาผู้เดือดร้อนเป็นไปตามที่หยู๋เหลียนได้กล่าวไว้จริง ๆ เด็กเล็ก คนชราและผู้เจ็บป่วยมีมากกว่าครึ่ง ส่วนที่เหลือก็หิวโหยเสียจนไร้เรี่ยวแรง สถานการณ์เช่นนี้พวกเขาไม่สามารถมีเรี่ยวแรงเดินทางไกลถึง 300 ลี้ได้เป็นแน่ การที่ฟู่เสี่ยวกวนให้จางเช่ออยู่อำเภอเหยานี้ต่อไป ก็เพื่อให้เขาเก็บภาษีจากผู้เช่าที่ดินเท่าที่จะเก็บได้ เพื่อนำอาหารไปแจกจ่ายแก่ผู้เดือดร้อนเหล่านั้น
อีกทั้งให้จางเช่อเชิญหมอประจำอำเภอเหยาไปรักษาอาการเจ็บป่วยแก่พวกเขาด้วย
หากทุกอย่างดำเนินไปด้วยความราบรื่น ผู้คนเหล่านี้จะฟื้นฟูร่างกายภายในห้าวัน บรรดาผู้เจ็บป่วยน้อยลง เมื่อถึงเวลานั้นจึงค่อยให้พวกเขาเดินทาง สามารถลดปัญหาที่จะเกิดขึ้นต่าง ๆ ระหว่างการเดินทางได้มาก
เมื่อกลับมาถึงเรือนซีซาน ฟู่เสี่ยวกวนก็ได้ลงมือเตรียมแผนงานล่วงหน้า เขาเรียกอี้หยู่เข้าพบและรวบรวมกำลังคนสร้างเพิงไม้อาศัยอย่างง่ายที่แม่น้ำไป๋สุ่ย สามหมื่นคนเชียวนะ ! จะให้เขาสร้างบ้านทีละหลังคงเป็นไปไม่ได้
“คุณชายขอรับ เรื่องนี้จะไม่เกินกำลังไปเสียหน่อยหรือขอรับ ? ” อี้หยู่เอ่ยถามอย่างระมัดระวัง
“ข้ารู้ตัวดีว่าทำการใดอยู่ เรื่องนี้ข้าจะเขียนจดหมายไปบอกกับท่านพ่อด้วยตนเอง ข้ายังต้องการให้ท่านช่วยหาหมอมารักษาโรคสักกลุ่มหนึ่งด้วย”
“เพิงไม้สำหรับคนจำนวนสามหมื่นคนที่ต้องทำให้แล้วเสร็จภายในห้าหกวัน เกรงว่าจำนวนคนคงจะไม่พอนะขอรับ”
“จงสั่งการให้ทางโรงปูนวางงานในมือลงเสียก่อน อีกทั้งการเก็บเกี่ยวก็เรียบร้อยแล้ว จงไปรวบรวมกำลังคนมาให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้”
“ขอรับ”
ฟู่เสี่ยวกวนเอามือกอดอกเดินไปมาอยู่ริมแม่น้ำ เขากำลังคิดว่ามีสิ่งใดที่ขาดตกบกพร่องไปหรือไม่ การเดินทางของคนจำนวนมากในระยะทางกว่าสามร้อยลี้ ต้องใช้เวลาอย่างน้อยสองวัน เรื่องของอาหารการกินนั้นสามารถแก้ไขด้วยอาหารแห้ง แต่ไม่สามารถหาที่พักขนาดใหญ่เช่นนั้นได้ คงต้องให้นอนกลางป่า
อีกเรื่องหนึ่งที่เขาเป็นกังวลใจมากที่สุดนั่นคือโรคภัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคติดต่อ หากไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้องแล้วนำมาแพร่เชื้อ ณ ซีซาน เกรงว่าจะเกิดเรื่องใหญ่ขึ้น
“ซิ่วเอ๋อร์ ฝนหมึก”
เรื่องหมอรักษาโรคนั้นจำเป็นต้องดำเนินการให้เร็วที่สุด เขานั่งลงและหยิบพู่กันขึ้นมาเขียนจดหมายถึงฟู่ต้ากวน เนื้อหาในจดหมายบรรยายถึงทุกสิ่งที่เขากำลังจะกระทำต่อไป อีกทั้งผลดีและผลเสีย เขาเขียนออกมาโดยละเอียด ท้ายสุด เพื่อความปลอดภัยของบุตรชาย ขอให้ท่านพ่อส่งหมอรักษาโรคจำนวนหลายสิบคนมายังซีซาน อีกทั้งนำสมุนไพรต่าง ๆ ติดมาด้วย
จดหมายนี้ถูกส่งจากเรือนซีซานไปถึงหลินเจียงอย่างรวดเร็ว ในเวลาเย็น ฟู่ต้ากวนก็ได้รับจดหมายฉบับนั้น เขามิได้ไตร่ตรองสิ่งใดก็ให้หวงเหว่ยไปยังร้านหมอจำนวนมาก ให้ค่าตอบแทนราคางามเชิญหมอได้ถึง 300 คน อีกทั้งจัดซื้อสมุนไพรรักษาโรคถึง 10 คันรถ สั่งการให้พวกเขาออกเดินทางไปยังหมู่บ้านเซี่ยชุนในวันรุ่งขึ้น
……
นับจากวันที่ตัดสินใจจะเป็นแม่ของฟู่เสี่ยวกวน นางก็วิ่งเต้นไหว้วานบิดาของนางชวูชั่งหลายให้ช่วยเหลือเรื่องต่าง ๆ ชวูชั่งหลายมิเข้าใจอย่างยิ่งว่าเหตุใดบุตรสาวที่ทั้งสาวทั้งสวย จึงตัดสินใจแต่งงานกับชายกลางคนเช่นนี้ ?
อย่างไรก็ตาม ชวูหลิงหลงมีทัศนคติที่แน่วแน่ยิ่ง ชวูชั่งหลายจึงได้เข้าพบฟู่ต้ากวนและร่วมดื่มสุรากันทั้งวัน เมื่อพิจารณาฟู่ต้ากวนดี ๆ แล้ว ก็พบว่าชายอ้วนผู้นี้มิได้น่าเกลียดอย่างที่คิด
หลังดื่มสุรา ชวูชั่งหลายและฟู่ต้ากวนก็ร่วมสนทนากันต่อสักพักใหญ่ ในวันที่สองฟู่ต้ากวนก็จัดส่งแม่สื่อมาสู่ขอ เรื่องนี้ดำเนินไปอย่างเรียบง่ายและรวดเร็ว
บัดนี้ชวูหลิงหลงอยู่ที่จวนฟู่ แม้นางจะยังมิได้แต่งเข้ามาอย่างเป็นทางการ แต่การที่นางเดินทางมาบ่อย ๆ ก็มิได้มีผลเสียอันใด
แต่สิ่งนี้สร้างความรำคาญให้แก่ฉีชื่อยิ่ง หากแต่ฟู่ต้ากวนมีพระราชโองการประทานอนุภรรยาให้แก่ฟู่ต้ากวน ดังนั้นนางจึงไม่สามารถทำสิ่งใดได้
“บุตรชายของท่านต้องการทำสิ่งใดกัน ? ” ชวูหลิงหลงชงชาโสมเก๋ากี้ให้แก่ฟู่ต้ากวนแล้วเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“เขากำลังจะทำการใหญ่บางอย่าง การใหญ่มากจริง ๆ ! เจ้าเคยได้ยินเรื่องผู้เดือดร้อนที่รวมตัวกันอยู่ในอำเภอเหยาหรือไม่ ? จำนวนกว่าสามหมื่นคน น่าสงสารพวกเขายิ่ง บุตรชายข้าต้องการช่วยเหลือพวกเขา”
ชวูหลิงหลงเบ้ปาก ช่วยเหลือผู้เดือดร้อน ? สิ่งนี้ประเทศควรเข้ามาจัดการมิใช่หรือ ? ฟู่เสี่ยวกวนแม้จะเป็นบุตรชายเศรษฐีที่ดิน แต่จำนวนปากท้องกว่าสามหมื่นคนเชียว วัน ๆ หนึ่งต้องมีอาหารรองรับเท่าไหร่กัน ? เขาเสียสติไปแล้วหรือไร ?
“ดังนั้น……ท่านเห็นด้วยหรือไม่ ? ”
“ทุกสิ่งทุกอย่างที่บุตรชายข้าได้ตัดสินใจ ในฐานะผู้เป็นพ่อสมควรจะสนับสนุนเขาโดยมิมีข้อแม้ หลิงหลง จวนเจ้ามีผ้าที่ไม่ใช้แล้วหรือไม่ ? หากเป็นไปได้นำออกมาตัดเย็บให้พวกเขาสวมใส่ก็คงดี ฤดูหนาวใกล้เข้ามาแล้ว ข้าเกรงว่าบุตรชายข้าจะละเลยเรื่องนี้ไปเสีย เมื่อถึงเวลาคงลำบากน่าดู”
ชายผู้นี้ ! ข้ายังมิได้แต่งงานกับเจ้า เจ้าก็คิดจะใช้ผลประโยชน์จากข้าเสียแล้ว คิดการใดอยู่กัน ?
แต่ชวูหลิงหลงครุ่นคิดชั่วครู่ ฟู่ต้ากวนต้องหาภรรยาจำนวน 5 คนตามคำสั่ง ตนนั้นเป็นคนที่หนึ่ง ฟู่ต้ากวนเองก็ส่งแม่สื่อออกไปจำนวนมาก คาดว่าไม่นานคงจะหาได้ครบห้าคน เมื่อถึงยามนั้นคงจะเกิดความอิจฉาริษยาขึ้นมากมายเป็นแน่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจวนฟู่ไม่มีนายหญิง การต่อสู้นี้คงดุเดือดยิ่ง
หากนางจัดการเรื่องนี้ได้สำเร็จ ไม่ว่าฟู่ต้ากวนหรือฟู่เสี่ยวกวนก็ต้องชื่นชมนางเป็นอย่างยิ่ง น้ำหนักนางในใจของพวกเขาก็คงมีมากถึงสามส่วน
ดังนั้นนางจึงยิ้มออกมา แล้วแสร้งทำเป็นเขินอายตามมารยาหญิง ฟู่ต้ากวนจากเดิมมองไม่เห็นความหวังก็กลับมีชีวิตชีวาขึ้นอีกครั้งหนึ่ง
“ข้าจะเอ่ยขอท่านพ่อเมื่อกลับไปยังจวน โบราณว่าคนทำบุญมักได้ดี ข้าคิดว่าท่านพ่อคงจะเห็นดีเห็นงามด้วย เรื่องเครื่องนุ่งห่มในฤดูหนาวนั้นให้เป็นหน้าที่ของข้าเถิด ท่านมิต้องกังวลไป”
ฟู่ต้ากวนยินดียิ่งนัก เขายื่นมือไปจับมือของชวูหลิงหลงไว้ นางตกใจแต่มิได้ชักมือกลับมา ฟู่ต้ากวนลูบมืออันอ่อนนุ่มของนางแล้วเอ่ยอย่างเรียบง่ายว่า “ข้าอยากสู่ขอเจ้าในเร็ววัน”
เรื่องราวที่จวนฟู่เชิญบรรดาหมอจำนวนมากอีกทั้งจัดซื้อสมุนไพรนั้นแพร่หลายไปทั่ว จากนั้นจึงได้ทราบว่าเป็นความคิดของฟู่เสี่ยวกวน เขาต้องการรับเลี้ยงผู้เดือดร้อนจำนวน 30,000 คน !
มีทั้งผู้ที่สรรเสริญเยินยอ มีทั้งผู้เห็นต่าง พวกเขาคิดว่าเป็นเพียงการเอาหน้า
ชีหยวนหมิงเองก็ได้ยินเรื่องราวนี้ในช่วงเช้า จากนั้นเขาจึงออกจากจวนนำขบวนไปยังวัดเฉิงหวง ไม่นานต่อมาชายชุดดำกลุ่มหนึ่งก็ได้เดินออกมาจากภายในวัด พวกเขาขึ้นรถม้าและมุ่งหน้าไปยังหมู่บ้านเซี่ยชุน
จือโจวหลิวจือต้งเมืองหลินเจียงเมื่อรู้ว่าฟู่เสี่ยวกวนมีแผนการช่วยเหลือผู้เดือดร้อนเหล่านั้น เขาก็ขมวดคิ้วหน้าบึ้งตึง เขายืนอยู่ที่สวนด้านหลังเป็นเวลานาน