นิยามแห่งราตรี (Night’s Nomenclature ) - ตอนที่ 174 พาฉันกลับบ้าน
ตอนที่ 174 – พาฉันกลับบ้าน
นับถอยหลัง 116:00:00
ในโรงงานร้างแห่งหนึ่งของเขตเยี่ยนเมืองจิง
เสียงของรองเท้าหนังเหยียบลงบนพื้นคอนกรีตดังจากไกลเป็นใกล้ นักท่องเวลาที่แขวนอยู่บนคานสามสิบกว่าคนลืมตาขึ้นช้า ๆ
พวกเขาเห็นว่าในโรงงานอันมืดสลัวนี้มีคนที่เงียบขรึมนับร้อยกำลังจับจ้องพวกเขาอย่างสงบนิ่ง
ในคนเหล่านี้ มีบุรุษสตรีกลางคน มีคนหนุ่มสาว มีวัยรุ่นท่าทางเป็นนักเรียน
พวกเขาสวมเครื่องแบบสีดำ ปลายแขนเสื้อล้วนปักคำว่าจิ่วโจวสองคำ
บนร่างคนเหล่านี้ชุ่มโชกไปด้วยเลือด หยดเลือดไหลลงมาจากร่าง รวมตัวอยู่ที่ปลายนิ้่วเท้า จากนั้นตกลงในในฝุ่นบนพื้นคอนกรีต ผสมเข้าด้วยกัน
พร้อมกับที่เสียงฝีเท้าใกล้เข้ามา กลุ่มคนเปิดออกเป็นทางสายหนึ่งเงียบ ๆ
เหอจินชิวที่สวมชุดสูทสีเทาเดินมาถึงเบื้องหน้านักท่องเวลาเหล่านี้ เขาไม่ได้พูดจา เพียงถอดชุดสูทชั้นนอกออกให้ชายกลางคนที่อยู่ด้านข้างเบา ๆ แล้วปลดกระดุมข้อมือของเสื้อเชิ้ตสีขาวของตนเองออกมา
“พวกคุณก็เป็นคนของโลกภายนอก เคยใคร่ครวญหรือไม่ว่าถ้าหากฐานข้อมูลทะเบียนบ้านถูกขโมยไปจะมีผลตามหลังยังไง” เหอจินชิวมองผู้คนที่อยู่เบื้องหน้าแล้วถามอย่างสงบนิ่ง
นักท่องเวลาคนหนึ่งที่ถูกแขวนอยู่บนคานดิ้นรนเอ่ยว่า “ถึงพวกเราจะผิด จิ่วโจวคุณก็ไม่ควรใช้การประชาทัณฑ์!”
เหอจินชิวกล่าวอย่างแช่มช้าว่า “ผมจะบอกพวกคุณว่าจะมีผลตามหลังอะไรนะ คอมพิวเตอร์อันทรงพลังของโลกภายในจะเอาทุกคนในข้อมูลทะเบียนบ้านกับข้อมูลทะเบียนบ้านสหพันธรัฐไปดำเนินการเปรียบเทียบ ถึงขนาดที่ใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง พวกเขาก็จะสามารถรู้ได้ว่ามีคนมากน้อยเท่าไหร่ที่อาจจะกลายมาเป็นนักท่องเวลา”
“ในคนเหล่านี้ บ้างเป็นผู้ที่กลายเป็นนักท่องเวลาแล้ว บ้างเป็นผู้ที่ยังไม่ได้กระตุ้นเงื่อนไขการทะลุมิติ แต่ล้วนมีเพียงจุดจบเดียว นั่นก็คือถูกเหล่าสัตว์ร้ายของโลกภายในกำจัดอย่างไร้ปรานี”
“เวลานั้นจะมีคนตายไปสักเท่าไหร่? หลายหมื่น? หลายแสน? ใครจะรู้ล่ะ พวกคุณก็ทะลุมิติมาระยะหนึ่งแล้วนะ น่าจะรู้ว่ากลุ่มการเงินของโลกภายในมีความโหดเหี้ยมไร้ปรานีขนาดไหน นั่นคือเครื่องจักรอันเย็นชาอย่างแท้จริง ไม่พูดถึงด้านอารมณ์ความรู้สึก”
นักท่องเวลาคนหนึ่งอ้อนวอนว่า “พวกเรารู้ความผิดแล้ว ได้โปรดอย่าทรมานพวกเราอีกเลย”
อย่างไรก็ตามเหอจินชิวทำหูทวนลมต่อสิ่งนี้ “นักท่องเวลาที่ถูกบังคับคนอื่น ถ้าทำเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ผมยังสามารถเข้าใจเหตุผลได้เล็กน้อย แต่พวกคุณทั้งหลายที่นี่ ทุก ๆ คนล้วนเป็นผู้ที่แสวงหากลุ่มการเงินด้วยตัวเอง ดังนั้นจึงได้รับภารกิจเร็วขนาดนี้ ผมพูดไม่ผิดสินะ สถานการณ์ที่ทรยศหักหลังประเภทนี้ เป็นไปไม่ได้ที่ผมจะอดกลั้น”
พูดจบ เหอจินชิวหยิบปืนพกขึ้นมายิงใส่หว่างคิ้วของผู้ทรยศคนหนึ่ง จากนั้นยื่นปืนพกให้ชายกลางคนที่อยู่ข้างกาย เห็นเพียงชายกลางคนก็ยกมือขึ้น สังหารคนอีกคน
เหอจินชิวใช้น้ำเสียงที่เรียบเฉยกล่าวว่า “ไม่มีอะไรที่เรียกว่าประชาทัณฑ์หรือไม่ประชาทัณฑ์ ผมหวังว่าทุกคนจะเข้าใจว่าสิ่งที่พวกเราประสบอยู่คือสงคราม ยุคสันติภาพยาวนานเกินไปแล้ว พวกคุณอาจจะลืมเลือนไปแล้วว่าสงครามมีความโหดร้ายขนาดไหน จิ่วโจวตั้งแต่วันที่ถือกำเนิดขึ้นมาก็กำหนดแน่ว่าต้องใช้มาตรการพิเศษ”
เขามองไปยังทุกคนที่อยู่ข้างหลัง กล่าวว่า “พวกคุณก็รู้ว่าคุนหลุนกำลังเผชิญหน้ากับอะไร ค่าจ้างน้อยนิด สวัสดิการต่ำเตี้ย ชีวิตที่ไม่มีความมั่นคง ถึงจะอยู่ในธุรกิจพิเศษ ทุกเดือนก็ได้แค่เงินหนึ่งหมื่นกว่าหยวน รวมเบี้ยเลี้ยงอาจจะสามหมื่นนิด ๆ ถ้าตาย เงินชดเชยก็ไม่มีอะไรแตกต่างกับคนอื่น นี่เป็นเพราะว่าอะไรล่ะ เพราะพวกเขาปฏิบัติตามกฎเกณฑ์มากเกินไป ยังมีชีวิตอยู่ในยุคอดีตที่ผ่านเลยไปแล้ว”
“ผมหวังว่าทุกคนจะเข้าใจว่า ตอนที่เผชิญหน้ากับสงครามระหว่างโลกสองใบนี้ พวกคุณเหล่านักท่องเวลาจึงเป็นแกนนำที่แท้จริง ผมจะพาพวกคุณปักหลักมั่นที่โลกภายใน แล้วก็จะพาพวกคุณแก้ไขเรื่องห่วงหน้าพะวงหลัง ก่อนที่สงครามอันแท้จริงจะมาถึง พวกเราจำเป็นจะต้องเรียนรู้การปกป้องตัวเองก่อน สงครามสนามนี้ก็จำเป็นต้องให้พวกเรามานำ พวกคุณรับความเสี่ยง และในเวลาเดียวกันก็จะต้องได้รับเกียรติยศด้วย”
พูดจบ ในกลุ่มคนที่อยู่ด้านหลัง ทุก ๆ คนล้วนเดินขึ้นหน้ามาหยิบปืนพกเงียบ ๆ เหนี่ยวไกลงบนร่างผู้ทรยศที่ตายไปเหล่านั้น
นี่คือการลงชื่อ
เหอจินชิวมองดูทุกคนลงชื่อเงียบ ๆ แต่นี่ยังเป็นเพียงคนส่วนน้อยมากในจิ่วโจว คิดว่าแผนให้จิ่วโจวทั้งหมดเห็นด้วยกับตนเองยังต้องใช้เวลานานกว่านี้
เขาต้องเดินมั่นคงขึ้นหน่อย
เวลานี้ชายกลางคนที่อยู่ด้านข้างหยิบแท็บเล็ตมาหนึ่งเครื่อง บนนั้นรวบรวมข้อมูลการต่อสู้เมืองลั่วเอาไว้ “บอส คืนนี้มีนักท่องเวลานอกเหนือจากคุนหลุนปรากฏตัวขึ้นสามคน คนหนึ่งคือมือสังหารเขาเหล่าจวินที่พวกเราสนใจมาก่อนหน้านี้ น่าจะเป็นนักเรียนที่ชื่อชิ่งเฉินคนนั้น คนหนึ่งเป็นเด็กสาว ดูสถานการณ์ต่อสู้แล้วน่าจะสามารถควบคุมสนามพลัง ยังมีคนหนึ่งที่ค่อนข้างประหลาด อีกฝ่ายใช้ไพ่ฆ่าคน สมรรถภาพทางกายเป็นผู้เหนือมนุษย์อย่างไร้ข้อกังขาใด ๆ แรงก์ไม่ทราบแต่ฝีมือค่อนข้างดุร้าย”
ในแท็บเล็ตถึงกับเป็นวิดีโอความคมชัดสูง ดูจากมุมมองผู้ถ่ายซ่อนตัวอยู่ในอาคารสักแห่งของชุมชนซิงหลง
เหอจินชิวมองดูฉากการต่อสู้ “คนที่พวกเราแฝงอยู่ในคุนหลุนพูดยังไง เด็กสาวคนนี้กับคนที่ใช้ไพ่คนนั้นระบุตัวตนแล้วรึยัง?”
“เขาบอกว่าเด็กสาวยอมรับกับลู่หยวนอย่างเปิดเผยว่าเป็นลูกน้องของหลิวเต๋อจู้ งั้นคนที่ใช้ไพ่อีกคนก็น่าจะเป็นองค์กรเดียวกันกับพวกเขา” ชายกลางคนกล่าว “องค์กรนี้จำนวนคนไม่มาก แต่ความแข็งแกร่งส่วนบุคคลเหนือกว่านักท่องเวลาคนอื่นไกลลิบ”
เสียงปืนในโรงงานร้างค่อย ๆ หยุดลง กลับสู่ความเงียบสงบ
เหอจินชิวเงียบไปเนิ่นนานแล้วกล่าวว่า “ดูท่าเมืองลั่วกลายเป็นน่าสนใจขึ้นมาแล้ว นักท่องเวลาที่วนเวียนอยู่ข้างกายหลี่ซูถงเหล่านั้นเริ่มระเบิดอิทธิพลของเขาออกมาแล้ว จัดแจงคนของพวกเราไปที่นั่น ครั้งนี้พวกเราเจาะช่องที่ตัวหลิวเต๋อจู้ตรง ๆ เลย ดูว่าเบื้องหลังขององค์กรนี้สรุปแล้วเป็นเทพเจ้าจากแห่งหนใด”
“โอเคครับ เดี๋ยวจะไปจัดแจง” ชายกลางคนตอบรับ “งั้นคนของพวกเราไปแล้วจะเน้นความสนใจไปที่เด็กสาวคนนั้นกับคนที่ใช้ไพ่เหรอครับ? ผมเห็นคนที่ชื่อชิ่งเฉินคนนั้นเหมือนจะยังเป็นแค่คนธรรมดา ไม่ต้องสนใจมากเกินไป”
เหอจินชิวเอ่ยอย่างครุ่นคิดว่า “สามารถลดความสนใจลงไปขั้นหนึ่ง แต่ไม่สามารถละเลยไปอย่างสิ้นเชิง”
“โอเค เข้าใจแล้วครับ” ชายกลางคนกล่าว
“นอกจากนี้” สายตาเหอจินชิวกวาดมองทุกคนในที่แห่งนั้น “กวดขันเรื่องความลับคืนนี้ด้วย บอสเจิ้งคนนั้นก็จะต้องแฝงคนอยู่ที่จิ่วโจวไม่น้อยแน่”
……
……
นับถอยหลัง 117:00:00
เช้าตรู่อันเงียบสงัด ชิ่งเฉินเสร็จสิ้นการฝึกฝนเหงื่อโชก เหงื่อไหลลงจากคางของเขาหยดลงบนพื้น
ปัจจุบันนี้เขาก้าวข้ามเหวลึกระหว่างคนธรรมดากับผู้เหนือมนุษย์แล้ว ไปถึงระดับสูงสุดแรงก์ E การฝึกฝนธรรมดาไม่อาจตอบสนองความต้องการของเขาแล้ว จำเป็นจะต้องแบกน้ำหนักที่สูงขึ้นถึงจะได้
ชิ่งเฉินยังไม่ทราบแน่ชัดนักว่าโลกภายในตัดสินแรงก์อย่างไร เขาประเมินพลังของตนเองทุกวันนี้โดยสังเขปว่าราว ๆ หกเท่าของผู้ใหญ่ทั่วไป
ดังนั้นคืนวันนั้นมือสังหารอยากจะชักปืนกลับถูกเขาจับแขนจนทำอย่างไรก็ชักไม่ออก
กับเรื่องนี้ ชิ่งเฉินพึงพอใจมาก
ข้อด้อยเดียวคือปราณแท้ฟื้นฟูช้าอยู่บ้าง ปราณแท้ที่เผาผลาญไปหมดในการต่อสู้รอบเดียวเกรงว่าต้องใช้วันทั้งวันจึงจะสามารถฟื้นฟูขึ้นมา
ชิ่งเฉินยกมือขึ้นมองไปทางวัตถุต้องห้าม ACE-019 หุ่นเชิดอันโปร่งใสบนข้อมือตนเอง
ในการต่อสู้รอบนั้นเมื่อวาน วัตถุต้องห้ามนี้มีความชอบที่สุด ถ้าไม่ได้มีวัตถุต้องห้าม เขาก็ไม่มีหนทางจะปฏิบัติการอย่างง่ายดายขนาดนั้น
เพียงแต่เวลานี้ ชิ่งเฉินจู่ ๆ ค้นพบความผิดแปลกของหุ่นเชิด
เห็นเพียงปลายที่แต่เดิมเรียบสม่ำเสมอของมัน ขณะนี้ถึงกับแตกปลายออกมาเล็ก ๆ 13 เซนติเมตร
การแตกปลายนี้ดูแล้วเหมือนกับเส้นผมที่ไม่ได้ดูแลมาเป็นเวลานานแตกปลาย ชิ่งเฉินแอบขบคิดกับตัวเองว่า หรือว่าหุ่นเชิดจะถูกตนเองใช้จนพังไปแล้ว
นี่ทำให้ชิ่งเฉินประหลาดใจอยู่บ้าง ต้องทราบว่านี่เป็นวัตถุต้องห้ามเลยนะ เป็นตัวตนที่ไร้กฎเกณฑ์ จะเจอกับการต่อสู้รอบเดียวก็ใช้พังได้อย่างไรกัน?!
คิดถึงตรงนี้ ชิ่งเฉินโน้มเอียงไปทางการคาดเดาอีกประการหนึ่งมากกว่า: จะใช่หรือไม่ว่าตนเองฆ่าคนเมื่อคืน ดังนั้นทำให้หุ่นเชิดเติมเต็มเงื่อนไขการรองรับอื่นของมัน อย่างเช่น ควบคุมคนมากขึ้น?
แต่ว่าตนเองไม่ได้สังเวยคนพวกนั้นให้หุ่นเชิดเลยนะ หรือว่าหุ่นเชิดจะดูดซับวิญญาณของมือสังหารพวกนั้นด้วยตัวเอง?
ชิ่งเฉินจ้องมองหุ่นเชิด ตัวหุ่นเชิดยาว 50 เมตร ปลายแตกขนาด 13 เซนติเมตรในตอนนี้ไม่เพียงพอที่จะมองเห็น
แต่ก็อย่างที่เรียกกันว่าเก็บเล็กผสมน้อย จะต้องมีวันหนึ่งที่ความยาวของปลายแตกนี้เพียงพอที่จะควบคุมคนที่สอง
แค่ควบคุมหนึ่งคนอาจจะยังไม่ถือว่าน่าสะพรึงกลัว
แต่ถ้าหากสามารถควบคุม 3 คน 4 คน 10 คนล่ะ อย่างนั้นความแข็งแกร่งส่วนบุคคลก็จะไปถึงการเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพด้วย!
ถ้าหากตนเองสามารถควบคุมแรงก์ E อีกสิบคน อย่างนั้นเขาเผชิญหน้ากับเฉาเวยหรือว่ายอดฝีมือแรงก์ C อย่างชิ่งไฮวอีกก็จะไม่กินแรงขนาดนั้นแล้ว
อย่างน้อยยตอนที่อีกฝ่ายบาดเจ็บสาหัส ตนเองสามารถรุมกินโต๊ะ ใช้การควบคุมจุกจิกอย่างแม่นยำแทะเล็มพลังกายของอีกฝ่าย
เรื่องอย่างการควบคุมจุกจิกนี่ ชิ่งเฉินคุ้นเคยนักล่ะ
เดี๋ยวนะ ชิ่งเฉินได้สติขึ้นมา!
ตอนที่เอ่ยถึงหุ่นเชิด หลี่ซูถงไม่ได้อธิบายโดยละเอียดมากมายเลย เพียงบอกว่ามันเป็นวัตถุต้องห้ามที่ค่อนข้างชั่วร้าย ทุก ๆ เดือนล้วนต้องสังเวยคนห้าคนจึงสามารถใช้ต่อไป
แต่อันที่จริงถ้าเป็นแค่นี้ หุ่นเชิดนั่นยังไม่ถือว่าชั่วร้าย ยุคสมัยของโลกภายนอกที่ชีวิตคนประดุจหญ้านั่น ผู้เหนือมนุษย์ฆ่าคนห้าคนไม่มีค่าให้ถูกเรียกขานว่าชั่วร้ายเลย
ตอนนี้ชิ่งเฉินก็คลำเจอเงื่อนไขรองรับใหม่ของหุ่นเชิดออกแล้ว เขาค้นพบว่าตนเองถึงกับครุ่นคิดจากจิตใต้สำนึกว่าควบคุมคนเท่าไหร่จะสามารถสำเร็จเรื่องราวอันใด
กลับไม่ได้ไปคิดเป็นอันดับแรกว่าต้องฆ่าคนเท่าไหร่จึงจะสามารถปลดล็อคสกิลถัดไปของหุ่นเชิด!
ชิ่งเฉินปล่อยวางไอเดียที่จะอัพเกรดหุ่นเชิดอย่างรวดเร็ว เขาสัญญากับหลี่ซูถงว่าจะรักษาจิตใจดั้งเดิมเอาไว้
แน่นอนว่าถ้าเป็นคนที่สมควรตาย เขาก็จะไม่ปล่อยไป
เวลานี้ ชิ่งเฉินคิดถึงคำถามอีกอย่างหนึ่ง: ถ้าหุ่นเชิดมีสกิลรองรับขั้นที่สอง งั้นวัตถุต้องห้ามอื่นก็มีด้วยใช่หรือไม่?
ถ้าเป็นแสตมป์มารร้าย ขั้นที่สองจะเป็นยังไง?
เช้ามืด ชิ่งเฉินยังไม่ถึงเวลาตื่นนอนก็ได้ยินเสียงเคาะประตู
เขาลืมตาขึ้นไปเปิดประตู กลับเห็นยางยางกำลังยืนอยู่นอกประตู “มีธุระเหรอ”
“ควรจะไปเรียนแล้ว” ยางยางกล่าวอย่างเรียบนิ่ง
“ไม่สิ เธอไปเรียนก็ไปสิ มาเรียกฉันทำไร?” ชิ่งเฉินเอ่ยอย่างงุนงง เขามองเวลา “แถมนี่ก็เช้าเกินไปปะ เพิ่ง 6 โมง 50!”
“ฉันอยากกินอาหารเช้าท้องถิ่นเมืองลั่ว แต่ฉันไปไกลแล้วจะหาทางไปโรงเรียนไม่เจอ ทำให้ไปสาย” ยางยางกล่าว “ดังนั้นนายพาฉันไปเถอะ มื้อนี้ฉันเลี้ยง”
ชิ่งเฉินลังเลชั่วขณะ “ก็ได้ ซุปเผ็ด หมี่ ซาลาเปา อยากกินอะไร”
เขากลับเข้าห้องไปล้างหน้าพลางถาม
“อยากกินหมดเลย” ยางยางเดินอาด ๆ ตามเข้าไปในห้อง
“เธอคงไม่มาเรียกฉันไปกินข้าวเช้าหลังจากนี้ทุกวันใช่ปะเนี่ย?!” ชิ่งเฉินสงสัย
“นายพาสมาชิกกลุ่มไปทำกิจกรรมกลุ่ม ไม่ใช่สิ่งที่สมควรแล้วเหรอ” ยางยางก็สงสัยขึ้นมา “ในช่วงเวลาวิกฤตสมาชิกกลุ่มที่กินดีอยู่ดีจะช่วยนายต่อสู้ไง!”
“พรูด” ชิ่งเฉินพ่นน้ำยาล้างปากลงในอ่างล้างหน้า “เธอกลายเป็นสมาชิกกลุ่มเมื่อไหร่? ฉันบอกแล้วไงว่าต้องถามบอสก่อน!”
“งั้นเมื่อวานนายบอกว่าจะถามน่ะ ถามแล้วเหรอ?”
“บอสยังไม่ได้ตอบฉัน!”
“ได้ งั้นพรุ่งนี้ฉันจะถามนายอีกครั้ง”
ชิ่งเฉิน “……”
กับตังเมประเภทนี้ เขาก็ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดีแล้ว
ตอนที่กริ่งเช้ากำลังจะดัง ชิ่งเฉินและยางยางเดินเข้าห้องเรียนด้วยกัน
หนานเกิงเฉิน, หูเสี่ยวหนิว, จางเทียนเจินที่เดิมทียังนั่งห่อเหี่ยวอยู่ที่แถวหลังสุดฟื้นคืนชีพขึ้นมาทันควัน
“บังเอิญปะ?” จางเทียนเจินถามอย่างลังเล
“น่าจะบังเอิญเจอกันตอนออกจากบ้านนะ” หูเสี่ยวหนิวคิด “บุคคลแบบนั้นของยางยาง ตอนปกตินักเรียนชายสามคนห้าคนอย่าคิดจะเข้าใกล้เลย”
“อืม อาจจะบังเอิญจริง ๆ ปะ” จางเทียนเจินกล่าว “จริงด้วย ข่าวเมื่อคืนพุ่งขึ้นสามอันดับแรกแล้วนะ มีคนบอกว่าทุกอย่างเป็นเพราะสกุลหวังอยากจะฆ่าหลิวเต๋อจู้”
หูเสี่ยวหนิวขมวดคิ้ว “ต้องเตือนสกุลหวังสักหน่อยรึเปล่านะ?”
การต่อสู้เมื่อคืนวานลือออกไปเร็วกว่าที่จินตนาการไว้เสียอีก
ขณะนั้นผู้พักอาศัยที่ประสบภัยในที่เกิดเหตุมีมากมาย มีคนถึงขนาดถ่ายฉากที่ยางยางตกลงมาจากฟากฟ้าตรง ๆ และอันที่แพร่หลายกว้างขวางที่สุดก็คือคลิปนี้เลย
ภาพในคลิปยังเบลออยู่บ้าง แสงก็มืดมาก หลิวเต๋อจู้แบกมารดากำลังวิ่งอย่างบ้าคลั่ง คลื่นยักษ์ซัดมาแต่กลับถูกเด็กสาวที่ตกลงมาจากฟากฟ้าสยบลงไป
เนื่องจากอยู่ไกล เด็กสาวที่มีฮู้ดจึงมองเห็นหน้าตาได้ไม่ชัดเจน แต่ทุกอย่างนี้ล้วนไม่ส่งผลกระทบต่อทุกคนในการสัมผัสถึงพลังอันเหนือมนุษย์พ้นโลกีย์ในคลิป
ในคลิป หลิวเต๋อจู้ถูกเพื่อนบ้านระบุตัวออกมา ทุกคนล้วนชื่นชมเขาไม่ขาดปาก พากันบอกว่าตอนนั้นหน้าสิ่วหน้าขวาน สหายน้อยเพื่อส่งคุณแม่ไปโรงพยาบาล ไม่คำนึงถึงอันตรายแม้แต่น้อย……
นอกจากนี้ ข่าวลือเกี่ยวกับเด็กสาวคนนั้นก็แพร่ออกมา ล้วนพูดกันว่าเธอมาช่วยเหลือหลิวเต๋อจู้โดยเฉพาะ
ณ ขณะนี้ กรรมการนักเรียนอวี๋จวิ้นอี้ที่อดกลั้นไม่เปิดเผยสถานะนักท่องเวลาของตนเองเสมอมา ตอนนี้ในที่สุดอดไม่ไหวแล้ว “ที่จริงฉันก็เป็นนักท่องเวลา ทะลุไปที่คุกหมายเลข 18 พอดี ตอนแรกที่ฉันเห็นสัตว์ประหลาดจักรกลพวกนั้นในคุก กลัวหัวหดเลย จากนั้นฉันก็เจอกับหลิวเต๋อจู้ มีเขาคุ้มครองฉัน นักโทษคนอื่น ๆ ในคุกไม่กล้าทำอะไรฉันเลยล่ะ”
อวี๋จวิ้นอี้กล่าวต่อว่า “พวกนายไม่รู้ หลิวเต๋อจู้ในคุกหมายเลข 18 ตำแหน่งสูงเกินไปแล้ว ฉันรู้สึกว่าตอนนี้เขาอาจจะเป็นหนึ่งในนักท่องเวลาที่ร้ายกาจที่สุดเลยล่ะ……”
หนานเกิงเฉินนั่งข้างชิ่งเฉินเบ้ปาก เขาเขียนโน้ตว่า “พี่เฉิน หลิวเต๋อจู้พอมาถึงโรงเรียนตอนเช้าก็ถูกลูกเศรษฐีรุ่นสองกลุ่มนั้นล้อมเลย ร้องไห้ตะโกนว่าอยากจะไปเมืองหมายเลข 18 ไปขอพึ่งเขา ยังมีคนอยู่ระหว่างทางแล้วด้วย”
ชิ่งเฉินเขียนลงบนโน้ตว่า “หลิวเต๋อจู้อยู่ข้างในคุกหมายเลข 18 พวกเขาไปขอพึ่งจะมีประโยชน์อะไร?”
หนานเกิงเฉินตอบว่า “พี่เฉินนายไม่รู้ พวกเขาเริ่มศึกษากฎหมายสหพันธรัฐกันแล้ว เตรียมจะเข้าคุกไปด้วยกัน พวกเขาบอกว่าทำผิดเรื่องเล็กน้อยจะไม่ได้เข้าคุกหมายเลข 18 เลย ต้องหลบเลี่ยงภาษี หรือว่าเข้าร่วมกลุ่มแก๊งกระทำความผิดสิบคนขึ้นไปและทำให้ผู้อื่นบาดเจ็บสาหัสถึงจะได้”
ชิ่งเฉินสูดลมหายใจหนาวเหน็บ ลูกเศรษฐีรุ่นสองพวกนี้ก็เป็นคนมีความสามารถกันหมดเลยนะเนี่ย!
แต่คนพวกนี้ไม่เคยคิดเลยเหรอว่า หลังจากละเมิดกฎหมายแล้วยังจะมีขั้นตอนการสอบสวนกับขั้นตอนการดำเนินคดีอาญา รอจนศาลเมืองหมายเลข 18 ตัดสินโทษลงมา เกรงว่าหลิวเต๋อจู้จะถูกตนเองปล่อยออกจากคุกไปแล้ว
ถึงเวลาลูกเศรษฐีรุ่นสองหลายสิบคนนั่งจ๋อยอยู่ในคุกหมายเลข 18 ใช้น้ำตาล้างหน้า?!
หนานเกิงเฉินเขียนลงโน้ตว่า “ลูกเศรษฐีรุ่นสองพวกนี้พิลึกชะมัด หลังจากพวกเขาค้นพบว่าบนแขนตัวเองมีเลขนับถอยหลัง ปฏิกิริยาแรกคืออมทองแท่งทะลุมิติ ไม่เหมือนกับนักท่องเวลาคนอื่น ๆ โดยสิ้นเชิง กลัวว่าตัวเองอยู่ในนั้นแล้วจะไม่มีเงินใช้”
ชิ่งเฉินทอดถอนใจ ตนเองเอาทองแท่งกลับโลกภายนอก คนเขากลับเอาทองแท่งเข้าไป คนละระดับกันอย่างสิ้นเชิงเลย
หนานเกิงเฉินเขียนอีกว่า “จริงสิพี่เฉิน เมื่อคืนนายก็อยู่ที่เกิดเหตุปะ……”
“อืม”
“ครั้งหน้าเรื่องประเภทนี้จะร้องเรียกฉันหน่อยได้รึเปล่าอะ ฉันจะหาตึกสูงตั้งอุปกรณ์ถ่ายฉากต่อสู้อะไรทั้งหมดแบบไฮเดฟ ว่ากันว่าคลิปอย่างนี้ขายได้หลายแสนเลยนะ!”
ชิ่งเฉินตะลึงแล้ว นี่เหมือนกับจะเป็นวีธีหาเงินนะ!
พวกปาปารัสซี่ล้วนตามจับข่าวฮอต ส่วนเขาอยู่ข้างฮอตสปอต จะสร้างฮอตสปอตมาหาเงินได้รึเปล่านะ?
แน่นอนว่าตอนนี้ความนิยมของหลิวเต๋อจู้ผ่านไปหน่อยแล้ว อาจจะขายไม่ได้ราคาอะไรนัก
แต่ว่า ฮอตสปอตใหม่ “เด็กสาวที่ตกลงมาาจากฟากฟ้า” เช้านี้ยังเรียกให้ตนเองไปกินอาหารเช้าด้วยกันอยู่เลยนะ
ชิ่งเฉินหันเหสายตาไปทางยางยางช้า ๆ กลับเห็นยางยางก้มหน้าอ่านโทรศัพท์มือถือและจู่ ๆ ก็กล่าวว่า “ดูข่าว ระบบกลุ่มแชตของเหอเสี่ยวเสี่ยวออนไลน์แล้ว นักท่องเวลาทั้งหมดสามารถพิสูจน์ตัวตนเข้ากลุ่ม แต่เพราะข้อจำกัดด้านอุปกรณ์ แผนเดิมที่จะเปิดกลุ่มแชต 12 กลุ่ม ตอนนี้สามารถเปิดได้แค่ 1 กลุ่ม ดังนั้นรับแค่นักท่องเวลาที่ตัวตนโลกภายในพิเศษที่สุด”
“เธอจะร่วมไหม?” ชิ่งเฉินถาม
“ต้องร่วมแน่นอน นี่เป็นโอกาสดีที่จะได้สานสัมพันธ์กับนักท่องเวลาคนอื่นนะ ในนี้สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลที่มีประโยชน์ตั้งเยอะตั้งแยะ” ยางยางกล่าว “แต่ตอนนี้ไม่สามารถร่วมด้วยเด็ดขาด เปิดเผยตัวตนเร็วเกินมันมีภัยซ่อนเร้นมากเกินไป”
ชิ่งเฉินคิดแล้วกล่าวว่า “อันที่จริง ตอนนี้เธออยากร่วมก็เข้าร่วมไม่ได้”
หนานเกิงเฉินกล่าวอยู่ข้าง ๆ ว่า “บนเน็ตมีคนโพสต์เวยป๋อว่า คนที่เข้าคิวพิสูจน์ตัวตนตั้งสิบสามล้านไปแล้ว……”
ชิ่งเฉินไม่ประหลาดใจ
บนอินเตอร์เน็ตเกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ ไม่ว่าจะเป็นนักท่องเวลาหรือไม่ ทุกคนล้วนจะร่วมสนุก
ขณะที่เฝ้าดู จำนวนคนเข้าคิวสิบสามล้านคนนี้ยังทะยานขึ้นไปอีก
ชิ่งเฉินคาดการณ์ว่า เหอเสี่ยวเสี่ยวเหรงว่าจะประเมินความกระตือรือร้นที่จะร่วมสนุกของเพื่อนร่วมชาติต่ำไป
ถึงวันนี้จำนวนคนเข้าคิวจะทะลุร้อยล้าน เขาก็ไม่ประหลาดใจ
ตามคาด ตอนที่เกือบจะเลิกคาบเรียนตอนเย็น จำนวนคนเข้าคิวในระบบก็ไปถึง 93 ล้านแล้ว แถมตัวเลขยังคงเพิ่มขึ้นไม่หยุด
อันที่จริงเดิมทีมีบางคนที่ยังไม่เต็มใจจะร่วมสนุก ผลคือภายหลังเรื่องราวยิ่งแพร่กระจายยิ่งกว้างขวาง คนมากมายวิ่งไปต่อคิวเพื่อให้จำนวนคนต่อคิวไปถึงหนึ่งร้อยล้านล้วน ๆ
ตอนที่จำนวนคนต่อคิวจวนจะถึงหนึ่งร้อยล้าน ระบบจู่ ๆ ก็เด้งเพจใหม่ขึ้นมา: ระบบคัดกรองและตรวจสอบอัตโนมัติ
เหอเสี่ยวเสี่ยวประกาศบนติ๊กต็อกด้วยว่า: ระบบนี้จะใช้คำถาม 36 ข้อมาดำเนินการคัดกรอง กำจัดคนทั่วไปที่มาร่วมสนุก
ตัวเลขเข้าคิวนั่นเริ่มลดฮวบ
แต่เรื่องที่ตลกยิ่งกว่าก็เกิดขึ้น ยังไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ถึงกับมีคนโพสต์คำตอบที่ถูกต้องสำหรับคำถาม 36 ข้อบนเวยป๋อ
คำตอบพอออกมา จำนวนคนเข้าคิวก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วอีกครั้ง
ไม่ใช่อะไรอื่น ทุกคนอยากเห็นว่าเหอเสี่ยวเสี่ยวจะจัดการอย่างไรในขั้นถัดไป……
ชิ่งเฉินขี้เกียจจะดูแล้ว ลุกขึ้นเตรียมโดดเรียน
เพียงแต่เขายังไม่ได้ลุกจากที่นั่ง แขนก็ถูกยางยางที่อยู่ข้าง ๆ คว้าเอาไว้ “อย่าไปนะ”
หูของหูเสี่ยวหนิว, หนานเกิงเฉิน, จางเทียนเจินที่อยู่ด้านข้างผึ่งขึ้นมา
ชิ่งเฉินถามอย่างจนแต้มว่า “ทำไม”
ยางยางกล่าวอย่างจริงจังว่า “นายยังต้องพาฉันกลับบ้าน”
ก๊วนกินแตงสามคนด้านข้างสีหน้าแปรเปลี่ยนไป ใครก็คิดไม่ถึงว่าจะเกิดพล็อตอย่างนี้!
ชิ่งเฉินกล่าวว่า “งั้นตอนนี้เธอตามฉันไปเถอะ”
ยางยางใคร่ครวญชั่วครู่ “โอเค ฉันจะตามนายไป”
ก๊วนกินแตงสามคนมองดูเด็กหนุ่มเด็กสาวหนีเรียนไปอย่างปากอ้าตาค้าง บื้อใบ้ไปเลย
……………………………………
ความจริงตังเมที่เราแปลเขาไม่ได้ใช้คำว่าตังเมแต่เป็นขนมคอเป็ด แต่ว่ามันเป็นขนมที่มีลักษณะเหนียวหนึบเหมือนกันและความหมายในกรณีนี้ก็เหมือนกันคือ “ติดเป็นตังเม” เราเลยคิดว่าใช้ตังเมน่าจะลื่นหูกว่าค่ะ
เรามีความรู้สึกว่าถ้าเป็นเหตุการณ์จริงเราก็อาจจะไปจอยเข้าคิวกับเขาเล่น ๆ เหมือนกันแหละ 555
ตอนที่ 175 – การฝึกตนภายใต้พันจิน